หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 542
บทที่ 542 เรื่องใหญ่
หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางออกไปจากถ้ำ เขากลับเข้ามาในถ้ำหลังครึ่งชั่วโมง
เขาได้ล่อสัตว์ป่าตัวหนึ่งออกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
จู๋หวินเหลือบมองลู่เสี้ยงหยาง จากปฏิกิริยาของเธอรู้ได้ทันทีว่าลู่เสี้ยงหยางจัดการเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอมีความรู้สึกเพิ่งพาผู้ชายอย่างลู่เสี้ยงหยางขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้แม้ว่าฝีมือธรรมดา แต่ในสถานการณ์หลายอย่างเขาสามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยได้ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่พิเศษในตัวของผู้ชายที่จะกันทุกคน
จู๋หวินเอียงคอจ้องมอง พลันใบหน้าแดงเรื่ออย่างไม่รู้ตัว
ลู่เสี้ยงหยางสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงเรื่อของเธอ แต่เขาคิดว่าเป็นเพราะควันไฟเขม่าที่แผดเผาใบหน้าของเธอจนแดง จึงไม่ใส่ใจคิดมากไปกว่านั้น
เมื่อนั่งลงกับพื้น จู๋หวินก็ยื่นเนื้อกระต่ายครึ่งหนึ่งที่ย่างเสร็จแล้วให้กับเขา
ลู่เสี้ยงหยางหิวโหย เขาสวาปามเนื้อกระต่ายทันที อย่างไร้ภาพลักษณ์
เมื่อเห็นสภาพของเขา จู๋หวินขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มแดง จะทานเนื้อกระต่ายอย่างสง่า
การทานของเธอเมื่อเทียบกับลู่เสี้ยงหยางแล้ว ช่างแตกต่างกันราวกับจักรพรรดิหญิงและยาจก
ภายในหนึ่งนาที ลู่เสี้ยงหยางทานเนื้อกระต่ายครึ่งตัวจนหมด เพราะเขาหิวโหยอดอยาก กระต่ายครึ่งตัวนั้น ไม่สามารถทำให้เขาอิ่มท้องได้
ลู่เสี้ยงหยางหยิบผลไม้ที่อยู่ที่พื้นขึ้นมา ก่อนที่จะกัดกิน
ห้านาทีผ่านไป จู๋หวินวางเนื้อกระต่ายย่างในมือลง เหมือนว่าเธอจะอิ่มแล้ว เธอทานไปไม่เยอะ เนื้อกระต่ายยังเหลือมากกว่าครึ่ง
ด้วยความหิวโหย ลู่เสี้ยงหยางจึงกล่าวถามจู๋หวิน “อิ่มแล้วหรือ?”
จู๋หวินพยักหน้ารับ “ฉันอิ่มแล้ว”
ดวงตาที่งดงามปิดลง เพื่อทำการเปิดผนึกต่อไป
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ พลันเอื้อมไปหยิบเนื้อกระต่ายย่างของจู๋หวินที่ทานเหลือเอาไว้มาไว้ในมือ ก่อนที่จะเริ่มกัดกินอีกครั้ง
จู๋หวินลืมตาขึ้น เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าที่งามสง่า แดงเรื่อขึ้นมา ของที่เธอทานเหลือกลับถูกผู้ชายคนนี้เก็บไปทานต่องั้นหรือ
เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนรุ่มว้าวุ่นใจไปหมด
เอ่อ!
ผู้ชายคนนี้ไม่รังเกียจเนื้อกระต่ายย่างที่เธอทานเหลืออย่างนั้นหรือ?
ในเวลาเดียวกัน ลู่เสี้ยงหยางทานอย่างเอร็ดอร่อย เขาไม่รังเกียจอยู่แล้ว เนื้อกระต่ายย่างครึ่งตัวที่จู๋หวินทานเหลือ กลับรู้สึกได้รสชาติมากกว่าเก่าเสียอีก
ฮ่าฮ่า ของที่หญิงงามขนาดนี้ทานเหลือ เขาเก็บไปทานต่อ นั่นก็เท่ากับว่าจูบเธอทางอ้อม
หอมกรุ่นเสียจริง หวังว่าทุกครั้งที่เธอทานจะทานเพียงครึ่งหนึ่ง เก็บอีกครึ่งไว้ให้กับเขา ฮ่าฮ่าฮ่า สะใจเป็นบ้า
หลายนาทีผ่านไป ลู่เสี้ยงหยางกลืนเนื้อกระต่ายย่างลงไปในท้อง คราวนี้เขาดูเกินเหตุมากกว่าเก่า จะแทบจะกลืนกระดูกลงไปในกระเพาะด้วย
ทีท่าชั้นต่ำของลู่เสี้ยงหยาง ทำให้จู๋หวินรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจเผยออกมาได้ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
เธอหลับตาลง อย่างไม่กล้าคิดอะไรไปมากกว่านี้ คราวนี้เธอออกมานานเกินไปแล้ว ต้องกลับไปโดยเร็วที่สุด
ต่อมา จู๋หวินรู้สึกร่างกายของเธอผิดปกติมากกว่าเก่า ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงท้องของเธอเสมือนกับมีไฟลูกหนึ่งแผดเผาเธออยู่
ทีแรกเธอไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากการที่เธอพยายามเปิดผนึก แต่ลูกไฟกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะรามไปทั่วร่างของเธอ
จนร่างทั้งร่างของเธอมีลูกไฟอยู่ เสมือนกับถูกโยนเข้าไปในกองไฟ ที่รอบด้านเต็มไปด้วยควันเขม่า
ในใจของเธอยังคงมีความคิดที่น่าหวาดหวั่น เธออยากเปลื้องเสื้อผ้าในร่างกายออกไปให้หมด
ในเวลาเดียวกัน ลู่เสี้ยงหยางที่นั่งอยู่ข้างๆ เองก็มีความรู้สึกเดียวกัน เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เสมือนกับว่าร่างกายถูกไฟแผดเผา จนเขาอยากจะปลดปล่อยลูกไฟนี้ออกมา
ที่น่ายิ่งไปกว่านั้น เขาเพียงเหลือบมองจู๋หวิน ในหัวของเธอเขาก็เกิดเสียงฟ้าร้องคำราม ที่เต็มไปด้วยความอยากและวู่วาม
เขาอยากจะกดหญิงงามตรงหน้าเอาไว้ใต้ร่าง
บัดซบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ลู่เสี้ยงหยางเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที เขารู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกาย หากเป็นไปตามคาดเขาคงถูกพิษกำหนัด
เมื่อนึกได้อย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางแทบจะฆ่าตัวตาย จึงกล่าวกับจู๋หวินด้วยความรีบร้อน “เนื้อกระต่ายที่คุณย่างไปเมื่อสักครู่ ได้ใส่อะไรลงไปใช่ไหม?”
ใบหน้าของจู๋หวินแดงเรื่อ ความสง่างาม ที่เต็มไปด้วยความดึงดูด เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ฉันใส่ผงในขวดหยกสีแดงลงไป”
ขวดหยกสีแดงเป็นของที่ลู่เสี้ยงหยางพกติดตัวเองไว้ ขวดหยกที่เธอพกมาด้วยไม่ได้มีเพียงแค่สิ่งนี้
หากเอาออกมากองไว้อย่างน้อยต้องมีห้าถึงหกขวด
สิ่งที่อยู่ในขวดยาคือโลหะผงและยาต่างๆ
ก่อนหน้านี้ที่ลู่เสี้ยงหยางใช้ของในขวดหยกออกไปล่อสัตว์ป่า เพราะงั้นเขาจึงเอาออกมาทั้งหมด
และในตอนนั้นเอง ตอนที่จู๋หวินเห็นขวดมากมายในตอนที่รับกระต่ายมาไว้ เธอคิดว่าเป็นเครื่องปรุง เพราะงั้นเธอจึงหาขวดที่กลิ่นหอมที่สุดทาไปที่ตัวกระต่าย
หากแต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่อยู่ในขวดหยกนั้น จะมีฤทธิ์แบบนั้นด้วย
นั่นเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ลู่เสี้ยงหยางเอาไว้กลั่นยาจิตทอง
เขาไม่นึกเลยว่าจะถูกจู๋หวินนำไปใส่เป็นเครื่องปรุงในการย่างเนื้อกระต่าย
ตอนนี้จู๋หวินรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ ดวงตาที่ราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ประกายวับวาว จับจ้องลู่เสี้ยงหยาง กล่าวอย่างเย็นชา “ที่แท้แกเป็นคนชั้นต่ำแบบนี้นี่เอง ถึงกับพกพาของที่ไร้ยางอายแบบนี้กับตัว”
ลู่เสี้ยงหยางร้อนรน รีบแก้ตัว “อย่าใส่ร้ายผมสิ แม้ว่าผงนั่นจะมีฤทธิ์แบบนั้น แต่มันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการกลั่นยา เพราะคุณเองไม่ได้รับอนุญาตจากผม เทผงนั่นลงไปในตัวกระต่าย นั่นไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อยนี่?”
ในขณะที่เขาพูดไปอย่างนั้น ยาได้ออกฤทธิ์ในร่างกายอย่างรุนแรง ลู่เสี้ยงหยางลมหายใจถี่รัว แม้แต่ดวงตาเองก็เกิดแดงก่ำขึ้นมา
จู๋หวินเองก็มีอาการที่ไม่ต่างกัน ลมหายใจถี่รัว ร่างกายร้อนรุ่ม ในหัวควบคุมไม่ได้ที่จะนึกภาพที่น่าอับอาย
เพราะเธอมีสติที่ดีเยี่ยม เธอจึงควบคุมอาการในร่างของเธอ
เหอะ!
จู๋หวินกล่าวอย่างไม่พอใจ “อย่าคิดที่จะแก้ตัวไปหน่อยเลย แกพกของพวกนี้ไว้กับตัวต้องไม่ใช่คนนี้แน่”
เธอกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่ามากกว่าเก่า
เสมือนกับฉีดตัวเร่งปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งเข้าสู่ร่างกายของลู่เสี้ยงหยาง ทำให้ลู่เสี้ยงหยางทรมาน
ลู่เสี้ยงหยางไม่นึกถึงผลที่ตามมา ชายหนุ่มโผลเข้าใส่ร่างของจู๋หวิน