หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 136 อาศัยอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี
บทที่ 136
อาศัยอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “องค์ชาย ดูเหมือนว่าท่านจะอึดกว่าที่ข้าคิดไว้นัก”
หลังจากที่กล่าวจบ ก็มีเข็มเงินสดใสปักลงไปที่หัวของเจียงหวายเย่ แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้สลบไปทันที
“พระชายา?” ทันทีที่อันอี้เห็นเจียงหวายเย่สลบ เขาก็ได้รีบถามอย่างตกใจ “องค์ชาย เขา….”
“เขาไม่เป็นไร แค่เขาบาดเจ็บหนักเกินไปแล้วสลบไปเท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้หลินซีเหยียนก็ได้พาเจียงหวายเย่กลับไปยังพระราชวังรัตติกาล ในตอนที่ยังอยู่ในพระราชวังหลวงนั้น หลินซีเหยียนได้ทำการพันแผลเอาไว้ด้วยเศษผ้าของนางมาพันเท่านั้น แม้ว่านางจะมองไม่เห็นบาดแผลของเขาด้วยตาตัวเอง แต่นางก็พอจะเดาได้ว่าเขาบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่พอหลินซีเหยียนได้ถอดเอาเสื้อของเจียงหวายเย่ออก และมองเห็นบาดแผลของเขาแล้ว นางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ด้านหลังของชายผู้นี้เต็มไปด้วยเลือดและมองหาส่วนที่ดีไม่เห็นเลย
ในเวลานี้หลินซีเหยียนที่นึกเจียงหวายเย่ที่ยังทำสีหน้านิ่งเอาไว้ได้แล้ว นางก็ได้กัดฟันของนางอย่างเสียดแทงใจ
“อันอี้ไปเตรียมน้ำร้อน, เหล้า กับผ้าพันแผลมา” หลินซีเหยียนที่มองไปที่แผลของเจียงหวายเย่แล้ว ก็ได้กล่าวออกมาด้วยนำเสียงที่เย็นยะเยือกอย่างช่วยไม่ได้
บริเวณแผลนั้นกว้างมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่บาดเจ็บถึงชีวิต แต่ก็ง่ายต่อการเสี่ยงติดเชื้อ การฆ่าเชื้อจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของนาง ซึ่งเป็นยาที่ดีที่สุดในบรรดายาที่นางทำขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างเจ็บปวดที่จะต้องใช้มันเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ใครกันที่ใช้ให้ชายคนนี้มารับโทษแทนนางด้วย
ไม่นานนักอันอี้ก็ได้กลับมาพร้อมสิ่งของที่นางต้องการ แล้วหลินซีเหยียนก็ได้รับมาและวางลงบนเก้าอี้ข้างๆนาง
นางเทเหล้าลงไปในน้ำ แล้วจากนั้นก็เอาผ้าเช็ดหน้าของนางชุบแล้วจากนั้นก็ถูลงไปบนแผลเบาๆ เพราะแอลกอฮอล์นั้นได้เข้าไปกัดแผล ทำให้เจียงหวายเย่สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ คิดจะล้างแค้นเปิ่นหวางงั้นเหรอ?” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบแห้งด้วยริมฝีปากซีดๆของเขา แต่ก็แฝงไปด้วยอาการบาดเจ็บ
“เป็นถึงเทพสงครามแต่ก็ยังกลัวความเจ็บปวดอยู่สินะ!”
