หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 918 ประมือ
ตอนที่ 918 ประมือ
“ท่านสุภาพบุรุษทั้งสองท่าน ตามกฎของงานประชุม การแลกเปลี่ยนความสามารถจะกินเวลาสองนาที หนึ่งนาทีแรกเป็นการแสดงคุณสมบัติ พวกคุณสามารถแสดงความสามารถเหนือธรรมชาติของตนเองภายในลานประลอง จากนั้นสุภาพบุรุษในงานประชุมจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครมีพลังแข็งแกร่งกว่า…”
ขณะที่โจวเซี่ยวเทียนลงไปยังลานประลองนั้นเอง แฟรงก์ เจ้าภาพของงานที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนก็โผล่ออกมาอีกครั้ง ในมือถือเอกสารปึกหนึ่ง กล่าวว่า
“นอกจากนั้นยังมีอีกวิธีนึง คืออาศัยการแสดงพลังเหนือธรรมชาติของทั้งสองท่านต่อสู้กัน แปลว่าในการประลองอาจเกิดสิ่งไม่คาดฝันได้บ้าง ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสามารถลงนามในสัญญา ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะไม่สามารถเรียกร้องให้อีกฝ่ายรับผิดชอบ!”
“ผู้กล้าแห่งแดนญี่ปุ่นอันเกรียงไกร แต่ไหนแต่ไรไม่อวดแสดงฝีมือ เจ้าหนุ่มน้อยกล้าพอจะลงนามสิ่งนี้กับฉันหรือเปล่า?”
โอคาดะ มาซากะที่สวมใส่ชุดซามูไรสีดำ ดูไปแล้วอายุนับว่าไม่น้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยับย่น แต่ภายในร่างเล็กนั่นกลับดูเหมือนซุกซ่อนอสูรร้ายป่าเถื่อนเอาไว้ ลมปราณที่แผ่ออกมาแสดงถึงภยันอันตราย
โอคาดะ มาซากะเป็นผู้ปลีกวิเวกคนหนึ่งในญี่ปุ่น เขาใช้ชีวิตอยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิ ภายในบ้านไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไร นอกจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างออกมาไม่ไกลเขาก็ไม่ได้ติดต่อใดๆ กับโลกภายนอก เหมือนเป็นแค่ชายแก่ธรรมดาคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าชายชราคนนี้เคยเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นถึงสองพระองค์ เมื่อสมัยพันธมิตรแปดชาติ เขาเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่เข้ามาในหยวนหมิงหยวน (พระราชวังฤดูร้อนเก่า) และคนที่จุดไฟเผาผลาญหยวนหมิงหยวน ก็คือโอคาดะ มาซากะนี่เอง
ในการปล้นชิงครั้งนั้น โอคาดะ มาซากะไม่เพียงได้สมบัติโบราณล้ำค่าไปจำนวนมาก แต่ยังได้รับตำราเต๋าเกี่ยวกับศาสตร์วิชาหลบหลีก หลังจากกลับมายังประเทศแล้ว เขาก็ลาออกจากกองทัพทันที นอกจากสั่งสอนองค์ชายน้อย ก็ทุ่มเทจิตใจให้กับการศึกษาค้นคว้าศาสตร์วิชาเต๋า
ว่าไปโอคาดะ มาซากะก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง อาศัยพลังภายในมากมายที่เคยช่วงชิงไปจากจีน รวมกับตำราศาสตร์เต๋าเล่มนั้น โอคาดะ มาซากะก็ได้ขึ้นสู่ระดับเซียนเทียนเมื่อตนเองกำลังจะถึงอายุขัยหนึ่งร้อยยี่สิบปีพอดี
ระดับโฮ่วเทียนเข้าสู่เซียนเทียน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เท่ากับเกิดใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มอายุขัยให้โอคาดะ มาซากะจนเกือบสองร้อยปี หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน พอคนจากในพระราชวังเชิญให้ออกจากภูเขามาร่วมงานชุมนุมผู้มีพลังเหนือธรรมชาติครั้งนี้ โอคาดะ มาซากะก็ตกปากรับคำอย่างยินดี
แต่ความจริงแล้วภายในนั้นยังมีเหตุผลอื่น นั่นก็คือโอคาดะ มาซากะและตระกูลคิตะมิยะ มีสายสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด อดีตภรรยาของเขาเป็นหญิงสาวจากตระกูลคิตะมิยะ และน้องสาวของโอคาดะ มาซากะ ก็แต่งงานเข้าตระกูลคิตะมิยะด้วยเช่นกัน
