หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 245 ความผิดพลาดจากการดื่มเหล้า
บทที่ 245
ความผิดพลาดจากการดื่มเหล้า
เมื่อได้ยินที่พูด ริมฝีปากของเจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มอย่างเหี้ยมโหดขึ้นมา “พวกเจ้าคิดว่าฮ่องเต้เจียงนั้นเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ?”
แล้วใบหน้าของทั้งสามคนก็ได้มืดดำขึ้นมาและอยากที่จะถามอะไรบางอย่าง แต่เจียงหวายเย่ก็ได้สะบัดมือของเขา
อันอี้ก็ได้โผล่มาตรงหน้าของขุนนางเหล่านี้แล้วกล่าวโดยไร้ซึ่งสีหน้า “องค์ชายเหนื่อยแล้ว อันอี้จะไปส่งไปพวกท่านเอง!”
หลังจากที่พวกเขาออกไป อันอี้ก็ได้กลับมาที่ห้องทำงานแล้วถาม “องค์ชาย สำหรับคนที่ส่งจดหมายไปที่พระราชวังนั้นจะให้ข้าน้อยจัดการเลยไหมขอรับ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ทำเสียงในลำคอเบา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง”
ทันทีที่เขาออกคำสั่งไป อันอี้ก็ได้หายไปจากห้องทำงาน แล้วในห้องทำงานห้องใหญ่นี้ก็เหลือเพียงเจียงซิงชูกับ เจียงหวายเย่เท่านั้น
เมื่อคนนอกออกไปหมดแล้ว เจียงซิงชูก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างมาก แล้วเขาก็ได้นั่งลงที่เก้าอี้ที่พระราชครูนั่งเมื่อสักครู่แล้วกล่าว “ท่านพี่สาม ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าฮ่องเต้หลีนั้นจริงๆแล้วไม่ได้ชอบหลินรั่วจิ่ง แต่เป็นพี่สะใภ้ต่างหาก เรื่องนี้จริงหรือเปล่าขอรับ?”
“ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ คนที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะแต่งด้วยนั้นมีเพียงเปิ่นหวางคนเดียวเท่านั้น”
เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง เหมือนกำลังคิดหาหนทางอยู่ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นมีเสน่ห์มากเกินไป ดูเหมือนว่าเปิ่นหวางจำเป็นจะต้องแสดงตัวเองในฐานะสามีให้ชัดเจนโดยเร็วเสียแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เจียงหวายเย่จึงได้ทิ้งเจียงซิงชูเอาไว้แล้วรีบกลับไปที่เรือนเชียนเหยียน ยิ่งในเวลานี้มีหลีเจี้ยนเฉินอาศัยอยู่ในจวนมหาเสนาบดีอยู่ด้วย จึงไม่อาจที่จะสบายใจอยู่ได้
เจียงหวายเย่ที่ผ่านร้านรสชาติที่แท้จริงไปนั้น และใช้เวลาไม่นานนักก็ได้เดินทางมาถึงจวนมหาเสนาบดี ในเวลานี้เขาไม่คงนึกว่าเทียนเอ๋อนั้นจะกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งในร้านรสชาติที่แท้จริงอยู่ ในเวลานี้มีแก้วเหล้าถืออยู่ในมือของเทียนเอ๋อ ดวงตาของเขานั้นหมุนติ้วๆ มองไปที่อาหารเลิศรสเบื้องหน้าและถือไหเหล้าเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง
“ฝ่าบาท เทียนเอ๋อเมาแล้วหม่อมฉันเกรงว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายกับหมอหลินในยามที่พวกเรากลับไป!” มหานักบวชกล่าวอย่างลำบากใจ แล้วยืนมือออกไปหยิบแก้วเหล้าออกมาจากในมือของเทียนเอ๋อ แต่เขากลับสามารถหลบได้อยู่หลายหน
ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้หลีเจี้ยนเฉินนั้นมีใบหน้าสนใจขึ้นมา “ไม่เลว ตัวเล็กเท่านี้แต่กลับมีวรยุทธ์ซะด้วย!”
“ฮ่าๆ…ฮึก...วรยุทธ์ของเทียนเอ๋อสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?” ถึงแม้ว่าเทียนเอ๋อนั้นจะเมาอยู่ แต่เขาก็ยังสามารถตอบกลับมาได้อย่างน่าทึ่งเมื่อได้ยินเสียงคนอื่นกล่าวชมเขา
สถานการณ์เช่นนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ดึงแก้มของเทียนเอ๋อแล้วกล่าวอย่างล่อลวง “วรยุทธ์ของข้าเองก็สุดยอดมากเช่นกัน ถ้าเจ้าอยากจะได้คนมาเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าไม่มาเป็นลูกศิษย์ของข้าเสียล่ะ?”
