หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1506 ศึกขั้นเทพ
ฝ่ามือทองคำกดลงมา
ประหนึ่งเทพทำลายล้าง ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ข้างใต้จะลดลงเหลือเพียงเถ้าธุลี
นี่คือการหลอมรวมสมบูรณ์แบบระหว่างกายาเซิ่งและพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางของมู่เฉิน ในแง่ของพลังอำนาจแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถปะทะตรงๆ ได้
ที่นอกเมืองทุกคนมองมาที่มู่เฉินด้วยความหวั่นเกรงและหวาดกลัวในสายตา
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำ ขณะเดียวกันความหวาดกลัวและความไม่เต็มใจพล่านในสายตา ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อนมู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาได้สูสีเท่านั้น แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขาตอนนี้คือหุบเหวกว้างใหญ่…
การโจมตีกระบวนท่านี้จากมู่เฉินสามารถทำลายล้างเขาได้เป็นพันครั้งเลยทีเดียว
“ไอ้บ้านี่คิดว่าจะเอาชนะพี่ชายข้าได้ด้วยสิ่งนี้หรือ? ฝันเฟื่อง!” ใบหน้าของหมัวเฮอโยวดูน่ากลัวสายตาจ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความคาดหวังว่าพี่ชายตนจะสามารถบดขยี้มู่เฉินให้แหลกลาญได้
ภายใต้สายตาของทุกคน หมัวเฮอเทียนเผยร่องรอยความเคร่งขรึมในสายตา เมื่อมองไปที่ฝ่ามือ การโจมตีกระบวนท่านี้ของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม
“ประมาทไอ้เด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ”
หมัวเฮอเทียนพึมพำกับตัวเอง เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่เต็มกำลัง แม้แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าลังเล เขาหายใจเข้าลึกรัศมีสีดำขาวก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายก่อตัวเป็นกำแพงแข็งแกร่งห่อหุ้มเขาไว้ภายใน
“ปราการวิญญาณหมัวเฮอ!”
เสียงลึกต่ำดังก้องขณะที่ลูกทรงกลมสีดำขาวลอยอยู่บนท้องฟ้าเอิบอาบความเจิดจรัสยิ่งใหญ่
ปราการวิญญาณหมัวเฮอเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมของเผ่าหมัวเฮอ นี่เป็นสิ่งที่สามารถขัดขวางการโจมตีของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันได้เลยทีเดียว
ตู้ม!
ฝ่ามือใหญ่กดลงมากระแทกเข้ากับลูกทรงกลมสีดำขาวจังใหญ่ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นสวรรค์และโลกก็เงียบงัน…
บนท้องฟ้าสูง มิติล้วนแตกสลายราวกับกระจก ชิ้นส่วนมิติตกลงจากฟ้า…
ภายใต้พายุบ้าคลั่ง ลูกทรงกลมก็ราวกับหินผายิงเข้าไปในเมืองวั้นกู่
ครืนๆๆๆ!
