หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 195 เปลี่ยนหมอ
บทที่ 195
เปลี่ยนหมอ
จงซู่เฟิงที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ได้เปิดประตูออกมาทันที แล้วจากนั้นก็ได้วิ่งไปหาหลินซีเหยียนที่มีสายตาดูอายๆ
“แม่นางหลิน เจ้า….”
ถ้าจะบอกว่าหลินซีเหยียนนั้นจู๋จี๋กับผู้ชายกลางวันแสกๆแล้วล่ะก็ จงซู่เฟิงก็คงจะไม่เชื่อเด็ดขาด ในเวลานี้เขาคิดว่าจะต้องมีลับลมคมในบางอย่างเป็นแน่ แต่ใบหน้าของเขานั้นก็ได้ซีดเผือดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“คือว่า” หลินซีเหยียนยิ้มอย่างอายๆและอยากที่จะให้อีกฝ่ายช่วยนางพาเจียงหวายเย่กลับไปที แต่หากคิดถึงร่างกายที่อ่อนแอของจงซู่เฟิงแล้ว นางก็ได้นึกถึงเหลยถิงขึ้นมา “เขานั้นเป็นโรคที่ร้ายแรงและตอนนี้อาการก็กำเริบขึ้นมา คุณชายจงพอจะให้ข้าขอยืมตัวเหลยถิงหน่อยได้ไหม?”
หลังจากที่หลินซีเหยียนกล่าวจบ เขาก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก่อนที่นางจะรู้สาเหตุว่าทำไม จงซู่เฟิงก็ได้ไปตามเหลยถิง
“เอ่อ….คือว่าแม่นางหลิน ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไร?” จงซู่เฟิงนั้นยังไม่รู้ชื่อของชายที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินซีเหยียนเลย เขาจึงได้ถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อได้ยินที่ถาม หลินซีเหยียนก็ได้ตอบด้วยชื่อปลอมทันที “ชื่อของเขาคือเชียนจี๋ เขาเป็นอาจารย์ของเทียนเอ๋อน่ะ”
จงซู่เฟิงนั้นเชื่อในคำพูดของหลินซีเหยียนอยู่ตลอด แล้วเขาก็ได้เรียกเหลยถิงด้วยสายตาของเขาให้มาช่วยเจียงหวายเย่กับเขา
แม้ว่าในเวลานี้เขาจะมาช่วยเหลือ แต่เจียงหวายเย่ก็ได้ไม่พอใจอย่างมากในหัวใจของเขา แต่เจียงหวายเย่ก็ได้แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกเลย แต่ทว่าก็ไม่อาจที่จะไม่ให้เขาจ้องมาที่ทั้งสองคนนี้ด้วยสายตาที่อันตรายได้
ด้วยสัมผัสที่หกของผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องเฉียบคมอยู่ตลอดแล้ว แล้วเหลยถิงก็ได้รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา แล้วเขาก็จ้องตอบไปที่เจียงหวายเย่อย่างระแวดระวัง มองไปที่สีหน้าของอีกฝ่าย เขาก็ได้แอบคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะอาการกำเริบแน่ๆ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เพื่อแสดงให้เห็นว่านางพูดความจริง เจียงหวายเย่ก็ได้ถูกพาไปที่ห้องรับแขกในเรือนเชียนเหยียน หลินซีเหยียนนั้นยังไม่ได้ถอนพิษให้เขาทันที แต่ก็ได้ห่มผ้าห่มให้เขาแล้วออกจากห้องมาและปิดประตู
จงซู่เฟิงที่เหมือนมีอะไรที่อยากจะพูดกับหลินซีเหยียน ก็ได้ยืนรอหลินซีเหยียนอยู่ข้างนอก
หลินซีเหยียนที่ออกมาข้างนอกและพบจงซู่เฟิง ก็พอจะเดาบางอย่างได้ในแววตาของเขา “องค์ชายจง ท่านมีอะไรอยากจะพูดกับข้าหรือเปล่า?”
