หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 219 รักแรกพบ
บทที่ 219
รักแรกพบ
ณ สวนหลังร้านเล็กๆแห่งนั้น ก็พบหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดธรรมดา เส้นผมที่เหมือนกับผ้าไหมสีดำที่ผูกติดอยู่กับหัวของนางด้วยปิ่นปักผมหยกสีขาว ซึ่งได้เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยสดงดงามและคอที่ขาวของนาง
ลูกจ้างหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชายคนนั้นก็รู้สึกเคยชินกับการตอบสนองเช่นนี้แล้ว อย่างไรเสียเถ้าแก่เนี้ยของเขานั้นก็งดงามมากจริงๆนั่นแหละ
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาอันเร่าร้อนที่จ้องมายังนางแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้หันหน้ามาและขยับจมูกเล็กน้อย จากนั้นก็ได้เดินไปตรงหน้าของหลีเจี้ยนเฉิน “เจ้าบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กลั้นลมหายใจและไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมาด้วยความกลัวว่าจะทำให้หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นต้องตกใจ
“หรือว่านี่จะคือรักแรกพบ?” ในชั่วขณะนั้นเอง หลีเจี้ยนเฉินก็ได้คิดเช่นนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ลืมที่เขาคิดเมื่อกี้ทิ้งไป เพราะว่าหัวหน้านักบวชนั้นได้บอกไว้แล้วว่าคู่ของเขานั้นคือลูกสาวจวนมหาเสนาบดี
นี่เป็นครั้งแรกที่หลีเจี้ยนเฉินนั้นเกลียดการแต่งงานนี้ขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรออกมา หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด เพราะตอนนี้ก็สายแล้ว และนางจะต้องถอนพิษให้พี่ใหญ่หลินต่อ นางจะต้องรีบรักษาเขา!
นางมองไปที่คนที่กำลังตะลึงงันอยู่ตรงหน้าแล้วก็บอก “ตามข้ามา”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยักคิ้วแล้วถามอย่างอ้ำอึ้ง “เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน?” แต่ขาของเขาก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวและกล่าว “แน่นอนว่าก็ต้องตรวจดูแผลของเจ้าน่ะสิ เจ้าน่าจะบาดเจ็บมาสักพักใหญ่แล้วจะรอช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว รีบตามข้ามา”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังไม่ยอมเข้าใจ นางก็ได้ยื่นมือออกไปดึงอีกฝ่ายพามายังห้องห้องหนึ่ง แล้วจากนั้นนางก็ลงมือถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออก
จากการตรวจสอบของนาง ก็พบว่าเสื้อผ้าตรงบริเวณหน้าอกของเขานั้นดูเปียกชุ่มอยู่ บาดแผลของเขาจึงน่าจะอยู่บริเวณนั้น
หลีเจี้ยนเฉินที่ถูกสาวถอดเสื้อผ้าให้เขาเป็นครั้งแรกนั้น ใบหน้าของเขาก็ได้แดงแจ๋ขึ้นมา โชคยังดีที่มีผ้าคลุมหน้าของเขาเอาไว้อยู่ หลินซีเหยียนจึงได้ไม่รู้เรื่องนี้
“แม่นาง ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?” เจี้ยนเฉินก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา เผยให้เห็นความน่าหลงใหลในดวงตาจิ้งจอกของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินที่พูด หลินซีเหยียนก็ได้ปล่อยมือจากเสื้อผ้าของอีกฝ่าย แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ข้าก็แค่จะดูแผลของเจ้าเท่านั้น”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ตกใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าเขานั้นกำลังอยู่ในภวังค์ของความรัก จึงทำให้เขารู้สึกสับสนนิดหน่อย “ขอโทษทีข้าผิดเอง ขอเจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลยนะ”
