หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 225 ต่อรอง
บทที่ 225
ต่อรอง
“บอกมาแม่ของข้าตายอย่างไร?”
สาเหตุการตายที่แท้จริงของแม่ของนางนั้นคือสาเหตุที่ทำให้หลินซีเหยียนยังอยู่ในจวนมหาเสนาบดีแห่งนี้ แต่ทว่าหลังจากที่ผ่านไปตั้งนานก็ยังไม่พบหลักฐานสำคัญอะไรเลย
ฮูหยินอินก็ได้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ ซึ่งต้องขอบคุณจุดอ่อนของหลินซีเหยียน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วฮูหยินอินก็ได้ยิ้มขึ้นมาราวกับว่านางนั้นมีอะไรยึดเหนี่ยว ดวงตาที่หวาดกลัวของนางก็ได้ค่อยๆสงบลงมา แล้วสีหน้าของนางก็ได้ซึ่งความดุร้ายขึ้นมา
“ถ้าบอกเจ้าง่ายๆเช่นนี้ มันจะถูกเกินไปหน่อยไหม?” ในขณะที่นางกำลังพูดเช่นนี้ กระบี่เล่มยาวที่คอของฮูหยินอินก็ได้มีแรงกดลงมาเล็กน้อย
แล้วเลือดอุ่นๆก็ได้เริ่มไหลออกมาจากคอตกลงมาที่เสื้อผ้าของนางอย่างช้าๆ
หลินซีเหยียนก็ได้กะพริบตาแล้วกล่าวโดยไร้ซึ่งความโกรธในเสียงของนาง “ฮูหยินอิน คิดว่าสิ่งนี้จะใช้ขู่ข้าได้งั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทีของหลินซีเหยียน ฮูหยินอินก็คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าคุณหนูสามต้องการที่จะล้างแค้นให้แม่ของเจ้าหรอกเหรอ?”
“แน่นอนว่าข้าอยากที่จะล้างแค้น แต่เจ้าประเมินค่าความลับนี้สูงไปหน่อย ถ้าข้าอยากที่จะรู้ข้าจะไปหาด้วยตัวเองก็ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้า” แล้วรอยยิ้มของหลินซีเหยียนก็ได้เปลี่ยนไปเป็นหัวเราะ “แต่ฮูหยินอินก็คงจะไม่มีโอกาสได้อยู่ที่นี่ต่อแล้ว?”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้ตบปากตัวเองเบาๆแล้วกล่าว “หรือควรจะบอกว่าเจ้านั้นไม่อยากที่จะอยู่ในเมืองหลวงอย่างปลอดภัยดีล่ะ?”
“คุณหนูสาม เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากขนาดไหนกันเชียว?” ฮูหยินอินก็ได้กล่าวอย่างดูถูก ในสายตาของนางนั้นหลินซีเหยียนก็เป็นแค่ลูกสาวขุนนางเท่านั้น นางจะมีอำนาจสักแค่ไหนเชียว “ถึงจะทำให้ข้าไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงต่อได้ เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่รึไง?”
ชิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้มีความโกรธขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
ในฐานะหมอผีแล้ว คุณหนูหลินนั้นมีผู้คนมากมายที่อยากจะช่วยเหลือนาง ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่เมียน้อยต่ำต้อยแต่กลับมีหน้ามาดูแคลนคุณหนูหลินอีก
นอกจากอำนาจที่อยู่เบื้องหลังคุณหนูหลินเองแล้ว ยังเพราะนายท่านนั้นยังหลงรักคุณหนูหลินอีก ต่อให้นางไม่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ฮูหยินอินก็สามารถที่จะหายไปได้อย่างเงียบๆ
“ข้าแนะนำให้เจ้าตอบคำถามของข้ามาดีๆจะดีกว่า” หลินซีเหยียนก็ได้นั่งลงที่เตียงของฮูหยินอิน แล้วหยิบเอาแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วยื่นส่งให้ฮูหยินอิน
คุณภาพของกระดาษแผ่นนี้ดูพิเศษมาก ดูจากลายสีดำที่ซับซ้อนที่อยู่ข้างในกระดาษ หากใครที่ฉลาดพอก็จะรู้ได้ทันทีว่าราคาของกระดาษแผ่นนี้จะต้องสูงมากอย่างแน่นอน
ฮูหยินอินนั้นเอื้อมมือที่จะไปหยิบแต่ก็ลังเลที่จะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา นางนั้นรู้สึกได้ว่าเนื้อหาในกระดาษแผนนั้นจะต้องไม่ใช่สิ่งที่นางอยากจะเห็นแน่นอน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่เต็มใจของฮูหยินอินแล้ว ที่มุมปากของนางก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วกล่าว “ก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ฮูหยินจะกลัวไปทำไม?