เทียนเอ๋อก็ได้คิ้วขมวดแล้วจ้องไปที่หลีเจี้ยนเฉินอย่างดุดัน แล้วจากนั้นก็ได้ออกคำสั่ง “นั่งลงอยู่เฉยๆและอย่าขยับนะ มันทำให้เทียนเอ๋อรู้สึกเวียนหัว”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ส่ายหัวของเขาแล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านมหานักบวช ท่านช่วยพาเขากลับไปที แล้วอย่าให้หมอหลินรู้ว่ามันเป็นความผิดของข้าที่ทำให้เทียนเอ๋อเมา”
แล้วมหานักบวชก็ได้ผงกหัวอย่างขบขัน
ในเวลานี้เทียนเอ๋อก็ได้ทำเสียงในลำคอแล้วกล่าวอย่างภูมิใจ “ดูท่าทางที่ขี้ขลาดและไร้ความรับผิดชอบของท่านแล้ว ท่าน่ะเทียบไม่ได้กับท่านอาจารย์ของเทียนเอ๋อแม้แต่นิดเดียว”
เมื่อได้ยินที่เทียนเอ๋อพูดนับถือท่านอาจารย์ของเขามากขนาดนั้นแล้ว หลีเจี้ยนเฉินก็ได้มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมา เขามองไปที่เจ้าตัวน้อยแล้วพูดกลั่นแกล้งและล่อลวงเขา “เทียนเอ๋อเจ้าน่าจะเห็นได้อย่างชัดเจนนะว่าตัวข้านั้นเหนือกว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นไหนๆ ข้านั้นไม่เพียงแต่จะรวยแต่ยังมีวรยุทธ์ที่สุดยอดอีกด้วย แล้วที่สำคัญนะข้าน่ะเป็นถึงผู้นำของอาณาจักรเลยนะสูงศักดิ์เหนือกว่าใครๆ”
“เฮอะ, แล้วไง? ท่านอาจารย์ของเทียนเอ๋อน่ะเป็นถึงเทพสงครามที่เป็นเลิศในทุกด้านเลยนะ” เทียนเอ๋อก็ได้กล่าวในขณะที่ยิ้มยิงฟันให้เห็น แต่เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยว่าบรรยากาศรอบตัวเขานั้นเงียบสนิท
แล้วมหานักบวชก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ฝ่าบาท บุคคลที่ถูกเรียกว่าเทพสงครามนั้น หม่อมฉันเกรงว่าจะมีอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!”
“เจียงหวายเย่งั้นเหรอ?” หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้าเกรงว่าท่านอาจารย์ของเทียนเอ๋อน่ะ คงจะใช้ชื่อนี้เพื่อหลอกเทียนเอ๋อแล้วล่ะ!”
“ใครจะกล้ามาหลอกเทียนเอ๋อได้? ข้า…หลินเทียนซื่ออัจฉริยะที่ร้อยปีจะมีสักครั้ง และในอนาคตก็จะเป็นเทพสงครามเช่นเดียวกับท่านอาจารย์”
แล้วปากของเทียนเอ๋อก็ได้พูดไม่หยุดปากทันทีที่พูดเช่นนั้นออกมา เขาพูดอยู่พักใหญ่ๆซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องของความยิ่งใหญ่ของเจียงหวายเย่ ในเวลานี้ต่อให้หลีเจี้ยนเฉินนั้นอยากที่จะล่อลวงเขายังไงก็คงทำไม่ได้แล้ว
จี๋เฟิงที่ซ่อนตัวอยู่บนคานของห้องนี้ก็ได้กำหมัดของเขาแน่น เขานั้นอยากที่จะกระโดดลงไปแล้วเอามือปิดปากของนายน้อยมาก แต่เขาไม่อาจที่จะทำเช่นนั้นได้เพราะเขานั้นมีหน้าที่ต้องคอยปกป้องความปลอดภัยของนายน้อยจากในความมืดเท่านั้น!
“ไม่แปลกใจเลยที่ข้านั้นจะรู้สึกคุ้นเคยนักตอนที่ข้าพบเขา ที่แท้เขาก็คือเจียงหวายเย่นี่เอง!” สีหน้าของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้เต็มไปด้วยความโกรธเมื่อรู้ว่าถูกหลอก “เมื่อสามปีก่อนเขาได้วางแผนและทำให้ข้าต้องเสียหน้า แล้วคราวนี้เขาก็ยังมาแย่งพระชายาของข้าไปอีก แบบนี้ใครจะไปทนไหวกัน?”