แล้วทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกห้องเจียงหวายเย่นั้นก็ได้จ้องหน้ากัน แล้วจงซู่เฟิงก็ได้กล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ “คือว่าข้าได้ย้ายไปที่เรือนชิงซงโดยที่ยังไม่ได้บอกกับแม่นางเลย มันออกจะดูไม่สุภาพนัก ข้าจึงได้หวังว่าแม่นางจะให้อภัยข้าด้วย”
“องค์ชายท่านจะพักอยู่ที่ไหนนั้นมันก็อิสระของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้ามากนักก็ได้” พร้อมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของหลินซีเหยียน นางก็พลันนึกถึงเรื่องที่เจียงหวายเย่แนะนำขึ้นมาได้
แล้วนางก็ได้มองไปที่จงซู่เฟิงด้วยสายตาที่ครุ่นคิด “ถ้าเกิดว่าท่านคิดมากเรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงแล้ว ข้าอาจจะให้สหายของข้ามารักษาท่านแทนข้าก็ได้”
จงซู่เฟิงก็ได้ตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินและกล่าวออกมาอย่างลังเลนิดหน่อย “หรือว่าข้าจะทำให้แม่นางหลินมีปัญหา?”
ในชั่วขณะนั้น ใบหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้ซีดเผือดมาก หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตาแล้วนึกดูว่านางได้พูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”
หรือว่าเขาจะกังวลว่าฝีมือด้านการรักษาของ เฉินรุ่ยเหยียนนั้นจะไม่ดีพอ?
“ถ้าเกิดว่าข้านั้นทำให้แม่นางหลินลำบาก ข้าก็ยินดีรับข้อเสนอนั้น”
เสียงที่เข้ามาให้หูนั้นแม้จะดูนุ่มนวลเช่นเคย แต่เสียงที่ฟังดูสุภาพนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความเสียใจ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามทำสีหน้านิ่งๆ แต่หลินซีเหยียนก็ยังพอจะมองออกได้ เมื่อพบว่าในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด
หลินซีเหยียนที่ยังไม่เข้าใจถึงความหมายของสายตาของเขานั้นก็ได้กล่าวด้วยความสับสน “คุณชายจงไม่ได้ทำให้ข้าลำบากเลย แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่วิชาแพทย์ของเฉิงรุ่ยเหยียนจะแย่เลย ข้าขอรับประกันเรื่องของวิชาแพทย์ของเขา”
เมื่อรู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะเหนื่อยหน่ายกับเขาแล้ว ใบหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้ค่อยๆผ่อนคลายลงมา แต่ก็ยังคงซีดและอ่อนแอมาก
เจียงหวายเย่ที่อยู่ในห้อง แม้ว่าแข้งขาของเขาจะอ่อนแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการมองเห็นและการได้ยินของเขาลดลงไปเลย เขานั้นได้ยินบทสนทนาข้างนอกห้องได้อย่างชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เจียงหวายเย่รู้สึกภูมิใจกับความซื่อบื้อของเสี่ยวเหยียนเอ๋อ และดีใจที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นจะได้เป็นของเขาแค่คนเดียว
หากคิดที่เรื่องที่จงซู่เฟิงนั้นเป็นถึงองค์ชายของรัฐจงและยังเป็นคนที่เขาสนิทสนมด้วยแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจว่าหากอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรที่อันตรายแล้ว เขาก็จะทำเป็นใจกว้างและหลับตาข้างหนึ่งก็ได้
ไม่อย่างนั้นแล้ว จะโทษว่าเขานั้นไร้ความปรานีไม่ได้!
หลินซีเหยียนก็ได้ส่งจงซู่เฟิงกลับไปแล้วกลับไปที่ห้องนาง เพื่อไปเอายาแล้วกลับไปที่ห้องของเจียงหวายเย่ เปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไร นางก็ได้ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ได้กลิ่นอำพันออกมาจากตัวของเขา หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมาจากปลายนิ้วของนางแล้วปักไปที่เขาและยักคิ้วขึ้นมา “พิษหายไปแล้ว ท่านทำได้อย่างไร?”
หลินซีเหยียนไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ได้เอนตัวพิงอ้อมแขนของเจียงหวายเย่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกยินดีมาก แม้แต่ความโมโหที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวก็ได้หายไปในทันที
แต่หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ เขาก็ได้แอบถอนหายใจในใจ ซึ่งกลายเป็นว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นได้ส่งผลกับเขาถึงขนาดนี้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเองเสียอีก
ทั้งสีหน้า คำพูดและการกระทำของนางนั้นสามารถทำให้เขานั้นดีใจ, เศร้าใจและหดหู่ได้….
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หมายความแค่ว่าเขาตกหลุมรักนางเท่านั้น แต่ยังหมายความว่าเทพสงครามไร้พ่ายเจียงหวายเย่นั้นมีจุดอ่อนขึ้นมาแล้ว!
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องปกป้องเสี่ยวเหยียนเอ๋อให้ดีๆเสียแล้ว ดวงตาของเจียงหวายก็ได้ส่องแสงออกมา หลังจากที่เขาตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว เขาก็ได้เข้าสวมกอดหลินซีเหยียนแน่นกว่าเดิม
“หน่วยอันนั้นจะมียาถอนพิษทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งสามารถใช้ถอนพิษบางอย่างได้”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและมองออกไปที่นอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิดด้วยแววตาที่มืดหม่น “ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านสกุลอวี้บ้างนะ?”
การผละจากอ้อมแขนของเขานั้นทำให้เจียงหวายเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินที่หลินซีเหยียนพูดแล้วเขาก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าว “เปิ่นหวางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกังวลเรื่องนี้ จึงได้ส่งคนไปที่บ้านสกุลอวี้ไปพร้อมกับมหาเสนาบดีหลินได้พักใหญ่แล้ว เมื่อคนที่ส่งไปกลับมาพวกเราก็จะได้ทราบกัน”
แล้วก็มีแสงปรากฏมาจากในดวงตาของหลินซีเหยียน เมื่อนางก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นเป็นคนที่รอบคอบและพึ่งพาได้เสมอ
“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ” เทียนเอ๋อตะโกนอย่างกระวนกระวายและมีเสียงดังมาจากด้านนอก หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดและเปิดประตูออกไป แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร เจ้าลูกชิ้นขาวก็ได้พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของนาง
ที่ตัวของเขานั้นเปื้อนไปด้วยเลือด หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนั้นดวงตาของนางก็ได้เย็นยะเยือกขึ้นมา แล้วรีบคุกเข่าลงและตรวจหาบาดแผลของเทียนเอ๋อ
เทียนเอ๋อที่รู้ว่าท่านแม่ของเขานั้นกำลังเข้าใจอะไรผิดจึงได้รีบพูดออกไป “ท่านแม่ เลือดนี้ไม่ใช่ของข้าแต่เป็นของเพื่อนเทียนเอ๋อต่างหาก”
“เพื่อนเหรอ?” หลังจากที่ตรวจดูเรียบร้อยแล้วว่า เทียนเอ๋อนั้นไม่มีบาดแผลอะไร หลินซีเหยียนก็ได้ใจเย็นลงมา แต่นางไม่รู้เลยว่าเทียนเอ๋อนั้นไปมีเพื่อนตั้งแต่เมื่อไร?
“ท่านแม่ ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนมาก ท่านแม่ไปช่วยเพื่อนของข้าได้ไหม?” เทียนเอ๋อก็ได้จับมือของหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าอ้อนวอน
หลินซีเหยียนนั้นกังวลว่าคนคนนั้นอาจจะหลอกใช้ เทียนเอ๋อก็ได้ นางจึงไม่ได้ตอบตกลงไปทันที แต่แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังนางและรู้ว่านางนั้นกำลังกังวลอะไรและกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก เปิ่นหวางจะไปกับเจ้าเอง”
ด้วยเหตุนี้หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ก็ได้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยการนำของเทียนเอ๋อ
แต่หลังจากที่เห็นชื่อของสถานที่แห่งนี้แล้ว สีหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้ดำมืดขึ้นมาทันที ทำให้เทียนเอ๋อต้องหดหัวแล้วหลบไปอยู่ด้านหลังของเจียงหวายเย่