คำพูดที่ประชดประชันนี้ทำให้ฮูหยินอินโมโหขึ้นมา นางจึงได้รีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแล้วกล่าว “ขอข้าดูหน่อยว่าเขียนอะไรไว้? ทำไมเจ้าถึงได้ดูมั่นใจนัก”
นางที่พยายามทำเป็นกล้าหาญนั้น แต่มือของนางที่ถือกระดาษแผ่นนั้นก็ได้เริ่มสั่นขึ้นมา นางค่อยๆเปิดอ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้วก็พบข้อความที่อยู่ข้างในนั้น
แล้วใบหน้าของนางก็ได้ซีดเผือดอย่างสุดๆแล้วมองไปที่ดวงตาของหลินซีเหยียนด้วยความกลัว
“ไม่มีทาง เขาตายไปแล้วนี่” ฮูหยินอินก็ได้จ้องไปที่ หลินซีเหยียนแล้วค่อยๆถอยออกมา พยายามที่จะอยู่ให้ห่างจากหลินซีเหยียน
“ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะ แต่ทำไม ฮูหยินอินถึงได้ดูมั่นใจนักล่ะ?” หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังให้ฮูหยินอินแล้วเดินไปโต๊ะก่อนจะหยิบแก้วชาขึ้นมา แต่นางก็ยังไม่ได้ดื่มลงไป
“ฮูหยินอินได้จ้างนักฆ่าไปฆ่าสามี แล้วนักฆ่าก็ได้นำนิ้วที่ขาดของสามีของเจ้ากลับมา ทำให้เจ้าสรุปว่าสามีของเจ้าตายไปแล้วถูกต้องไหม?”
ฮูหยินอินที่ยังคิดว่ามีความหวังอันน้อยนิดอยู่นั้นก็ได้หมดเรี่ยวแรงแล้วเอนตัวเข้ากับกำแพงทันที “ทำไมเจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้ได้?”
“เจ้าวางใจได้ข้อมูลของเจ้านั้นไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยองค์กรลอบสังหารหรอก อย่างไรเสียในวงการนั้นแล้ว ความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
หลินซีเหยียนที่ดูเหมือนจะมองทะลุความสงสัยของ ฮูหยินอินได้ ก็ได้ตอบคำถามนางไปตรงๆ
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไม….”
“ทำไมข้าถึงได้รู้น่ะเหรอ?” หลินซีเหยียนยิ้ม แล้วนางก็ได้วางกาน้ำชาลงแล้วหรี่สายตาของนางลง “ไม่มีกำแพงที่ปิดสนิทในโลกนี้หรอกรู้ไหม? ถ้าหากว่าอยากที่จะรู้อะไรแล้วล่ะก็ มันมีหนทางของมันเสมอแหละ”
ฮูหยินอินก็ได้มองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์ หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ก็ได้พูดออกมาอย่างช้าๆ “ไม่ใช่ว่าท่านอยากที่จะรู้ว่าแม่ของท่านตายยังไงหรอกเหรอ? ข้าจะบอกท่านก็ได้นะ”
“อย่าได้คิดหลอกข้าเชียวนะ!”