มหานักบวชเองก็ได้มีสีหน้าครุ่นคิดบนใบหน้าของเขาเช่นกัน เขาจึงได้พูดเตือนขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทได้ส่งคนให้ไปส่งจดหมายให้องค์ฮ่องเต้เจียงเรื่องที่เจียงหวายเย่หลอกเขาหรอกเหรอ? ซึ่งถ้าฮ่องเต้เจียงทราบเรื่องว่าตัวเองถูกหลอกแล้วล่ะก็ คงไม่อาจที่จะอยู่นิ่งเฉยและไม่ทำอะไรแน่ๆ!”
“ที่ท่านมหานักบวชว่ามาก็มีเหตุผล ข้าเกรงว่าจดหมายฉบับนั้นคงจะถูกสกัดโดยคนของเจียงหวายเย่แล้วเป็นแน่”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา เพราะว่าเขานั้นได้กุม เจียงหวายเย่เอาไว้ในมือของเขาและรู้สึกได้ถึงความยินดีขึ้นมา “พรุ่งนี้เราจะเข้าพบฮ่องเต้เจียงที่พระราชวังหลวง แล้วบอกเล่าเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แล้วเจียงหวายเย่ก็จะต้องเจอกับปัญหาใหญ่จนไม่อาจมาขัดขวางเราให้มาหาหมอหลินได้”
แล้วมหานักบวชก็ได้หงกหัว แล้วคิดว่านี่เป็นแผนการที่ไม่เลวอยู่ในใจของเขา
หลังจากที่รับประทานเสร็จเรียบร้อย มหานักบวชก็ได้อุ้มพาเทียนเอ๋อไป ส่วนหลีเจี้ยนเฉินก็ได้แยกไปอีกทาง “ลำบากท่านมหานักบวชหน่อยน่ะ ส่วนข้าจะขอกลับไปเพื่อไปเตรียมการก่อน”
มหานักบวชก็ได้ผงกหัวแล้วกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อไปส่งเทียนเอ๋อที่กำลังหลับปุ๋ยที่เรือนเชียนเหยียน แล้วก็พบกับหลินซีเหยียนที่น่ากลัวมาก
“ในเมื่อท่านพาเทียนเอ๋อออกไป ก็ควรจะเป็นความรับผิดชอบของพวกท่านที่จะต้องคอยดูแลเขาให้ดีสิ” มองไปที่เทียนเอ๋อที่กำลังเมาและไม่ได้สติ หลินซีเหยียนก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่แย่มาก
แต่ด้วยความเคารพนางที่เป็นว่าที่ฮองเฮาแล้ว มหานักบวชก็ได้ก้มหัวปรกๆแล้วกล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ “ท่านหมอหลิน ข้าขอโทษอย่างสุดซึ้งจริงๆ ข้าหวังว่าท่านหมอหลินจะยกโทษให้ข้าด้วย”
เจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดี “ต่อจากนี้พวกเราควรจะสั่งสอนเทียนเอ๋อ ว่าไม่ควรตามคนแปลกหน้าไป”
ตอนแรกเขาไม่รู้ถึงตัวตนของเจียงหวายเย่ แต่หลังจากที่รู้แล้วท่านมหานักบวชก็ได้มองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่ว้าวุ่นใจ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพมาก “แต่วรยุทธ์ของเขานั้นสุดยอดมาก ต่อให้เขาออกไปกับคนแปลกหน้า ข้าว่าเขาก็คงไม่พบกับอันตรายอะไรหรอก”
หลินซีเหยียนก็ได้ฝากเทียนเอ๋อให้จิ่งชุนและบอกให้ รั่วฉุ่ยต้มยาแก้สร่างเมา
จากนั้นนางก็ได้หันไปมองที่มหานักบวชแล้วกล่าว “ถ้าท่านมหานักบวชไม่มีธุระอะไรแล้ว ทำไมท่านถึงยังไม่กลับไปอีก?”
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มหานักบวชรู้สึกเหมือนเอาหัวโขกกำแพง ที่เจอคนทำให้เขารู้สึกแย่เช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นมาหน่อยๆหากว่าเมื่อใดที่หลินซีเหยียนนั้นได้กลายเป็นฮองเฮาขึ้นมา
แต่ก็เหมือนกับจิวยี่ที่เฆี่ยนตีอุยกาย! ดังนั้นอย่าเพิ่งคิดมากเกี่ยวกับมันตอนนี้เลย แล้วมหานักบวชก็ได้หันหลังและจากไป
ทันทีที่เขาจากไป จี๋เฟิงก็ได้ลงมาคุกเข่าต่อหน้า หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ แล้วก็รายงานเรื่องของบทสนทนาในร้านรสชาติที่แท้จริงให้เจ้านายทั้งสองคนฟัง
หลังจากที่ได้ฟัง สีหน้าของเจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้ตกใจขึ้นมาทันที