หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 249 ฆ่าองค์ชาย
บทที่ 249
ฆ่าองค์ชาย
จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่ฮ่องเต้หลีอย่างไม่อยากเชื่อ ราวกับอยากจะพูดว่า “ไหนเขาบอกว่าแค่ใส่ยากระตุ้นกำหนัดไปเล็กน้อยไง? ทำไมมันถึงได้กลายเป็นยาพิษไปได้!! เจ้าคิดที่จะพยายามฆ่าองค์ชายของรัฐเจียงหรืออย่างไร”
ฮ่องเต้หลีก็ได้ยักคิ้วแล้วจ้องตอบไป จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดด้วยสายตาที่แหลมคม แล้วกล่าวพูดออกมาเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน “เขาจะต้องแกล้งทำเป็นแน่ ข้าไม่โง่พอที่จะหลงเชื่อเขาหรอก ข้าจะปล่อยให้ท่านจัดการกับเจียงหวายเย่ก็แล้วกัน”
จริงด้วยสิ ถ้าเขาทำจริงก็จะไม่เป็นผลดีกับฮ่องเต้หลีเอง หรือว่าเขาจะแกล้งทำจริงๆ?
แต่ถ้าเขาแกล้งทำจริงๆ มันก็ออกจะดูถูกเขามากเกินไป ที่คิดจะใช้ลูกไม้เดิมถึงสองคราว ฮ่องเต้เจียงที่โกรธจัดก็ได้เดินไปหาเจียงหวายเย่แล้วกล่าว “องค์ชายเย่ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าถูกพิษเพราะอะไร?”
แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ตอบออกไปด้วยเสียงที่แหบแห้งและเน้นหนัก “ชา”
“ข้าเป็นคนสั่งให้กาวกงกงเป็นคนนำชามาให้เจ้าเอง มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา” ฮ่องเต้เจียงก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก ราวกับกำลังรอให้อีกฝ่ายยอมรับความผิดออกมาว่าแกล้งทำ
แล้วในเวลานี้เองเฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้พูดขึ้นมา “ขอเชิญ ฝ่าบาทออกไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายรัตติกาลถูกพิษจริงๆ ถ้าหากถอนพิษไม่ทันการ หม่อมฉันเกรงว่าชีวิตขององค์ชายคงได้เป็นอันตรายแน่พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงนั้นได้พูดตบหน้าของฮ่องเต้เจียงโดยไม่ลังเล จากนั้นภายใต้สายตาของฮ่องเต้เจียง เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้หยิบเอายาออกมาขวดหนึ่ง เปิดฝาออกมาแล้วโรยลงไปในชาที่แตก
“ขวดใบนี้ได้บรรจุผงเงินเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นผู้คนให้ความสนใจ เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้อธิบายให้ฟัง เพราะว่าใช้กันมานานมากแล้ว ใครๆก็รู้ดีว่าเข็มเงินนั้นสามารถใช้ทดสอบพิษได้ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีวิธีการเช่นนี้อยู่ด้วย
ในระหว่างที่พูดอยู่กัน ก็พบว่าผงเงินที่อยู่ในแก้วชาที่แตกก็ได้กลายเป็นสีดำ
มันมีพิษอยู่จริงๆ ฮ่องเต้เจียงก็ได้ยืนอึ้งอยู่กับที่ แล้วจากนั้นก็รีบกล่าวขึ้นมา “ยังไม่รีบถอนพิษให้องค์ชายเย่อีกเรอะ!”
ฮ่องเต้เจียงนั้นให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของเขามากที่สุดในชีวิต ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้เจียงหวายเย่นั้นมีชีวิตรอดอยู่ถึงทุกวันนี้แน่ ถึงแม้ว่าเขาอยากที่จะฆ่าเจียงหวายเย่ให้ตายมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเขาให้ตายเช่นนี้ได้
เขากล้าพูดเลยว่าหากเจียงหวายเย่ตายในพระราชวังหลวงแล้ว ผู้คนด้านนอกก็จะคิดว่าเขาเป็นคนโหดร้ายมากที่ฆ่าได้แม้กระทั่งพี่น้องร่วมสายเลือดของตัวเองเพื่อบัลลังก์
อย่างไรเสียในใจของผู้คนนั้น เจียงหวายเย่นั้นมีความสำคัญมากมากกว่าเขาที่เป็นฮ่องเต้เสียอีก!