มาถึงจุดนี้แล้ว หลินซีเหยียนก็ไม่ได้ประหลาดใจอีกต่อไป
ฮูหยินอินที่ดูเหมือนกำลังพยายามนึกก็ได้กล่าว “ครั้งหนึ่งตอนที่ท่านพี่ดื่มเหล้ามากเกินไป เขาได้มองมาที่ข้าแล้วพร่ำเรียกชื่อของฮูหยินเยี่ย ในเวลานั้นข้าไม่รู้ว่านางคือใคร จนกระทั่งข้ามาอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีและพบว่านางคือภรรยาที่แท้จริงของท่านพี่”
หลินซีเหยียนก็ได้พยายามนิ่งเงียบ แต่แววตาของนางก็ได้มืดดำขึ้นมาอย่างช้าๆ
“แล้วในวันนั้นนายท่านก็ได้คุกเข่าลงต่อหน้าข้าแล้วไม่ยอมลุกขึ้นมา แล้วเขาก็พร่ำแต่พูดว่าเป็นฮูหยินอวี้ที่ทำร้ายเจ้า ในตอนนั้นข้าสับสนมากทำอะไรไม่ถูก เจ้าอย่าได้โทษข้านะ
ตอนแรกข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ข้าเองก็รู้สึกสนใจและคิดที่จะตามหาความจริงเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ใช้ต่อกรกับฮูหยินอวี้
หลังจากที่ตามแกะรอยข้าก็พบความจริงที่น่าใจสลายเข้า
ด้วยการนิ่งเฉยของมหาเสนาบดีหลิน ฮูหยินอวี้ก็ได้วางยาแม่นางเยี่ยด้วยพิษเรื้อรัง”
ฮูหยินอินก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียน ด้วยความรู้สึกสงสารในดวงตาของนาง “เดิมทีท่านเองก็ควรจะไม่รอดด้วย แต่ท่านนั้นยังดวงแข็งที่ยังมีจวนท่านแม่ทัพคอยให้การดูแลและคุ้มครองอยู่”
ถึงแม้ว่าหลินซีเหยียนจะพอเดาได้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่หัวใจของนางก็ยังรู้สึกปวดร้าวกับความจริงที่อยู่ตรงหน้านางนี้
ฮูหยินอินก็ได้เงยหัวขึ้นมามองหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่ย่ามใจ “แม้จะไม่ถึงขนาดแม่ของท่าน? แต่หากเทียบกับข้าแล้ว?
เดิมทีข้าเป็นลูกสาวตระกูลนักวิชาการตระกูลหนึ่ง แต่ข้ากลับแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เอาถ่านเข้า และสูญเสียทุกสิ่งในตระกูลของข้าไป แต่เขาก็ยังเอาแต่ดุด่าว่าข้าอีก”
ฮูหยินอินก็ได้เอามือปิดหน้าของนาง แล้วผมของนางก็ได้คลุมลงมาปิดหน้านางและร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งหัวเราะ “ท่านเคยรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องสามวันบ้างไหม? แล้วท่านเคยถูกขืนใจโดยชายที่ท่านไม่รู้จักตลอดทั้งกลางวันกลางคืนบ้างไหม?”
แล้วแววตาประหลาดใจก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินซีเหยียน
“ท่านฟังข้าไม่ผิดหรอก เจ้าสัตว์เดรัจฉานนั้นพอมันหมดตัวไปกับบ่อนพนัน ก็ได้พาคนมาที่บ้านเพื่อเล่นสนุกกับภรรยาของตัวเองเป็นการใช้หนี้”
“เรื่องนี้เจ้าต้องโทษตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น”
จากการสืบมา พบว่าหลังจากที่สามีของฮูหยินอวี้นั้นล้มละลาย นางจึงไม่อยากที่จะลำบากร่วมกับสามีของนาง นางจึงได้คิดที่จะหนีตามไปกับคนอื่น แต่ก็ปรากฏว่าทำไม่สำเร็จ ตั้งแต่นั้นมาสามีของนางก็ได้เริ่มกิน, ดื่ม, เล่นพนันและเที่ยวนางโลม
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่หลินซีเหยียนรู้สึกกังวลมากที่สุดคือ “แล้วเด็กที่ตายในจวนมหาเสนาบดีล่ะ?”
“ท่านก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของพ่อท่าน?” ฮูหยินอินก็ได้ลุกขึ้นยืน และมีไฟที่ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของนาง “เด็กคนนั้นเป็นเด็กจรจัด ที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาเป็นใคร? มันบ้ามากเลยใช่ไหมล่ะ?”
มองไปที่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของฮูหยินอินแล้ว นางก็ได้มองไปทางอื่นด้วยสายตาที่รู้สึกเบื่อหน่าย “ต่อจากนี้เจ้ากับข้าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว”
จากนั้นนางก็ได้จากไปโดยที่ไม่เหลียวกลับมามอง
ส่วนฮูหยินอินก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของหลินซีเหยียนด้วยสายตาที่ดุดันมาก “ข้ายังไม่แพ้หรอกนะ”