หลินซีเหยียนได้หรี่สายตาของนางลงและจงใจออกแรงมากขึ้น เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวดแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
แต่ด้วยท่าทีเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วก็ได้เบาแรงของนางลงมา
“แผลของท่านนั้นสาหัสมาก และจำเป็นต้องใช้เหล้าเพื่อฆ่าเชื้อ” ท่ามกลางความเงียบสงบ ทำให้เสียงของหลินซีเหยียนนั้นดังอย่างไร้เหตุผล
ริมฝีปากซีดๆของเจียงหวายเย่ก็ได้กระตุกและพยายามหันหน้าไปหา แต่ด้วยความเจ็บแสบที่หลังของเขาบอกเขาว่าอย่าได้คิดขยับเชียวแล้วทำได้แค่นอนอยู่ที่เตียงอย่างเชื่อฟัง
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ…” เจียงหวายเย่ก็ได้หยุดพูดต่อ เมื่อเขาได้ยินเสียงขึ้นจมูกดังขึ้นมา
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้โยนผ้าที่เปื้อนเลือดลงไปในอ่างเหล้าที่เต็มไปด้วยเลือด “ท่านยังพอลุกไหวไหม? บาดแผลของท่านจำเป็นต้องพันเอาไว้”
“ได้” กล่าวออกมาด้วยเสียงแหบต่ำแต่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและได้รูปของ เจียงหวายเย่ทำให้เต็มด้วยความยั่วยวน
แม้แต่หลินซีเหยียนยังต้องตกตะลึง ซึ่งพูดได้เลยว่า เจียงหวายเย่นั้นเกินมาพร้อมกับความงามจริงๆ ทั้งดวงตาสีดำเข้มที่ดูราวกับหลุมดำที่ไร้ก้นบ่อ และยังผิวขาวของเขาที่ทำให้นางยังต้องรู้สึกอาย และริมฝีปากที่บางและซีดที่โค้งได้เสน่หา แล้วยังมีผมที่เหมือนแพรไหมสีดำที่ยุ่งเหยิงไปหน่อยและนาบติดไปกับใบหน้าและคอของเขา
ด้วยการเคลื่อนไหวของเจียงหวายเย่ บาดแผลที่หลังของเขาก็ได้กลับมาแย่ใหม่ หลินซีเหยียนจึงได้รีบตั้งสติและประคองเขาเบาแล้วก็กล่าวว่าเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี “ขยับตัวช้าๆหน่อยสิ ท่านเป็นคนป่วยใกล้ตายแล้วนะรู้ไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่แผลถลอกเท่านั้น” เป็นเสียงที่เยือกเย็นที่ทำให้ผู้คนรับยากจะรับไหว สมกับที่เป็นเจียงหวายเย่ที่สามารถทำให้ฮ่องเต้เจียงต้องกลัวได้จริงๆ และเขายังโหดร้ายได้แม้กับตัวเองอีกด้วย
“ต่อให้เป็นแผลเล็กๆแต่ถ้าไม่รักษาให้ดีๆแล้ว ไม่ช้าหรือเร็วมันก็จะกลายเป็นแผลสาหัสขึ้นมาได้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นท่านจะเสียใจ” หลินซีเหยียนที่ถือยาทาแผลไว้ในมือของนางก็ได้ทาลงบนผิวที่หลังของเจียงหวายเย่
ยาตัวนี้เป็นยาที่ดีมาก เจียงหวายเย่ที่รู้สึกแสบร้อนที่หลังนั้น ก็เหมือนกับปกคลุมด้วยความเย็น ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บแสบของเขาได้
ดวงตาสีเข้มของเขาก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนด้วยรอยยิ้ม และจ้องมองไปที่หญิงสาวที่มีปากแข็งเป็นเป็ดตายที่อยู่ตรงหน้าเขา
“อย่ามามองข้าเช่นนั้นนะ ข้ารักษาให้ท่านก็เพราะข้าเป็นต้นเหตุให้ท่านบาดเจ็บเฉยๆหรอก” แล้วนางก็รู้สึกได้ถึงความร้อนจากบนหัวของนาง ที่ปลายหูเล็กๆของหลินซีเหยียนก็ได้มีสีชมพูขึ้นมา
“ดังนั้นเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของเปิ่นหวางให้ถึงที่สุดใช่ไหม?” เจียงหวายเย่กล่าวขณะที่ช่วย หลินซีเหยียนพันผ้าพันแผล
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว เป็นเชิงบอกว่านางนั้นจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไปจนถึงที่สุดจริงๆ
“ถ้าเช่นนั้น เพื่อให้เสี่ยวเหยียนเอ๋อคอยดูแลองค์ชายได้สะดวก องค์ชายตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีเป็นการชั่วคราว” ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นเป็นเหมือนกับหมาป่าไม่ดีตัวใหญ่ ที่กำลังรอคอยกระต่ายสีขาวตกลงมาในกับดักอยู่อย่างเงียบๆ
“ไม่ได้” หลินซีเหยียนที่ได้ยินก็ได้รีบปฏิเสธโดยไม่คิดทันที “มีองค์ชายจงคนเดียวก็เป็นปัญหามากพอแล้ว เพิ่มท่านเจ้าไปอีกชื่อเสียงของข้าคงได้เป็นปัญหาแน่”
“ทำให้องค์ชายต้องไปที่จวนมหาเสนาบดีมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะผู้ที่จะรับผิดชอบเจ้ามีเพียงองค์ชายคนเดียวเท่านั้น” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น จนทำให้หลินซีเหยียนต้องปวดหัวขึ้นมา
“องค์ชาย….”
