หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1529 ปณิธานเอกภพ
ด้านนอกดินแดนวั้นมู่
ชายสองคนยืนเอามือไพล่หลัง เมื่อพวกเขาปรากฏตัวแรงกดดันปีศาจที่ปกคลุมดินแดนนี้ก็ลดลง
“เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม!”
เมื่อมองไปที่ทั้งสองพวกฉิงเทียนก็ชื่นชมยินดี แม้ว่าในสายตาของหลายคนทั้งเซียวเหยียนและหลินต้งจะดูไม่ได้แตกต่างจากพวกเขานัก เนื่องจากทั้งคู่ก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุดเช่นกัน
แต่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าทั้งสองคนยากแท้เกินหยั่งถึงขนาดไหน
ดังนั้นสถานการณ์จึงมั่นใจได้เล็กน้อยหลังจากการปรากฏตัวของทั้งสองคน
“ฮ่าๆ ขอโทษที่มาสาย โปรดอย่าถือโทษกันเลยนะ พวกจักรวรรดิปีศาจใช้กลอุบายเพื่อรั้งเราเอาไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกข้าเพิ่งจะมาถึง” เซียวเหยียนหันกลับมาพลางยิ้ม รอยยิ้มราบเรียบของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจ
“ไม่กล้าๆ” ฉิงเทียนส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ข้าสร้างปัญหาทำให้สถานการณ์ยุ่งยากขึ้นนะ”
เซียวเหยียนถอนหายใจพูดออกมา “สำหรับเรื่องเมล็ดหัวใจปีศาจ เจ้าไม่ควรตำหนิตัวเอง แม้ว่าตอนนั้นข้าจะรู้สึกได้แต่ก็ไม่สามารถมองลึกลงไปในนั้นได้ ดังนั้นจึงไม่มั่นใจเท่าไร ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ทิ้งเมล็ดเพลิงไว้กับเจ้าเท่านั้น”
หลินต้งพยักหน้ากล่าวว่า “ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือจัดการกับความยุ่งยากเหล่านี้”
จากนั้นหลินต้งก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เทพปีศาจจักรพรรดิอย่างเย็นชา ราวกับว่าสายตาสามารถทะลุทะลวงผ่านอีกฝ่ายได้
“เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม… ข้าส่งหกประมุขจากสามสิบสองเผ่าใหญ่ไป ไม่คิดว่าจะหยุดยั้งพวกแกไม่ได้!” จอมปีศาจเซิ่งเทียนกดความตกตะลึงบนใบหน้าขณะมองไปที่ทั้งสอง
เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้ม
“แกกำลังพูดถึงพวกมันหรือเปล่า?” ทั้งสองยกฝ่ามือขึ้นคลื่นหลิงจากฝ่ามือพวกเขาก็ก่อร่างเป็นลูกทรงกลม มีปีศาจข้างละสามตัวกำลังส่งเสียงโหยหวนอยู่ภายใน แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนสู้อย่างไรก็ไม่สามารถสั่นคลอนวัตถุนี้ได้
เมื่อมองไปที่ร่างทั้งหกนั้น จอมปีศาจเซิ่งเทียนก็หดตาลง ประมุขเผ่าปีศาจอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้าไป เนื่องจากนั่นคือประมุขหกคนในสามสิบสองเผ่าใหญ่!
ต้องรู้ว่าพวกเขาทุกคนเป็นนักรบสุดยอดระดับจอมปีศาจและไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเลย แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดถูกจับได้โดยเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม?!
“แค่หกจอมปีศาจก็คิดบุกแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูเหรอ? พวกแกดูถูกพวกข้ามากเกินไปหน่อยแล้ว” น้ำเสียงของหลินต้งดังกึกก้องด้วยศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิ
ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนกระตุกรุนแรง ความป่าเถื่อนพวยพุ่งขึ้นในดวงตาขณะพูดอย่างเย็นชา “ยังไม่รีบปล่อยพวกเขาอีก? ไม่งั้นแคว้นหวูจิ้งฮั่วและแคว้นหวูของพวกแกก็รอถูกล้างออกจากจักรวาลนี้เลย!”