ทั้งเมืองเริ่มวินาศสันตะโรพร้อมกับความผันผวนทำลายล้างแพร่กระจายออกไป อาคารบ้านช่องในเมืองพังยับเยินในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ก่อนที่เมืองวั้นกู่จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง
มีเพียงหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นบึ้งอยู่ใจกลางเมือง
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขารู้ว่าจอมยุทธ์ทั้งสองคนออมฝีมือไว้ มิฉะนั้นพื้นที่ภายในรัศมีแสนลี้คงจะกลายเป็นมิติเวิ้งว้างไปแน่
ดวงตาคมกริบของมู่เฉินราวกับเหยี่ยวขณะมองไปที่ปากปล่อง รัศมีสีทองรอบตัวเขาวูบไหวสะท้อนบนร่างกาย
“สมกับเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอ จัดการยากซะจริง…”
มู่เฉินพึมพำขณะมองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
การโจมตีก่อนหน้านี้บรรจุพลังทั้งหมดของเขา แต่เขารู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนสามารถต้านทานไว้ได้
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนเห็นลูกทรงกลมสีดำขาวลอยคว้าง
ลูกทรงกลมนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวราวกับว่ากำลังจะทลายลง ทว่าก็ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการป้องกันที่น่ากลัว
แกร็ก
เมื่อรอยแตกกระจายไปทั่วบนพื้นผิวลูกทรงกลมก็ค่อยๆ สลายไป ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคนอีกครั้ง
หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนท้องฟ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ไม่แม้แต่เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่ว่ากลับมีแสงน่าขนพองสยองเกล้าวูบวาบในดวงตา
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉิน ขนาดตัวเขายังถูกบังคับให้ต้องใช้การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
ตัวเขาเป็นใคร? เขาเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของมหาพันภพ ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นแค่ไหนก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตา
เพราะเขาสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งปี มดตัวนั้นกลับบังคับให้เขาต้องใช้วิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
นี่เป็นความอัปยศสำหรับหมัวเฮอเทียน
ทว่าสติบอกว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานแน่หากยังคิดประเมินมู่เฉินต่ำต่อไป…
ฮา
หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกระงับความโกรธที่สะท้อนอยู่ในดวงตา ความดูถูกก็ถูกเก็บลงไปหมด ใบหน้ากลับสู่ความเย็นชาอีกครั้ง
ทว่ามู่เฉินรู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนได้หมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบและไม่สนใจอารมณ์อื่นใด อีกฝ่ายเข้าสู่สภาวะพร้อมรบแล้ว
นั่นหมายความว่าตอนนี้หมัวเฮอเทียนปฏิบัติกับเขาเท่าเทียมกันแล้ว
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงสามารถต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีในตอนนั้นได้…” เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ดวงตาของมู่เฉินก็สั่นระริก ชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องโม้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนและเข้าสู่สภาพพร้อมรบ แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาทั้งมั่นคงและไม่สั่นคลอน
“มู่เฉิน เจ้ามาถึงระดับนี้ได้ด้วยอายุเพียงนี้ พรสวรรค์และจิตใจที่ตั้งมั่นเหนือล้ำไปกว่าทุกคน ถ้าให้เวลาอีกสักหน่อย เจ้าอาจมีตำแหน่งในจุดสูงสุดของมหาพันภพ”
“แต่นั่นจะไม่ใช่วันนี้ เผ่าหมัวเฮอของข้าพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ดังนั้นเราไม่อนุญาตให้ใครมาทำให้แปดเปื้อนได้!”
ม่านตาของหมัวเฮอเทียนหมุนเวียนด้วยสีดำและสีขาว ขณะที่เสียงไม่แยแสดังก้องออกมาพร้อมกันนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็รวมตัวกัน ก่อตัวเป็นมหาสมุทรเชี่ยวกรากที่ข้างหลัง
มหาสมุทรกลิ้งตัวไปมา ผืนฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน
หมัวเฮอเทียนคำราม กลืนกินมหาสมุทรคลื่นหลิง จากนั้นทุกคนก็เห็นร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นผลึกบริสุทธิ์ ทว่าแบ่งเป็นสีดำและสีขาว ดูอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
แรงกดดันที่น่ากลัวเอิบอาบไปทั่วร่าง ทำให้มิติสั่นสะเทือนจากแรงกดดันนี้
“กายาหลิงเซิ่ง…”
เมื่อมองไปที่ฉากนี้ท่าทางของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด จากระดับหนึ่งกายาหลิงเซิ่งก็เป็นพลังกายที่ทรงประสิทธิภาพนัก ทว่าก็ยังด้อยกว่ากายานิรันดร์ของเขาเนื่องจากไม่ใช่พลังกายที่บริสุทธิ์ นี่เป็นการหลอมรวมระหว่างคลื่นหลิงกับพลังกายเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวมาสู่ร่างกาย
แม้ว่ากายาหลิงเซิ่งจะด้อยกว่ากายานิรันดร์ แต่เมื่อบวกกับขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของหมัวเฮอเทียนก็ยังคงน่ากลัวจนอธิบายไม่ได้
ปัง!
หมัวเฮอเทียนทะยานเข้ามา มิติถูกฉีกออก เขามาปรากฏตัวเบื้องหน้ามู่เฉิน หมัดกวาดซัดผ่านขอบฟ้าพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน
เมื่อมองฉากนี้ ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบก่อนที่จะยกแขนขึ้นกันเป็นรูปกากบาทพร้อมกับรัศมีสีทองที่ไหลเวียน
ตึง!