หลังจากที่ได้รับคำสั่งมา เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ออกคำสั่งทันที ก่อนอื่นก็ได้สั่งให้ช่วยกันขนย้ายพาเจียงหวายเย่มายังห้องว่างๆ แล้วจากนั้นเขาก็ได้เขียนสูตรยาออกมา 2 สูตร หนึ่งคือยาที่ทำให้อาเจียน และอีกตัวคือยาที่ใช้ถอนพิษ
“จำเป็นต้องใช้โดยเร็วด้วย” เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้อธิบายให้สาวรับใช้ในวังฟังอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมาแล้วเริ่มปักเข็มเงินลงไปที่ตัวของเจียงหวายเย่ ด้วยจำนวนเข็มเงินที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอาการของเจียงหวายเย่ก็ได้ค่อยๆบรรเทาลงมา
ถึงแม้ว่าริมฝีปากของเขาจะยังเป็นสีดำ แต่สีหน้าของเขาก็ได้หายจากอาการเจ็บปวดแล้ว
จากนั้นยาก็ได้ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ป้อนยาที่ทำให้อาเจียนให้กับเจียงหวายเย่ ยาตัวนี้มีฤทธิ์แรงมาก เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกได้เลยว่าอาหารที่เขาทานไปเมื่อคืนนั้นได้อาเจียนออกมาหมดแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อเฉิงรุ่ยเหยียนได้ทำการป้อนยาอีกชามให้กับเจียงหวายเย่ แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ทำสีหน้าเป็นปกติแล้วมองไปที่เฉิงรุ่ยเหยียน
หลังจากที่ได้เห็นสายตาที่น่ากลัวขององค์ชายเย่แล้ว เฉิงรุ่ยเหยียนนั้นแทบจะขว้างชามยาในมือของเขาทิ้งทันที แต่เพราะฮ่องเต้เจียงกับฮ่องเต้หลีอยู่ด้วย เขาจึงได้แต่คำรามในใจของเขาแล้วป้อนยาในชามจนหมด
“พิษขององค์ชายเย่ได้ถูกถอนเสร็จแล้วหรือยัง?
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ฮ่องเต้เจียงนั้นได้จับจ้องไปที่ เจียงหวายเย่อยู่ตลอด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงและความมีศีลธรรมของเขา
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ผงกหัว “พิษส่วนใหญ่ได้ถูกขจัดออกไปแล้ว แต่ก็ยังบางส่วนหลงเหลืออยู่ซึ่งจะค่อยๆถูกขจัดออกมาเองอย่างช้าๆในภายหลังพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เจียงก็ได้ผงกหัวแล้วมองไปที่เขาแล้วกล่าวอย่างช้าๆ “ท่านหมอเฉิงได้ทำหน้าที่ดีมากในการรักษาองค์ชายเย่ แล้วข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงามทีหลัง”
“นี่เป็นหน้าที่ของกระหม่อม หม่อมฉันไม่กล้าขอรับรางวัลพ่ะย่ะค่ะ” เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ประสานมือไว้ข้างหน้า แล้วจากนั้นก็ได้จ้องไปที่แก้วชาที่แตกแล้วกล่าว “แต่พิษที่องค์ชายรับเข้าไปนั้นรุนแรงมาก ฝ่าบาทควรที่จะตามหาให้ได้ว่าใครเป็นคนลงมือดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันกังวลอาจจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไม่มีใครที่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขาจึงได้กลัวว่าจะทำเป็นจงใจลืมเรื่องนี้ แต่เพราะสายตาที่จับจ้องมาที่เขาในเวลานี้ร้อนแรงมาก ทำให้เฉิงรุ่ยเหยียนต้องพูดเรื่องนี้ออกไป
เจียงหวายเย่ที่นอนอยู่ที่เตียงในเวลานี้ เมื่อได้ยินที่พูดก็ได้ลุกขึ้นมานั่ง “เพื่อความปลอดภัยของฝ่าบาทเองแล้ว หม่อมฉันแนะนำให้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้จะเป็นการดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ! ไม่อย่างนั้นอาจได้มีคนที่ใช้วิธีนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หากจะตีงูก็ต้องตีที่ระยะ7ชุ่นนับจากหัว เจียงหวายเย่ก็ได้รีบพูดเพื่อจี้จุดอ่อนของฮ่องเต้เจียงอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้เจียงก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “องค์ชายเย่เชิญกลับไปที่วังรัตติกาลเพื่อรักษาตัวก่อน ส่วนเรื่องนี้ข้าจะต้องสอบสวนให้ถี่ถ้วนและให้คำอธิบายเรื่องนี้กับองค์ชายเย่อย่างแน่นอน”
หลังจากที่ฮ่องเต้เจียงพูดจบแล้วเขาก็ได้ออกไป ส่วนฮ่องเต้หลีก็ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “ข้านั้นไม่ได้หลอกง่ายเหมือนอย่างฮ่องเต้ของเจ้าหรอกนะ เจียงหวายเย่เจ้าจะต้องแกล้งทำแน่ๆ”
เจียงหวายเย่ที่นอนอยู่ที่เตียงก็ได้หลับตาลงและเมินเฉยต่อคำพูดของฮ่องเต้หลี แต่ที่มุมปากของเขาก็ได้ยกขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเยาะเย้ย
“องค์ชายต้องการพักผ่อน ขอเชิญฮ่องเต้หลี่ออกไปก่อนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้เริ่มพูด“ส่งแขก”ด้วยสีหน้าที่ให้การนับถือ
หลังจากที่ไม่เหลือใครอยู่ในห้องนี้แล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้ลุกขึ้นมา นอกจากสีหน้าของเขาที่ซีดเซียวแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนที่ถูกพิษเลยแม้แต่น้อย
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้กะพริบตาแล้วกล่าวอย่างหยอกล้อ “องค์ชาย ไม่นึกเลยว่าท่านจะเล่นละครได้เก่งขนาดนี้!”