จากนั้นหลีเจี้ยนเฉินก็ได้ถอดเสื้อออกอย่างช้าๆ แล้วก็เผยให้เห็นแผลที่หน้าออกของเขาตรงหน้าของหลินซีเหยียน
มองไปที่รอยแผลสี่รอยที่มีความลึกไม่เท่ากันแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้เริ่มทำการรักษาอย่างประณีต ไม่นานนักเลือดที่แผลก็ได้เริ่มหยุด แต่พิษนั้นยังคงอยู่ และคนที่อยู่ตรงหน้านางนั้นก็ดูจะทนทานต่อพิษชนิดนี้ดี
เพราะถ้าเป็นคนธรรมดา ก็คงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่คนที่อยู่ตรงหน้านางนั้นกลับยังคงสบายดีอยู่
หลังจากที่ทำการเก็บตัวอย่างเลือดเสียออกมาจากแผลของเขาแล้ว หลีซีเหยียนก็ได้ปล่อยหลีเจี้ยนเฉินทิ้งไว้ตามลำพังแล้วกล่าว “เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปเตรียมยาถอนพิษให้เจ้าก่อน”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ผงกหัวอย่างเชื่อฟังมาก
ในห้องนั้นเงียบเชียบมาก จนทำให้หลีเจี้ยนเฉินนั้นค่อยๆหมดสติ อย่างไรเสียเขานั้นทั้งเพลียและเสียเลือดไปมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะยังครองสติเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้
เมื่อหลินซีเหยียนเปิดประตูกลับเข้ามา นางก็เห็นเขาที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น และผ้าปิดหน้าของเขาก็ได้ร่วงหล่นไปนานแล้วเพราะสภาพเช่นนี้ของเขา
ด้วยดวงตาจิ้งจอกหลับตาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงปีที่สงบสุขที่กำลังมาถึง
แต่ทว่าน่าเสียดายนัก ที่หลินซีเหยียนนั้นไม่ใช่คนที่รักหยกถนอมบุปผา นางจึงได้กระแอมสองหน
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ตื่นขึ้นมาทันที แล้วจากนั้นก็ได้มองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่แล้ว เขาก็ได้ดุด่าตัวเองในใจอย่างอดไม่ได้ ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยแค่นี้แต่กลับลืมที่จะระวังตัวเสียได้!
หลินซีเหยียนก็ได้มอบชามยาในมือของนางให้ หลีเจี้ยนเฉิน
มองไปที่ชามยาสีดำ ทำให้หลีเจี้ยนเฉินต้องผงะออกมา “เจ้าช่วยทำเป็นยาเม็ดไม่ได้เหรอ? พอข้าได้กลิ่นของยาแล้ว ข้าก็รู้สึกเจ็บอย่างทนไม่ได้ขึ้นมาเลย”
เมื่อได้ยินที่ถาม หลินซีเหยียนก็ได้ตอบเขากลับไปด้วยสองคำสั้นๆว่า “ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” หลีเจี้ยนเฉินนั้นเกลียดยาต้มเอามากๆ ครั้งแรกที่เขาได้ดื่มนั้น ทันทีที่เขาลิ้มรสก็ต้องอ้วกออกมาทันที ตั้งแต่นั้นมาหมอในรัฐหลีต่างก็ทำยาออกมาเป็นยาเม็ดให้เขาทาน
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกแล้วกล่าวตามความเป็นจริง “การจะทำเป็นยาเม็ดนั้นต้องเสียทั้งแรงและเวลา แล้วผลที่ให้ก็ยังไม่ดีอีกด้วย”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้บิดริมฝีปากของเขาราวกับเด็กที่ทำผิด จากนั้นก็ได้บีบจมูกของเขาแล้วดื่มยานั้นลงไปทีล่ะหน่อยราวกับตายอย่างห้าวหาญ
เมื่อดื่มยาลงไปใกล้จะหมดแล้วนั้น เขาก็ได้รีบเอนตัวไปข้างหน้าและคลื่นไส้อาเจียน
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วจากนั้นก็ได้หยิบเข็มเงินจิ้มไปที่หลังของเขา ทำให้อาการคลื่นไส้ของเขาเบาลงไปทันที
“เหลืออีกหน่อยเดียว ดื่มให้หมด”
หลีเจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานั้นจริงๆแล้วเป็นปีศาจที่อยู่ในคราบของนางฟ้าชัดๆ
ด้วยความเศร้าของเขาทำให้ตาเป็นสีแดง จนในที่สุดเขาก็ดื่มยาต้มจนหมด หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้ส่งยาขวดเล็กให้กับเขา “ในนั้นใส่ยาขับพิษเอาไว้ ใช้ทาที่แผลของเจ้า วันละสามครั้ง”
หลินซีเหยียนก็ได้ออกไปหลังจากพูดจบ แล้วจากนั้นก็ให้ลูกจ้างหนุ่มพาไปส่งหน้าร้านโดยไม่ปล่อยให้หลีเจี้ยนเฉินได้อยู่ต่อ
ไม่นานนักหลังจากที่หลีเจี้ยนเฉินจากไป หลินหนานเฟิงก็ได้เข้ามา ใบหน้าของเขานั้นซีดกว่าเมื่อคืนมาก หลินซีเหยียนจึงรู้ว่าอาการของเขาแย่มากแล้ว
ดังนั้นจึงได้เริ่มลงมือขับพิษทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
วิธีการขับพิษนั้นไม่ยุ่งยากแต่ก็หนักอยู่ ด้วยการทานยาต้ม, ฝังเข็ม และอาบน้ำยา
หลังจากที่ทำครบรอบนึง พิษของหลินหนานเฟิงก็ได้บางเบาลงไป แต่ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
เจียงหวายเย่ก็ได้กลับมาพอดี
สิ่งแรกที่เจียงหวายเย่ทำหลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวงคือมุ่งหน้ามาที่โรงหมอหุยชุน เขานั้นอยากที่จะทำให้ เสี่ยวเหยียนเอ๋อประหลาดใจด้วยความยินดี
แต่เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป ก็ไม่ได้พบเพียงแค่ หลินซีเหยียน แต่ยังพบชายไร้อารมณ์อยู่ในห้องนั้นด้วย!!
เขานั้นจากไปไม่นาน เสี่ยวเหยียนเอ๋อก็หน่ายของเก่าหาของใหม่เสียแล้ว นางนั้นมีรักใหม่แล้ว!
เมื่อเห็นสีหน้าของเจียงหวายเย่แล้ว หลินซีเหยียนจึงรู้ว่าชายคนนี้กำลังหึงหวงไม่เข้าท่าอีกแล้ว
นางจึงได้กล่าว “ช่วยใจเย็นๆหน่อยได้ไหม นี่คือพี่ชายของข้าหลินหนานเฟิง”
หลินหนานเฟิง? “ชื่อนี้ ข้าเคยได้ยินอยู่” เป็นลูกชายของมหาเสนาบดีหลินที่เขาไม่ยอมรับนี่เอง
แต่เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้อีกฝ่ายเป็นชายที่มีใจดุจเหล็ก แต่ก็ยังใส่ใจกับเรื่องเช่นนี้อยู่ดี
“พี่ใหญ่ คนคนนี้คือ….” หลินซีเหยียนก็รู้สึกลังเล เพราะนางนั้นไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวตนไหนให้หลินหนานเฟิงรู้จักดี จะบอกว่าเป็นเจียงหวายเย่ องค์ชายรัตติกาลดี?
หรือจะบอกว่าเป็นอาจารย์ของเทียนเอ๋อดี?
หรือจะบอกว่าเป็นประมุขหอพันกลดี?
ไม่ว่าจะตัวตนไหนก็ล้วนแล้วแต่น่าทึ่งพอๆกัน
เจียงหวายเย่ที่เหมือนจะเชื่อมต่อกับหัวใจของ หลินซีเหยียนนิดหน่อย ก็พอจะเข้าใจว่าหลินซีเหยียนต้องการอะไร “เปิ่นหวางคือเจียงหวายเย่ องค์ชายรัตติกาลแห่งรัฐเจียง”
หลินหนานเฟิงก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาแล้วดึงหลินซีเหยียนมาอยู่ข้างหลังเขาอย่างเย็นชา เขานั้นมองเห็นถึงท่าทีที่ไม่ธรรมดาของน้องสาวของเขาที่มีต่อเจียงหวายเย่
แต่องค์ชายรัตติกาลเจียงหวายเย่นั้นไม่เหมาะสมกับน้องสาวของเขา
เขาจะต้องทำร้ายน้องสาวของเขาแน่นอน
ก่อนที่จะแนะนำตัวตนนี้ไป เจียงหวายเย่เองก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับท่าทีเช่นนี้อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้นึกเสียใจเพราะว่าเขานั้นต้องการที่จะอยู่กับเสี่ยวเหยียนเอ๋อจริงๆ
“ท่านพี่อย่าได้ระแวงเปิ่นหวางเลย เปิ่นหวางนั้นจะไม่ปล่อยให้เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นต้องเจ็บปวดเพราะเปิ่นหวางอย่างแน่นอน”