พอได้ยินคำขู่ดังกล่าว เซียวเหยียนและหลินต้งก็หรี่ตาลงพร้อมกับไอหนาวเหน็บเจาะกระดูกแผ่ซ่าน
จากนั้นพวกเขาก็แสดงปฏิกิริยาตอบสนอง มือของพวกเขากำแน่น พลังน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าไปในลูกทรงกลมในมือ เมื่อพลังระเบิดออกไปจอมปีศาจทั้งหกก็ไม่ทันแม้แต่จะร้องตะโกนออกมาสักแอะก็ถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก…
จอมปีศาจหกคนตายคาที่
เมื่อมองไปที่ภาพเบื้องหน้าใบหน้าของจอมปีศาจคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก สายตาเย็นชาลงหลายส่วน
“ฮ่าๆ น่าสนใจ…”
ที่ด้านหน้าเทพปีศาจจักรพรรดิเฝ้าดูฉากนี้ด้วยความสนใจขณะจ้องมองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้ง “เจ้าสองคนแข็งแกร่งกว่าพวกนั้นมาก”
แม้ว่าจอมปีศาจคนอื่นๆ จะไม่สามารถบอกระดับของเซียวเหยียนและหลินต้งได้ แต่เทพปีศาจจักรพรรดิสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งนั้นได้ดี ทั้งสองคนแข็งแกร่งกว่าพวกฉิงเทียนมาก
เซียวเหยียนและหลินต้งจดจ้องอยู่ที่เทพปีศาจจักรพรรดิ เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบปีศาจระดับนี้แม้แต่ใบหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เจ้าคงเป็นเทพปีศาจจักรพรรดิที่ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ยอมสละชีวิตเพื่อผนึกเอาไว้สินะ” เซียวเหยียนกล่าว
เทพจักรพรรดิปีศาจเผยรอยยิ้ม ม่านตาดูราวกับสามารถเขมือบทุกอย่างได้ “ตอนนั้นข้าประเมินเทพจักรพรรดินิรันดร์ต่ำไป เนื่องจากข้าไม่คิดว่าจะมีคนที่ทรงพลังอย่างมันในมหาพันภพ”
หลินต้งยืนคล้ายกับเสาสูงตระหง่านขณะตอบว่า “มหาพันภพเต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ ในเมื่อเรามีเทพจักรพรรดินิรันดร์หยุดแกในตอนนั้น ก็จะมีคนมาปราบแกในวันนี้เช่นกัน”
“โอ้?”
เทพปีศาจเลิกคิ้วขึ้นขณะมองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม “งั้นข้าจะดูสิว่าใครจะหยุดข้าได้หลังจากที่ไอ้ปู้ซิ่วตายไป”
เซียวเหยียนยิ้ม “แกดูถูกมหาพันภพ ก็เพราะแกคิดว่าไม่มีใครในมหาพันภพที่สามารถบรรลุระดับนั้นได้อีก”
ม่านตาของเทพปีศาจหดลงฉับพลัน สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก เขามองไปที่เซียวเหยียน “พวกแกรู้ถึงระดับนั่นเรอะ?”
“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถือเป็นจุดสุดยอดของมหาพันภพ แต่ยังมีระดับใหม่ที่อยู่นอกเหนือจากนั้นอีก” เซียวเหยียนตอบ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นฉิงเทียนและคนอื่นๆ ก็ตัวสั่น พวกเขาไม่กล้าคิดฟุ้งซ่าน ตราตรึงคำพูดของเซียวเหยียนลงลึกไว้ในหัวใจ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว แต่ระดับนี่ราวกับเป็นขีดจำกัด ไม่ว่าจะเพาะบ่มพลังอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถพัฒนาได้อีก…
พวกเขาไม่อาจสัมผัสกับขอบเขตที่อยู่เหนือระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้สักที
“ขอบเขตนอกเหนือจากระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไม่ได้ลึกลับอะไรขนาดนั้น บางทีอาจง่ายด้วยซ้ำ เพียงแค่ผู้ฝึกต้องการโอกาสเท่านั้น” เซียวเหยียนยิ้ม “และโอกาสนั้นก็คือ…”
“ปณิธานเอกภพ”
ครั้งนี้หลินต้งพูดออกมา เมื่อเสียงราบเรียบดังสะท้อนก้อง ฉิงเทียนและคนอื่นๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของมหาพันภพและพลังงานหลิงก็ทรงพลังมากขึ้นอย่างคลุมเครือ
“ปณิธานเอกภพ?” ฉิงเทียนและคนที่เหลือพึมพำคำเหล่านั้น แม้จะมีความเข้าใจในใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อกับระดับนั้นได้ จึงไม่สามารถอธิบายความลึกซึ้งได้