ถ้าหากครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาโอคาดะ มาซากะไม่หลบเร้นอยู่ภายในภูเขาฟูจิเพื่อรู้แจ้งในวิชาฉีเหมิน ด้วยอำนาจอิทธิพลภายในพระราชวังของเขา สถานการณ์ของตระกูลคิตะมิยะก็คงดีขึ้นกว่านี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงจะไม่ถึงกับลงเดิมพันหมดหน้าตัก ส่งมือดีไปหาสมบัติยังพม่า
และคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ก็เป็นหลานในใส้ของน้องสาวโอคาดะ มาซากะ หลังจากรู้ว่าการตายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะและชาวจีนชื่อเยี่ยเทียนมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่างซึ่งสลัดไม่หลุดแล้ว โอคาดะ มาซากะผู้เดิมทีคิดว่าจะแวะเวียนไปยังเมืองจีน กลับคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับเยี่ยเทียนในงานประชุมครั้งนี้ โอคาดะ มาซากะจึงออกมาท้าดวลเยี่ยเทียนในทันที
ส่วนเรื่องที่เยี่ยเทียนให้โจวเซี่ยวเทียนรับคำท้า โอคาดะ มาซากะไม่ถือสาอะไร เขาสามารถมองออกว่าวรยุทธ์ของโจวเซี่ยวเทียนพอๆ กับตนเอง ด้วยวิชานินจาผสมผสานกับวิชาฉีเหมิน เกรงว่าโจวเซี่ยวเทียนคงไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไร
“ว่าไงล่ะ เจ้าหนุ่ม กล้าลงนามในสัญญานี้ไหม?”
เมื่อเห็นว่าโจวเซี่ยวเทียนไม่กล้าตกปากรับคำตนเองในทันที โอคาดะ มาซากะที่ได้รับอิทธิพลจากลัทธิการทหารของญี่ปุ่นเผยสีหน้าเหยียดหยามออกมา ยิ่งรู้สึกกระหยิ่มใจ เขาจินตนาการเอาไว้แล้วว่าหลังจากตนเองจัดการเจ้าหนุ่มคนนี้ เยี่ยเทียนที่อยู่บนอัฒจันทร์มีหรือจะไม่ตีโพยตีพายเหมือนเสียบุพการี
“ไอ้ยุ่นเฒ่า ในเมื่ออยากไปเกิดใหม่ไวนัก ฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดจากเครื่องแปลแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของโจวเซี่ยวเทียนก็เผยสีเขียวจาง ชิงปากกาในมือแฟรงก์แล้วเซ็นชื่อตนเองลงในสัญญา
“ได้ ฉันล่ะชอบดูเด็กหนุ่มไฟแรงอย่างแกร้องโหยหวนจนตายที่สุด วางใจเถอะ ฉันจะทำให้แกรู้ว่า ตายดีกว่าอยู่มันเป็นอย่างไร!”
โอคาดะ มาซากะรังเกียจที่สุดเมื่อมีคนอื่นมาหาว่าเขาแก่ อีกทั้งเมื่อเติมคำว่า “ไอ้ยุ่น” สองคำเข้าไปด้วย สีหน้าจึงเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด พลังมหาศาลที่ถูกเขาเก็บงำไว้มาตลอด ปลดปล่อยออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก
“คนนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?”
“เขาแก่ขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังกักเก็บลมปราณขนาดนั้นได้?”
“ในโลหิตของเขาบรรจุปราณวิเศษเอาไว้ เป็นของบำรุงชั้นดีทีเดียว!”
หลังจากแรงกดดันที่โอคาดะ มาซากะปลดปล่อยออกมาครอบคลุมภายในสถานที่ทั้งหมด ผู้คนต่างก็หน้าถอดสี นั่นเพราะนอกจากไม่กี่คนที่สามารถดูออกถึงความแข็งแกร่งของโอคาดะ มาซากะแล้ว คนอื่นๆล้วนไม่สามารถสัมผัสถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งภายในที่ถูกกดเอาไว้ภายในร่างได้เลย
แน่นอนว่าคนที่นั่งอยู่ภายในลานเหล่านี้ยังมีบุคคลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโอคาดะ มาซากะ พระสงฆ์ชาวอินเดียหลายรูปเพียงแค่เปิดตาขึ้นมอง แล้วก็ปิดตาลงทำสมาธิต่อ ส่วนแดร็กคูล่า เพียงแต่ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากแดงสด ภายในดวงตาฉายแววหิวกระหาย
วิวัฒนาการของเหล่าแวมไพร์ จำเป็นต้องสูบโลหิตที่สั่งสมปราณวิเศษอันบริสุทธิ์อย่างไม่หยุดหย่อน
ด้วยวรยุทธ์ของแดร็กคูล่า การดูดเลือดคนธรรมดาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เหตุผลหลักๆ ที่เขาตอบรับคำเชิญจากรัฐบาลอเมริกาเข้าร่วมงานประชุมผู้มีพลังเหนือธรรมชาติครั้งนี้ ความจริงก็เพื่อเสาะหาเหยื่อของตนเอง
“ประลองความแข็งแกร่งหรือ? โอคาดะ มาซากะวอนตายซะแล้ว!”
