หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 878 พันลี้ในพริบตา
ตอนที่ 878 พันลี้ในพริบตา
“เยี่ยเทียน ของที่อยากได้พวกแกก็ได้ไปแล้ว พวกแกจะไปกันได้หรือยัง?”
วานรขาวเกิดและโตอยู่ที่นี่ ผูกพันกับสถานที่นี้อย่างลึกซึ้ง แต่ก็ยังเอ่ยปากไล่เยี่ยเทียนให้ออกไป เพราะกลัวว่าดินแดนราวสวรรค์แห่งนี้จะถูกคนอื่นค้นพบเข้า ด้วยกำลังของมันเกรงว่าจะปกป้องดูแลไม่ได้
“ได้สิ พี่วานรขาว พวกเราจะไปรอพี่ที่ตรงนั้น”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เขายังอยากดูวิธีที่วานรขาวใช้เปิดปิดประตูถ้ำอีกครั้ง เขาเดินนำโก่ซินเจีย เจ้าสิงห์ขนทองและเจ้าเหมาโถวไปรออยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขา
วานรขาวร่ายมนต์อีกครั้ง หมู่อาคารตระการตาเกิดเสียงโครมครามกึกก้อง ค่อยๆจมลงไปใต้พื้นดินอย่างรวดเร็วง่ายดายเหมือนตอนที่ปรากฎขึ้น ชั่วครู่ต่อมาก็ปกคลุมด้วยภูเขาหัวโล้นลูกหนึ่ง
มองดูยอดเขาหัวโล้นแล้วเยี่ยเทียนถอนหายใจ
“เพียงแค่ย้ายต้นไม้มาปลูกเสียหน่อย อีกไม่ถึงสิบปียอดเขานี้ก็แทบไม่เหลือร่องรอยอะไรอีก วิธีการนี้ฉันเองยังทำไม่ได้เลย!”
ถ้ำซ่อนอยู่ใต้ดิน พลังธรรมชาติเรียกได้ว่าเข้มข้นที่สุดในเขตอาณจักรแห่งเทพกสิกร แม้แต่สวนสมุนไพรก็ยังเทียบไม่ได้ เมื่อมีพลังวิเศษอย่างอุดมสมบูรณ์ พืชพันธุ์ต่างๆเติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ปี พืชที่เกิดใหม่จะปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขาแล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก เธอไม่ต้องน้อยใจไป วันหน้าเธอประสบความสำเร็จขึ้นมา คนตระกูลซือคงยังต้องให้ความเคารพเธอเลย!”
โก่วซินเจียทำความเข้าใจเรื่องดินแดนแห่งเซียนแล้ว ตัวเขาเองมองศิษย์น้องคนเล็กของตนได้อย่างปะลุปรุโปร่ง เขาอายุแค่ยี่สิบกว่าก็ฝึกวิชาถึงขั้นนี้ อีกแค่ก้าวเดียวก็จะถึงขั้นจินตัน ตั้งแต่โบราณมาไม่มีใครเทียบเยี่ยเทียนได้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ผมแค่โชคดีกว่าคนอื่น!”
เยี่ยเทียนยิ้ม เห็นวานรขาวเข้ามาใกล้แล้วก็รีบเดินออกไปรับ แล้วเอ่ยเชื้อเชิญ
“พี่วานรขาว ตระกูลซือคงไม่เหลือทายาทแล้ว พี่ไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นี่”
แม้ตอนที่เจอกับวานรขาวครั้งแรกเยี่ยเทียนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่วานรขาวยังถือว่ามีคุณธรรม สุดท้ายแล้วได้คืนกระดิ่งซานชิงให้เยี่ยเทียน ตอนหลังยังช่วยดูแลเจ้าเหมาโถวเป็นอย่างดี การที่เยี่ยเทียนฝึกถึงขั้นเซียนเทียนได้ถือเป็นหนี้บุญคุณวานรขาวอยู่ไม่น้อย
“ไม่ไป ข้าอยู่ในป่าแบบนี้สบายกว่า”
วานรขาวส่ายหัว
“เยี่ยเทียน ถ้าแกใจดีละก็ ทุกปีเอาเหล้ามาส่งให้ข้าที่นี่ก็พอ”
ตอนเด็กๆวานรขาวเคยติดตามเจ้านายออกไป แต่มันไม่พอใจในโลกมนุษย์นัก อากาศขมุกขมัวไม่สดชื่น ผู้คนต่างมองมันด้วยสายตาแปลกประหลาด ทำให้มันไม่คุ้นชิน หลายปีมานี้มันจึงไม่ได้ออกไปปรากฏกายให้ใครเห็น
“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นพี่ดูแลตัวเองดีๆ!”