“ปณิธานเอกภพ?” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ยอดยุทธ์ทั้งสองที่เผชิญหน้ากับเทพปีศาจพร้อมกับความสั่นสะเทือนในใจ ดวงตาของเขากะพริบด้วยแสงพร่างพราวและมีความเข้าใจในใจ
“ในเส้นทางการฝึกฝนใดๆ สุดท้ายก็จะมาถึงจุดหมายปลายทางเดียวกัน จอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนสามารถกระตุ้นพลังงานเอกภพเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง…”
“มหาพันภพมีปณิธาน โดยการสัมผัสถึงปณิธานนั้นเท่านั้นถึงจะสามารถสลักวิญญาณไว้ในมหาพันภพและกระตุ้นพลังงานเอกภพได้ ซึ่งระดับนั้นเป็นขอบเขตที่อยู่เหนือระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง” เสียงของเซียวเหยียนและหลินต้งดังก้องกังวาน ทำให้จอมยุทธ์คนอื่นๆ มึนเมาไปตามกัน
นั่นคือระดับในตำนานที่อยู่เหนือระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง
“กระตุ้นพลังงานเอกภพ…” หัวใจของมู่เฉินตกตะลึง แม้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะสามารถควบคุมและเชื่อมโยงกับคลื่นหลิงในพื้นที่ส่วนหนึ่งของมหาพันภพ แต่ก็ไม่มีอะไรถ้าเทียบกับการควบคุมมหาพันภพทั้งหมด
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะทรงพลังขึ้นเพียงใดหลังจากพลังงานเอกภพเสริมเข้าสู่ร่างกาย?
เซียวเหยียนมองไปที่เทพปีศาจจักรพรรดิซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึม “ในอดีตท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ได้อาศัยพลังมหาพันโลกในการผนึกแก”
สายตาเทพปีศาจจ้องมองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งก่อนจะกล่าวว่า “ไม่คิดว่าพวกแกสองคนจะรู้ความลับนี้ แต่รู้อย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์!
“นับตั้งแต่มหาพันโลกอุบัติขึ้นก็มีเพียงไอ้ปู้ซิ่วเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นปณิธานเอกภพได้”
“ดังนั้นไม่ว่าวันนี้แกสองคนจะพูดดีขนาดไหน มหาพันภพก็ถึงวาระสุดท้ายแล้ว”
เมื่อคำพูดสุดท้ายเปล่งออกไป รัศมีปีศาจทำลายล้างก็กวาดออก แม้แต่ทวีปใกล้เคียงก็ถูกกลืนกินเข้าไปในนั้น
ทว่าเมื่อประจันหน้ากับรัศมีปีศาจ เซียวเหยียนและหลินต้งกลับมีสีหน้าสงบ พวกเขาสบตากันก่อนที่จะหลับตาลง
ขณะที่พวกเขาหลับตาลง หัวใจของจอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็สั่นสะท้าน เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากทุกมุมของมหาพันภพ…
ตู้ม!
จากนั้นพลังงานหลิงในมหาพันภพก็ปะทุขึ้น ทำเอาจอมยุทธ์ทุกคนต้องเงยหน้าขึ้น พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งจิตวิญญาณที่น่าทึ่งกำลังรวมตัวมาที่ดินแดนวั้นมู่
พลังงานหลิงนี้ทรงพลังมากจนแม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็รู้สึกหวาดกลัว
มู่เฉินและคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นมองไปในกลางอากาศ รัศมีปีศาจรุนแรงบริเวณนั้นเริ่มแปรปรวนราวกับว่าถูกฉีกออกโดยบางอย่าง…
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลำแสงหลิงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าทะลุผ่านรัศมีปีศาจ เพียงไม่กี่สิบลมหายใจสั้นๆ รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากที่โหมกระหน่ำในทวีปต่างๆ ก็เต็มไปด้วยรูพรุน…
ลำแสงเหล่านั้นแตกต่างจากคลื่นหลิงทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว เพียงริ้วเดียวก็สามารถทำให้คลื่นต่างๆ สั่นสะเทือน
เซียวเหยียนและหลินต้งลืมตาขึ้นพร้อมความเย็นเยือกขณะมองไปที่เทพปีศาจจักรพรรดิ ในเวลาเดียวกันเสียงของพวกเขาก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
“ในเมื่อแกไม่เชื่อ เราก็จะให้แกเป็นพยานด้วยตัวเอง แม้ว่าท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์จะสิ้นชีพไปแล้ว แต่แกก็ไม่สามารถดูถูกเหยียดหยามมหาพันภพได้…”