หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 178 ไร้กฎเกณฑ์
บทที่ 178
ไร้กฎเกณฑ์
มองไปที่หลินซีเหยียนนั้นปลอดภัยดี ที่มุมปากของ เจียงหวายเย่ก็ได้ปรากฏซึ่งรอยยิ้มออกมา แต่พอสายตาของเขาได้ย้ายไปจับจ้ององค์ชายหนึ่ง สายตาก็ได้กลับเป็นเยือกเย็นอีกครั้ง ซึ่งทำให้องค์ชายหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่าหรือว่าจะถึงฤดูหนาวแล้ว
“องค์ชายหนึ่ง ในเวลานี้ท่านจะทำเช่นไรต่อดีล่ะ? จะจับตัวนางต่อหน้าข้าเลยไหม?”
คำพูดที่ประชดประชันของเจียงหวายเย่นั้นทำให้ดวงตาขององค์ชายเต็มไปด้วยความโกรธ “อย่าเพิ่งได้ใจไป ที่นี่คือตำหนักของข้าและเป็นถิ่นของข้าด้วย”
หลังจากที่พูดจบ องค์ชายหนึ่งก็ได้ปรบมือของเขา หลังจากนั้นสักพักก็ได้มีทหารมากมายออกมารุมล้อม เจียงหวายเย่และหลินซีเหยียน
ในตอนแรกหลินซีเหยียนก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมองค์ชายหนึ่งถึงต้องจับตัวนางมาด้วย ในเวลานี้จากที่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้ว นางก็พบจะเดาได้คร่าวๆในใจของนาง
เมื่อคิดว่าองค์ชายหนึ่งนั้นคิดที่จะขู่องค์ชายเย่ด้วยตัวนางนั้น ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้หนาวเย็นมากขึ้น นางนั้นรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมากกับการที่นางนั้นต้องกลายมาเป็นจุดอ่อนของใครสักคนหนึ่ง
นางนั้นเป็นถึงหมอผีผู้ทรงเกียรติ จะให้นางเป็นเหมือนหนูที่ไร้การป้องกันได้อย่างไร?
ทันใดนั้นหลินซีเหยียนก็ได้อาศัยโอกาสที่องค์ชายเผลอ เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วเอายาเม็ดสีแดงเข้าปากของเขา
องค์ชายหนึ่งก็ได้สายตาเบิกกว้างแล้วรีบเอานิ้วมือบีบคอของเขาเอาไว้ ภายใต้การพยายามขย้อนอย่างต่อเนื่อง ยาเม็ดนั้นกลับไม่ยอมออกมาเลย
หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตาให้เมื่อเห็นเช่นนี้ “ยาของข้านั้นมักจะละลายได้ในปากเสมอ ขอองค์ชายอย่าได้พยายามให้เสียแรงเปล่าเลยเพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้องค์ชายหนึ่งก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนอย่างดุดัน ความโกรธทำให้ดวงตาของเขาคมเหมือนกับกระบี่ จนอยากจะแทงหลินซีเหยียนให้ทะลุ “เจ้าเอาอะไรให้ข้ากินลงไปน่ะ? แล้วยังไม่รีบเอายาถอนพิษออกมาอีก ไม่อย่างนั้นเจ้าก็อย่าได้หวังออกไปจากตำหนักนี้เลย”
“ข้ากลัวแล้ว!” หลินซีเหยียนก็ได้แกล้งทำเป็นตกใจกลัว แล้วเอามือตบไปที่อกของนางแสดงออกอย่างเกินจริง
“เจ้า….เจ้าจะล้อข้าเล่นมากไปแล้วนะ ใครก็ได้จับตัวนางแบบเป็นๆมาแล้วเอานางทรมานจนกว่าจะยอมบอกยาถอนพิษออกมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่ายานี้จะไม่มียาถอนพิษ”
หลังจากที่องค์ชายหนึ่งได้ถอนตัวออกมาจากวงล้อมแล้วก็ยืนรอดูทั้งคู่ต้องลำบากอย่างเย็นชา
ในชั่วขณะที่ทหารเริ่มลงมือนั้นเอง เจียงหวายเย่ก็ได้ซ่อนหลินซีเหยียนไว้ที่ด้านหลังของเขาเป็นครั้งแรก
หลินซีเหยียนมองไปที่แผ่นหลังที่ทั้งกว้างและแข็งแรงตรงหน้า ทำให้นางรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาขึ้นมา นางนั้นคิดว่าเพราะการถูกข่มเหงรังแกโดยฮูหยินอวี้นั้น ทำให้นางนั้นต้องมีชีวิตที่ต้องลำบากไปพร้อมกับเทียนเอ๋อที่เพิ่งเกิดมา
ไม่ว่าจะถูกทำให้เสียหน้าหรือรังแก นางก็ทำได้แค่กัดฟันยอมทนมาโดยตลอด เพราะนางนั้นเฝ้ารอว่าจะมีใครสักคนที่จะมาปกป้องนางจากลมและฝน แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ปกป้องนางจากลมและฝนได้
เมื่อนางกลับมามีสติอีกครั้ง นางก็พบว่ามือของนางนั้นได้ไปจับที่ชายเสื้อของเจียงหวายเย่เอาไว้ เจียงหวายเย่ที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหลินซีเหยียน ดวงตาสีดำของเขาก็ได้มองมาที่นาง
“เจ้าบาดเจ็บเหรอ?”