หลังจากเยี่ยเทียนที่อยู่ด้านบนอัฒจันทร์ สัมผัสได้ถึงพลังงานที่โอคาดะ มาซากะปลดปล่อยออกมา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเหี้ยม เขากลัวว่าโอคาดะ มาซากะจะใช้วิชานินจาและวิชาฉีเหมินรับมือลูกศิษย์ตัวเอง แต่ถ้าวัดกันเพียงแค่พละกำลัง เขาก็คาดคะเนผิดไปแล้ว
ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวเซี่ยวเทียนฝึกฝนมวยแปดสุดยอดตั้งแต่ยังเล็ก จึงมีพื้นฐานแข็งแกร่งมาก หลังจากมาคำนับเข้าสำนักของเยี่ยเทียนแล้วได้พบพานเฝิงเหิงอวี่ผู้เลื่องลือในมวยแปดสุดยอด ก็ได้คว้าศาสตร์หัวใจหลักของมวยแปดสุดยอดไว้ในมือ
ที่ผ่านมามวยแปดสุดยอดโด่งดังเรื่องความแข็งแกร่ง ยิ่งเมื่อบวกกับหลายปีมานี้ที่โจวเซี่ยวเทียนฝึกฝนกับพลอยวิเศษมาตลอด ปราณชีวิตภายในร่างกายส่วนใหญ่จึงแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้ เขาห่างชั้นจากโอคาดะ มาซากะเพียงแค่การแปรผันจิตดั้งเดิม แต่หากพิจารณาด้วยพละกำลังและการโจมตี โจวเซี่ยวเทียนไม่นึกเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามเลยสักนิด
“เซี่ยวเทียน เมื่อครู่ตอนบอกความสามารถเหนือธรรมชาติ นายบอกว่าตัวเองมีพละกำลังแข็งแกร่ง อย่าให้เสียชื่อล่ะ!”
เสียงของเยี่ยเทียนลอยเข้าหูของโจวเซี่ยวเทียนอย่างชัดเจน ด้วยวรยุทธ์ของเขา ย่อมไม่หวั่นกลัวว่าคลื่นเบาบางภายในอากาศจะถูกโอคาดะ มาซากะพบเข้า
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจารย์แล้ว โจวเซี่ยวเทียนก็เหลือบมองยังเยี่ยเทียนแวบหนึ่ง พยักหน้าอย่างหนักหน่วง ขาขวาถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว แล้วตั้งท่ามวยแปดสุดยอด แตกต่างจากพลังงานอันน่าหวั่นเกรงที่โอคาดะ มาซากะปล่อยออกมา โจวเซี่ยเทียนกลับไม่แผ่พลังงานออกมานอกร่างของเขาเลย
มวยกำลังภายในเมื่อฝึกฝนถึงขั้นสูงสุด จะสามารถปิดรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย ไม่ปล่อยให้กำลังเล็ดรอดออกมา มีเพียงเวลาต่อยถูกตัวเท่านั้น จึงจะสำแดงพลัง
ในอดีตสมัยต่งไห่ฉวนปรมาจารย์มวยแปดสุดยอดชื่อดังไปเยือนสหายแล้วเดินผ่านตลาด วัวตัวหนึ่งตกใจเสียงประทัดวิ่งห้อฝ่าฝูงชนในตลาดอันเนืองแน่น หลังจากขวิดคนบาดเจ็บไปมากมาย ก็ถูกต่งไห่ฉวนหยุดไว้บนถนน
ม้าและวัวที่ตื่นตกใจ ส่วนใหญ่แล้วหากไม่สงบสติอารมณ์เอง ก็ยากจะถูกคนควบคุม วัวตัวนั้นกรีดร้อง ก้มหัวต่ำจะใช้เขาพุ่งชนต่งไห่ฉวน ขณะที่ตามองพลางจะแทงท้องและอกต่งไห่ฉวน ต่งไห่ฉวนเพียงถอยให้วัวก้าวหนึ่ง แล้วใช้ฝ่ามือตบลงบนหลังวัวเบาๆ
แต่สิ่งที่ทำให้คนตกอกตกใจก็คือ เพียงหมัดเดียวเท่านั้น วัวที่หนักกว่าหลายร้อยกิโลกลับร้องโหยหวน แขนขาอ่อนยวบล้มลงกับพื้น หายใจสั้นๆ ออกมาไม่กี่ครั้ง แล้วดวงตาทั้งสองข้างก็ไร้แวว