เยี่ยเทียนคำนับวานรขาว แล้วดึงโก่วซินเจียเข้ามาใกล้ อ้าปากคายมีดบินประจำตัวที่เก็บไว้ในตันเถียนออกมา
“พวกแกจับให้ดีนะ!”
เยี่ยเทียนหันไปกำชับกับสิงห์ขนทองและเหมาโถวที่เกาะอยู่บนบ่าและกำลังแทะลูกท้ออยู่ เขาแค่นึกอยู่ในใจ มีดบินยาวสามนิ้วลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้า ขยายกลายเป็นดาบชิงเฟิงยาวสามศอก เยี่ยเทียนขึ้นไปยืนอยู่บนดาบ โอนเอนเล็กน้อย
เขาปล่อยพลังปราณแท้ออกมาแล้วตะโกนสั่งเบาๆว่า
“ไป!”
ร่างของเยี่ยเทียนก็หายวับไปจากเบื้องหน้าของวานรขาว เมื่อเจ้าวานรขาวเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเห็นเงาของพวกเขาลอยละลิ่วไปอยู่ไกลๆ
อาณาเขตแห่งเทพกสิกรห่างจากเมืองหลวงเป็นพันกิโลเมตร แม้เยี่ยเทียนจะเพิ่งฝึกเหาะด้วยมีดบิน กายที่อยู่บนมีดโอนเอนไปมาไม่มั่นคง แต่เพียงไม่นาน เยี่ยเทียนก็มาถึงเขตน่านฟ้าของเมืองหลวงแล้ว
ยังไม่ทันรอให้เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์น่านฟ้าแห่งเมืองปักกิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของกลุ่มเมฆ เยี่ยเทียนได้เหาะลงที่เรือนสี่ประสานของตัวเอง ความเร็วของมีดบินแม้แต่กล้องตรวจจับความเร็วยังตามจับไม่ทัน!
มองดูเรือนสี่ประสานที่คุ้นเคยแล้วโก่วซินเจียเหม่อลอย ถามเยี่ยเทียนว่า
“ศิษย์น้องเล็ก นี่มันของวิเศษอะไรกัน? ทำไมถึงเดินทางได้เป็นพันลี้ในชั่วพริบตาเดียว?”
เมื่อฝึกถึงระดับเซียนเทียน โก่วซินเจียสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เพียงแต่ช้ากว่าเหาะด้วยมีดอยู่มาก ทั้งยังสิ้นเปลืองพลังปราณแท้ เขาคิดไม่ถึงว่าชั่วเวลาอาหารหนึ่งมื้อ เขาได้เหาะข้ามหุบเขาเป็นหมื่นๆลูกมาถึงเมืองหลวง เหมือนกับอยู่ในความฝัน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ถึงขนาดในชั่วพริบตาหรอก ถ้าถึงขั้นจินตันเมื่อไหร่ถึงจะทำได้อย่างที่ศิษย์พี่พูด!”
สีหน้าเยี่ยเทียนซีดลงไปเล็กน้อย ความเร็วของมีดบินขึ้นอยู่กับพลังลมปราณที่มีอยู่ของเขา ในเวลาชั่วหนึ่งก้านธูป เยี่ยเทียนสูญเสียพลังปราณไปถึงแปดส่วน ถ้าไม่มีพลังปราณอยู่อย่างเพียงพอ จากมีดบินอาจจะกลายเป็นมีดคลานก็เป็นได้
“นี่….นี่มันสุดยอดไปเลย มีของวิเศษชิ้นนี้ ที่ไหนๆในโลกก็ไปได้?”
เห็นเยี่ยเทียนยังไม่เก็บมีดบินเข้าไป โก่วซินเจียตาวาว เขากับจั่วเจียจวิ้นถึงจะมีของวิเศษอยู่กับตัวหลายชิ้น แต่ถ้าเทียบกับมีดบินของเยี่ยเทียนแล้ว ของที่เขามีนั้นเหมือนของเล่นเด็กไปเลย
เยี่ยเทียนคิดเล็กน้อย ตอบว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ผมมีของดีอยู่อีกอย่าง เดี๋ยวค่อยเอาให้พี่ดู ส่วนมีดบินผมจะบอกว่าผมสร้างมันขึ้นมากับมือก็ไม่ผิด แต่ต้องใช้ทองคำจำนวนมหาศาล….”