หลินซีเหยียนก็ถูกขัดโดยเจียงหวายเย่ก่อนที่จะได้กล่าวจนจบ แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างไร้ซึ่งความคลางแคลงใจ “ตกลงตามนั้นนะ ถึงแม้ว่าองค์ชายจงจะมีร่างกายที่อ่อนแอและไม่สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการก็ตามที แต่องค์ชายก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี”
“…….”
เมื่อเห็นเจียงหวายเย่ที่ทำตัวต่อต้านขโมยเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็พูดอะไรไม่ออก ทั้งๆที่นางก็ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอะไรที่จะมีผู้คนมากมายมาพากันแย่งชิงเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นถ้ายังแข็งขืนต่อไป คงทำให้เจียงหวายเย่หาว่านางเป็นพวกหัวแข็งแน่ๆ
เมื่อรู้ว่าปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ ปกตินางก็เป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรเปล่าประโยชน์อยู่แล้ว นางจึงได้ปล่อยเลยตามเลยเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้ที่จวนมหาเสนาบดีก็ได้ครึกครื้นมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมีบุคคลสำคัญมาอยู่ด้วยถึงสองคน ตัวประกัน รัฐจง-จงซู่เฟิง, เทพสงครามรัฐเจียง-เจียงหวายเย่ที่มาในวันต่อมา ทำให้มหาเสนาบดีต้องใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน
“ขอบคุณแม่นางหลินมากที่ช่วยชีวิตเราเอาไว้” หลังจากที่รักษามาแล้วหลายวัน จงซู่เฟิงก็ได้มีอาการที่ทรงตัวแล้ว
หลินซีเหยียนที่กำลังจัดเตรียมสมุนไพรแล้วน้ำมาตากแดดอยู่นั้น ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่จงซู่เฟิงแล้วยิ้ม “องค์ชายจงสุภาพกับข้ามากไปแล้ว เรียกข้าแค่ซีเหยียนก็พอ”
แสงแดดที่สว่างและอบอุ่นก็ได้โดนตัวหลินซีเหยียน ทำให้นางนั้นดูสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก จงซู่เฟิงก็มองดูภาพนี้โดยที่ไม่กะพริบตา อกข้างซ้ายของเขาก็ได้เต้นเร็วขึ้นมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วเขาก็ได้ก้มหัวให้แล้วกล่าว “ต่อจากนี้ซีเหยียนก็เรียกข้าว่า ซู่เฟิงก็พอเช่นกัน”
แล้วทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันอย่างมีความสุข แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ถูกเข็นเข้ามาโดยอันอี้ สีหน้าขององค์ชายนั้นดำมืดมากและมีสีหน้าที่แย่บนใบหน้าของเขา
อันอี้ก็ได้กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าสีหน้าของเขาแย่ขนาดไหนเมื่อองค์ชายได้ยินการพูดคุยเช่นนี้ และบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมารอบตัวขององค์ชาย
“ท่านรู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ?” ปกติหลินซีเหยียนนั้นจะเป็นคนฉลาด แต่พอเป็นเรื่องเช่นนี้แล้วนางกลับไร้เดียงสามาก
เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของเขาและชี้ไปที่บาดแผลที่หลังของเขา “มีอาการแสบและรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”
“แสบ?” มีอยู่แค่สองอย่างที่ทำให้เกิดอาการแสบ หนึ่งคือแผลกำลังหายดีและอีกหนึ่งคือแผลเกิดการอักเสบ หลินซีเหยียนทำหน้าจริงจังและเข็นพาเจียงหวายเย่กลับเข้าไปในห้องเพื่อทำการตรวจดู
เจียงหวายเย่ก็ได้แสดงความหวงก้าง และมองด้วยหางตาอย่างยั่วยุไปที่จงซู่เฟิง