เสียงอื้ออึงจากการปะทะกันดังขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกใหญ่ ร่างมู่เฉินสั่นสะท้านแล้วปลิวออกไปหมื่นจั้ง
วาบ!
ก่อนที่มู่เฉินจะทรงตัวได้ ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนก็ปรากฏขึ้นและเริ่มโจมตี
ตึง ตึง ตึง!
ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ มู่เฉินและหมัวเฮอเทียนก็ปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่า นอกจากนี้มู่เฉินดูเหมือนจะถูกปราบ เนื่องจากหมัวเฮอเทียนนำพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางออกมาใช้อย่างเต็มที่
“ขุมพลังหลิงของมู่เฉินอ่อนแอเกินไป แม้ว่าพลังกายจะทรงศักยภาพ แต่เขาก็ไม่มีสามารถเทียบได้กับหมัวเฮอเทียน” ฝูถูเฉวียนแสดงความคิดเห็นขณะที่มองการต่อสู้
เมื่อเฉวียนกวางและมั่วถงได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ‘ขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือ? ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่สามารถประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้กับหมัวเฮอเทียนถึงระดับนี้ ท่านผู้เฒ่ายังต้องการอะไรอีก?’
ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มหวาน “ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เฉินเอ๋ออาจจะถูกปราบปรามโดยหมัวเฮอเทียน แต่อย่าลืมทักษะเทพที่เฉินเอ๋อเชี่ยวชาญ…”
ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหดดวงตา เนื่องจากเขาเห็นมู่เฉินหยุดลงฉับพลัน ก่อนที่ลำแสงสีดำและสีขาวจะพุ่งออกมาจากร่างกลายเป็นอีกสองร่างยืนเคียงกัน
วิชาสามพิสุทธิ์!
ตอนนี้มู่เฉินทั้งสามยืนอยู่บนท้องฟ้า นอกเหนือจากร่างหลักแล้ว ร่างรองทั้งสองก็ยังเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่ามีกายาเซิ่งด้วยเช่นกัน
นี่คือจุดทรงพลังของวิชาสามพิสุทธิ์ ไม่ว่าร่างหลักจะครอบครองสิ่งใดก็จะส่งต่อให้ร่างรองเสมอ
ชี่!
เสียงแหลมบาดแก้วหูมาถึงที่เบื้องหน้า หมัวเฮอเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรัศมีสีดำขาวจากกำปั้นไหลเวียนประหนึ่งกระแสน้ำวน
แต่คราวนี้มู่เฉินไม่ได้ถอยเมื่อเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน เขาแผดสียงคำราม ร่างทั้งสามก็ชกหมัดออกไป หมัดและฝ่ามือปะทะกัน
ตึง!
คลื่นกระแทกพัดออกมา แต่ทุกคนต่างตกตะลึงในครั้งนี้ เพราะมู่เฉินไม่ได้ถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว…
ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเคร่งขรึม แต่ก็ยังปล่อยการโจมตีและภาพมายาออกมาไม่หยุด
มู่เฉินทั้งสามนำกายาเซิ่งเร้าไปถึงจุดสุดยอด เผชิญหน้ากับการโจมตีเหล่านั้น
ทั้งโลกพลิกผันจากการปะทะยกนี้
ไม่กี่นาทีต่อมาหมัวเฮอเทียนก็ถอยออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นั่นเป็นเพราะเมื่อมู่เฉินใช้วิชาสามพิสุทธิ์ก็สามารถสู้กับเขาโดยไม่เสียเปรียบแล้ว
เผชิญหน้ากับมู่เฉินแบบนี้ แม้แต่กายาหลิงเซิ่งของเขาก็ไม่สามารถได้เปรียบ
หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกๆ มือประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ในเวลาเดียวกันยักษ์สีดำขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ร่างมหึมาด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงอุทานตามมาอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือ… อันดับแปดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง… ร่างเทพมหันต์!”
“หมัวเฮอเทียนถูกบังคับมาถึงจุดนี้แล้วเชียว…”