“วิธีการใดๆที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ ล้วนเป็นวิธีการที่ดีทั้งสิ้น” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวออกมาแล้วจากนั้นก็ปรากฏแววตามืดมนในดวงตาของเขา และตัวเขาก็ได้แผ่บรรยากาศหนาวเย็นออกมา “ปล่อยให้หาคนที่ตัวเองรักดีๆไม่ชอบ กลับมาหาเรื่องเปิ่นหวางเช่นนี้ สงสัยเปิ่นหวางคงจะต้องทำให้เขาหายไปเสียแล้ว”
คำพูดที่หนาวเย็นของเจียงหวายเย่ก็ได้แผ่ไปทั่วทั้งพระราชวัง เมื่อรวมกับการตกแต่งที่ดูหนาวเย็นในพระราชวังนี้แล้ว ทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศฆ่าฟันออกมา
ณ จวนมหาเสนาบดี มหาเสนาบดีหลินนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด เขานั้นกำลังมองดูสมุดบัญชีที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วรู้สึกสับสนขึ้นมาในใจของเขา เพราะฮูหยินอวี้นั้นได้อาศัยช่องว่างร่วมมือกับคนของตระกูลอวี้ร่วมกันทรยศเขา แล้วยักยอกเอาเงินของตระกูลไปใช้โดยที่ไม่ให้เขาสักแดง
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น มหาเสนาบดีหลินก็ได้เอามือขึ้นมาบีบขมับของเขา แล้วก็บ่นออกมาเปรยๆ “ไม่มีฮูหยินคนไหนที่ข้าไว้วางใจได้บ้างเลยเหรอ?”
แล้วเรื่องนี้ก็ได้เข้าถึงหูของหลินซีเหยียน ตั้งแต่ได้กลับมาที่จวนมหาเสนาบดี หลินซีเหยียนก็ได้ขอให้แม่นมคอยชักชวนผู้คนในจวนให้มาร่วมกับนาง ในเวลานี้จึงมีคนของนางอยู่มากมายในจวนมหาเสนาบดีแห่งนี้
แล้วดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้ปรากฏซึ่งความกระหายเลือดออกมา “ไปหาแม่ม่ายมาสักคนในย่านชานเมือง แล้วพานางมาที่เมืองหลวงแล้วจัดหาตระกูลที่ทำการค้าให้กับนาง
แล้วสายตาของแม่นมก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาและดูเหมือนจะสงสัยในคำสั่งของหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนจึงได้อธิบายอย่างใจเย็น “เหตุผลที่มหาเสนาบดีหลินชอบแม่นางอวี้ก็เพราะมีตระกูลอวี้หนุนหลังนาง ถ้าหากว่ามีคนอย่างฮูหยินอวี้โผล่มาอีกคนแล้ว เกรงว่าเขาจะทิ้งฮูหยินอวี้อย่างไม่ลังเลแน่นอน”
“แม่นมจะไปลงมือเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ” ถึงแม้ว่านางจะหัวช้านิดหน่อย แต่แม่นมก็ยังเป็นคนที่เข้มงวดกับเรื่องนี้ นางจึงได้เป็นคนที่หลินซีเหยียนไว้วางใจมอบงานนี้ให้
จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้เดินทางไปที่โรงหมอหุยชุน หลังจากที่ให้พิษที่รุนแรงมาหลายวัน ในที่สุดก็ได้มีแมลงพิษตัวน้อยที่ร้ายกาจโผล่ออกมาบ้างแล้ว
ในเวลานี้ที่นางต้องทำคือปล่อยให้แมลงพิษเหล่านี้ต่อสู้กันเองจนกระทั่งเหลืออยู่เพียงตัวเดียว แล้วตัวที่เหลือรอดนั้นก็จะเป็นราชาแมลงวิปลาส