เสียงที่เยือกเย็นเหมือนเช่นทุกทีนี้ ทำให้หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แล้วนางก็ได้ยิ้มและส่ายหัว จากนั้นนางก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าของนาง “มีทหารอยู่จำนวนมาก ไยท่านจะต้องสู้กับพวกเขาด้วยตัวเอง เอ้า ใช้นี่สิ”
หลินซีเหยียนก็ได้มอบลูกบอลกระดาษให้กับ เจียงหวายเย่จำนวนหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างนักวิทย์ที่มีชื่อเสียง “นี่คือระเบิดสายฟ้าที่ข้าทำขึ้นมาเอง ซึ่งใส่พิษหลายๆอย่างเอาไว้ แน่นอนว่ามีพริกป่นด้วย ถ้าท่านขว้างออกไปมันก็จะกระจายทันที”
เจียงหวายเย่นั้นชาญฉลาดมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นของแปลกๆเช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าใช้อย่างไร
แล้วระเบิดสายฟ้าจำนวนหนึ่งก็ได้ถูกขว้างออกไปยังทหารที่อยู่กันอย่างหนาแน่นอย่างรวดเร็วด้วยแขนที่เรียวงามและทรงพลังของเขา ทันทีที่ระเบิดสายฟ้านั้นแตะกับพื้น ผงสีแดงฉุนก็ได้กระจายออกมาทันที
“ตาข้า!”
“นี่มันอะไรกัน?”
“มันมีพิษ….”
มีเสียงกรีดร้องดังออกมาทีละคนสองคน แล้วองค์ชายหนึ่งที่มองดูจากไกลๆนั้น นอกจากแววตาที่ตกใจแล้วยังมีแววตาที่ว้าวุ่นใจและโลภอยู่ในดวงตาของเขาด้วย
เขามองไปที่เงาที่สวยงามของหลินซีเหยียน ทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอนพร้อมกับความคิดที่อยากได้เก็บนางเอาไว้เพื่อใช้งานเอง แต่ดวงตาที่เยือกเย็นของนางนั้นก็ทำให้เขารู้สึกกลัวหน่อยๆ
เพราะความตกใจก่อนหน้านี้ ทำให้เหล่าทหารเริ่มลังเลที่จะเพราะความกลัว
“พวกเจ้ามีกันตั้งมากมาย แต่กลับจับคนแค่สองคนไม่ได้ ไอ้พวกขยะเอ๊ย!” องค์ชายหนึ่งก็ได้คิ้วขมวดและมีสายตาที่ดูถูกในดวงตาของเขา
เหล่าทหารนั้นแม้กล้าที่จะโมโหแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป ทำได้แต่ทนการดุด่าขององค์ชายอยู่อย่างเงียบๆ
เจียงหวายเย่ก็ได้มองดูรอยยิ้มที่แอบแฝงขององค์ชายหนึ่ง ซึ่งพอรู้สึกได้ถึงความอยากฆ่าของเขาได้รางๆ ซึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไรออกมา เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างเยือกเย็น “องค์ชายหนึ่ง ในเวลานี้ท่านเข้าใจแล้วหรือยังว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดที่ไม่ควรทำน่ะ?”