ในมือเยี่ยเทียนยังมีของวิเศษล้ำค่าอีกหลายชิ้น ทั้งกระดิ่งซานชิง ในตัวกระดิ่งยังมีฤทธิ์ช่วยสงบจิตใจเสริมการฝึกวิชาอีกด้วย ทั้งยังปลดปล่อยเสียงคลื่นสั่นสะเทือนปราบมารปราบศัตรูได้ด้วย ถือเป็นอาวุธที่มีคุณทั้งด้านคุ้มครองและด้านการต่อสู้
แต่กระดิ่งซานชิงพกพาไม่ไหนไม่ค่อยสะดวก เยี่ยเทียนจึงไม่ค่อยนำมันติดตัวไปด้วยบ่อย หลังจากมีมีดบินแล้วยิ่งไม่สนใจมันเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่เข้าถึงระดับเซียนเทียนแล้ว
“ดีสิ ดีกว่าไม่มีอะไรเลย”
โก่วซินเจียพยักหน้า แล้วจ้องมีดบินของเยี่ยเทียนไม่วางตา เอ่ยต่อว่า
“ศิษย์น้องเล็ก ทองคำน่ะฉันกับศิษย์น้องรองจะไปหามาให้ แล้วนำมาให้เธอช่วยหลอมมีดบินให้พวกเราอีกสักเล่มนะ!”
โก่วซินเจียอายุเกือบร้อยปี ตามหลักแล้วควรจะไม่มีห่วงอะไรอีก แต่เมื่อเห็นมีดบินเล่มนี้เข้า เขานึกถึงนิยายเรื่อง “จอมยุทธแห่งเขาซู่ซาน” จึงอยากมีไว้ครอบครองบ้าง
“เอาเถอะ ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไปข้างหน้ากันเถอะ ได้ยินพวกเขาโวยวายกันอยู่ไหม!”
เยี่ยเทียนยิ้ม สำนักเสื้อป่านของเขามีลูกศิษย์น้อย มีเหรอที่เขาจะไม่ช่วย?
เขาดึงตัวโก่วซีนเจียเข้าไปในบ้าน ตอนที่คุยอยู่กับโก่วซินเจียนั้น เจ้าเหมาโถวกับสิงห์ขนทองช่างใจร้ายเหลือเกินไม่เห็นความสำคัญของการเดินทางด้วยความเร็ว หลายปีที่เหมาโถวจากบ้านไปกลายมาเป็นเจ้าของที่ พาสิงห์ขนทองเที่ยวชมรอบตัวบ้าน ทำให้เหล่าคุณป้าของเยี่ยเทียนตกอกตกใจกันใหญ่
“เหมาโถว ทำไมแกกลับมาแล้วล่ะ? ยังมีเจ้านี่อีก พวกแกมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?”
เยี่ยเทียนได้ยินเสียงป้าใหญ่โวยวายดังออกมา ตามด้วยเสียงร้องเรียกเสียงแหลมของหลิวหลันหลัน ตอนนั้นเธอเป็นคนเลี้ยงดูให้อาหารเจ้าเหมาโถวอยู่ทุกวัน จึงผูกพันกันมาก เมื่อเห็นมันก็อุ้มเจ้าเหมาโถวขึ้นมากอด น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
“เอ๊ะ เยี่ยเทียน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ความวุ่นวายกลางบ้านเกิดขึ้นเมื่อเจ้าเหมาโถวกลับมา ซ่งเวยหลันเห็นบุตรชายของตนก็รีบเดินเข้ามารับ จากที่เยี่ยเทียนเคยบอกไว้ น่าจะอีกสามสี่วันถึงจะกลับมาบ้าน
เห็นอวี๋ชิงหย่าสวมชุดกระโปรงสีขาวนั่งมองตัวเองอยู่ใต้ต้นไม้ เยี่ยเทียนยิ้มตอบว่า
“แม่ครับ ผมคิดถึงภรรยาแล้ว กลับมาเร็วหน่อยไม่ได้หรือครับ?”
“ทะเล้นดีนัก แม่คะ สั่งสอนเขาหนักๆเลย!”