เมื่อวัวขวิดคน เจ้าของจึงต้องชดใช้ เจ้าของวัวตัวนั้นจึงแล่วัวขายเนื้อในตลาดอย่างจนใจ พอเปิดอวัยวะภายในวัวออก คนทั้งหลายล้วนต้องก็ตกตะลึง เพราะอวัยวะภายในของวัวถูกกระเทือนจนแหลกเหลว ข้างในไม่มีชิ้นเนื้อดีให้เห็นเลยสักชิ้น
และนี่ก็คือพลังของมวยกำลังภายใน และฝีมือของโจวเซี่ยวเทียนเวลานี้ก็เหนือกว่าต่งไห่ฉวน นอกจากเยี่ยเทียนแล้ว ต่อให้เป็นโก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้น ล้วนไม่กล้าต้านทานหมัดของเขาสักคน ดังนั้นถึงแม้จะเผชิญหน้ากับโอคาดะ มาซากะที่เข้าสู่ระดับเซียนเทียน โจวเซี่ยวเทียนก็ไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าหนุ่ม อย่าคิดว่ามีแต่พวกเจ้าชาวจีนที่มีวิทยายุทธ์ ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสวิชามวยญี่ปุ่นบ้าง!”
หลังจากเห็นโจวเซี่ยวเทียนเปิดฉาก โอคาดะ มาซากะก็ส่งเสียงดังขึ้นมา เท้าขวาจมลงไปในพื้นทันที พื้นที่ถูกปูด้วยหินสีเทานั่น พลันถูกเหยียบแตกออก และร่างผ่ายผอมของโอคาดะ มาซากะก็ราวกับขยายใหญ่ขึ้นมาในฉับพลัน อาศัยจังหวะพุ่งตัวมาด้านหน้า ใช้มือขวาซัดหมัดโจมตีใส่หน้าอกโจวเซี่ยวเทียน
“เข้ามาเลย!”
หลังจากลงประลองแล้ว โจวเซี่ยวเทียนก็มีทีท่าสงบเสงี่ยมมาตลอด จวบจนหลังจากโอคาดะ มาซากะออกหมัดโจมตี กำปั้นขวาที่ซ่อนอยู่ล่างเอวจึงหมุนตัวออกมา พร้อมกับเสียงลมหวีดหวิวระลอกหนึ่ง
อีกทั้งจังหวะที่โจวเซี่ยวเทียนออกหมัดเหมาะเจาะอย่างมาก เขาสกัดโอคาดะ มาซากะในขณะที่ยังไม่ได้ส่งแรงลงไปยังหมัดอย่างเต็มที่ แล้วโจมตีลงไปบนหมัดข้างขวาของโอคาดะ มาซากะ จึงเท่ากับโอคาดะ มาซากะสามารถออกแรงได้เพียงแปดส่วน
“เปรี้ยง!”
จากการปะทะของสองหมัด ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นปานสายฟ้าท่ามกลางอากาศ คนทั้งสองถอยหลังไปสามก้าวพร้อมกัน ห้วงอากาศระหว่างตัวพวกเขาดูราวบิดเบี้ยวไปทั้งหมด ระลอกคลื่นกระเพื่อมไหวแผ่ออกไปจากร่างกายพวกเขาทั้งสี่ทิศ
“มวยญี่ปุ่นหรือ? ลอบเรียนเพียงเส้นขนบางส่วนจากเส้าหลิน แล้วหมัดอรหันต์นี่ยังจะกล้าเรียกว่าเป็นมวยญี่ปุ่นได้หรือ?” หลังจากยืนมั่นคงแล้ว โจวเซี่ยวเทียนก็หัวเราะเย้ย
“ไอ้ยุ่นเฒ่า คราวนี้รู้หรือยังว่าอะไรเรียกว่าวิชามวย? อย่ามาทำขายหน้าที่นี่ดีกว่า”
“บากะ (ระยำ)!”
คำพูดของโจวเซี่ยวเทียนทำให้ขนคิ้วของโอคาดะ มาซากะลุกชัน ดวงตาฉายจิตสังหาร แต่ว่าคนที่สายตาแหลมคมภายในลานประชุมต่างรู้ว่า หมัดขวาที่อยู่ติดฝั่งขาด้านขวาของโอคาดะ มาซากะ เวลานี้กำลังสั่นเทาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดจากการประมือเมื่อครู่
………………………