องค์ชายหนึ่งที่แสดงสีหน้าเข้าใจแล้วบนใบหน้าของเขานั้น แต่ในใจนั้นเขาได้ต่อว่าเจียงหวายเย่อยู่หลายหน “ต่อจากนี้ไปข้าจะให้ความร่วมมือกับท่านอย่างจริงใจ และจะไม่ทำอะไรเช่นนี้อีก”
ดวงตาสีดำก็ได้จับจ้องไปที่องค์ชายหนึ่งราวกับจะไม่ยอมพลาดปฏิกิริยาใดๆของเขา และได้ตัดสินใจที่จะให้บางอย่างแก่เขาเพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้ในฐานะมนุษย์
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องมองไปที่องค์ชายหนึ่งอย่างเงียบๆอยู่พักใหญ่ๆ แล้วจากนั้นก็ได้จูงมือของหลินซีเหยียนแล้วจากไป
ระหว่างทางเจียงหวายเย่นั้นไม่ได้ปล่อยมือของ หลินซีเหยียนเลย แม้หลินซีเหยียนจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง
ภายใต้การจูงมือของเจียงหวายเย่ ทั้งคู่ก็ได้เข้ามายังร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ร้านน้ำชาแห่งนี้ดูโดดเด่นมาก คนงานชายหญิงที่ทำหน้าที่ยกชานั้นล้วนแล้วแต่เป็นหนุ่มหล่อสาวสวย
“ขอชาข้าวคั่วกานึงกับเอาขนมทานคู่กับชามาด้วย”
เจียงหวายเย่ก็ได้พาหลินซีเหยียนไปที่ห้องส่วนตัวชั้นบน หลินซีเหยียนก็อดที่จะคิดไม่ได้เมื่อนางเห็นอีกฝ่ายนั้นดูคุ้นเคยกับที่นี่นัก
นางมองไปที่เจียงหวายเย่แล้วยักคิ้ว ก็ที่จะถามลองเชิง “หรือว่าที่นี่จะเป็นร้านขององค์ชายอีกแล้ว?”
เจียงหวายเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“เฮ้อ องค์ชาย ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าในแผ่นดินนี้มีร้านของท่านกี่แห่งกันแน่?” ด้วยรอยย่นบนใบหน้านาง หลินซีเหยียนที่ไม่อยากจะยอมรับ แต่นางนั้นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ
นางนั้นคิดว่าตัวนางนั้นเสมอกับฟ้าแล้ว ไม่เพียงแต่จะมีวิชาการแพทย์ที่สุดยอด แต่ยังเป็นผู้ก่อตั้งสำนักหมอพิษด้วย
แต่นางนั้นไม่คิดว่าจะมีคนอย่างเจียงหวายเย่อยู่ด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเป็นถึงเทพสงคราม หอพันกลที่มีชื่อเสียงในรัฐเจียงและร้านค้าของหอรัตติกาลที่อยู่ทั่วแผ่นดินอีกด้วยช่างคาดไม่ถึงจริงๆ
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายที่มีสีหน้าว้าวุ่นแล้ว ริมฝีปากภายใต้หน้ากากของเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ไม่นานนักก็ได้กลับไปนิ่งเฉยเหมือนก่อน
ถ้าความสัมพันธ์ของเขากับนางยังไม่ดีขึ้นจากเมื่อก่อน จะให้เขาเป็นยอมก่อนได้อย่างไร?
ไม่นานนักเสี่ยวเอ้อก็ได้นำชาข้าวคั่วกับขนมมาเสิร์ฟ หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เด็กหนุ่มหน้าตาดีแล้วก็อดไม่ได้ที่สายตาของนางจะจับจ้องไปที่เขา
ดวงตาที่โค้งและฟันเขี้ยวเสือ
“เจ้าชอบเข้าเหรอ?”
เสียงที่เยือกเย็นดึงขึ้นมาในหูของหลินซีเหยียน แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตา “ข้าไม่ชอบเขา ข้าแค่ชื่นชมต่างหาก อย่างไรเสียใครๆก็ชื่นชอบสิ่งสวยงามกันทั้งนั้นแหละ”
เจียงหวายเย่ที่ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้ก็ได้ถามขึ้นมา “แล้วเจ้าชอบคนหน้าตาดีงั้นเหรอ?”
“อื้ม ใช่แล้วล่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตาโดยไม่รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้ดำมากขึ้นเรื่อยๆ เขานั้นรู้สึกมาตลอดว่าผู้คนนั้นก็แค่มีตาหนึ่งคู่ หนึ่งจมูกและหนึ่งปากเท่านั้น ไม่ได้มีความต่างกันเลย