ได้ยินที่เยี่ยเทียนว่าแล้วอวี๋ชิงหย่าหน้าแดงขึ้นมา อดไม่ได้อยากบีบปากเยี่ยเทียนเข้าทีหนึ่งแต่ในใจรู้สึกถึงความหอมหวานราวกับดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
“โอ๊ย ช่วยด้วย ช่วยด้วย แม่ครับ ศิษย์พี่ใหญ่ก็มาด้วย แม่ไว้หน้าผมหน่อย”
เห็นว่ามารดาเชื่อตามคำของลูกสะใภ้ลงโทษเขาโดยการดึงหู เยี่ยเทียนร้องออกมาเสียงดังทำให้คนอื่นๆพากันหัวเราะขำขัน
“เหมาโถว เสี่ยวจิน พวกแกอย่าเที่ยวก่อเรื่องนะ!”
ทุกคนต่างเอ็นดูเจ้าเหมาโถว เยี่ยเทียนอดไม่ได้กำชับพวกมันอีกครั้ง ทั้งสองตัวเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาในสายตาคนอื่น แต่แท้จริงแล้วพวกมันเป็นปีศาจดีๆนี่เอง!
“โฮก!”
สิงห์ขนทองมองเยี่ยเทียนอย่างไม่พอใจ เจ้าเหมาโถวกระโดดไปพันรอบคอเยี่ยเทียนทีหนึ่งเป็นการเอาใจ
“ทุกคนคุยเล่นกันไปก่อน ผมกับศิษย์พี่ใหญ่มีเรื่องต้องปรึกษากัน”
คนในบ้านเคยชินกับความลึกลับของเยี่ยเทียน ไม่มีใครถามต่อให้มากความ หลังจากคุยเรื่อยๆกับครอบครัวสักพัก เยี่ยเทียนดึงโก่วซินเจียออกมาทางเรือนด้านหลัง แล้วหยิบกระดิ่งซานชิงออกมาให้เขา
“กริ๊งๆ!”
แค่สั่นเบาๆ เสียงไพเราะเพราะพริ้งดึงดูดพลังปราณแท้ของโก่วซินเจีย เสียงมันดังราวกับกำลังชำระล้างจิตใจให้สุขสงบ เสียงกระดิ่งนี้ส่งผลไปถึงคนอื่นที่อยู่ในเรือนตอนกลางด้วย
“ไม่เลวเลย กระดิ่งซานชิงมีอิทธิฤทธิ์ไม่เบา!”
โก่วซินเจียเป็นคนดูของเป็น เขาดีใจมาก
“นี่ ศิษย์พี่ใหญ่ รอให้กลับไปที่บ้านที่ฮ่องกงก่อนค่อยวิเคราะห์มันต่อ ที่นี่ผมทนกับเจ้านี่ไม่ไหว!”
ท่าทางโก่วซินเจียกำลังจะสั่นกระดิ่งอีกครั้ง เยี่ยเทียนรีบห้ามไว้ เมื่อครู่เสียงกระดิ่งมีฤทธิ์สงบจิตใจ หากศิษย์พี่ใหญ่ไม่ระวังสั่นกระดิ่งเสียงเรียกวิญญาณออกมา เกรงว่าเพื่อนบ้านคนอื่นในรอบรัศมีหลายร้อยเมตรจะอยู่ไม่สุขไปหลายวัน
“ฉันพลาดไปแล้ว”
โก่วซินเจียได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที เขายิ้มออกมา เอ่ยปากบอกว่า
“ศิษย์น้องเล็ก ชิงหย่าเข้ามาแล้ว ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน!”
เขายกย่ามยาสมุนไพรแบกขึ้นหลัง ยังมีกระดิ่งซานชิงที่รอให้เขาค้นคว้าต่อ โก่วซินเจียไม่อยากคุยกับเยี่ยเทียนต่อแล้ว
“นิสัยไม่ดี นายอยู่ต่อหน้าพ่อแม่กับพวกป้า นายไม่อายบ้างเหรอ?”
โก่วซินเจียออกไปแล้ว อวี๋ชิงหย่าหยิกเข้าที่เอวเยี่ยเทียนแรงๆทีหนึ่ง แล้วกระซิบเสียงเบาบอกเยี่ยเทียนว่า
“ที่รัก เวลานายออกไปข้างนอกพกมือถือไปด้วยเถอะ!”
………………………….