หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 294-295
ตอนที่ 294 เป้าหมายของอีลั่วเสวี่ย
เธอพบว่าหัวใจตัวเองหวั่นไหว เพราะความอ่อนโยนที่เข้มข้นรุนแรง และการเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของเขา
ความจริงแล้วเขาไม่เลวเลย ที่สำคัญที่สุดคือเขาใจเดียวต่อเธอเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะรักอีลั่วเสวี่ยในอดีตหรือตัวเธอในเวลานี้ ตอนนี้เธอก็คือเธอ อย่างนั้นเธอก็ขอมีความสุขกับความอ่อนโยนนี้อย่างเห็นแก่ตัวแล้วกัน
เวลานี้ใบหน้าเธอหลอมรวมกับใบหน้าของตัวเธอในชาติก่อนแล้ว ถ้าเฉวียนหมิงละเอียดพอ และยังคงชอบเธอในเวลานี้ เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
เรื่องสำคัญสุดตอนนี้คือคิดหาวิธีรักษาเฉวียนหมิงให้หายป่วย ฉันไม่อยากให้คนรักของหมอปีศาจอย่างฉันต้องป่วยตาย แค่กๆ ถึงจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาซะก่อน แล้วจะสานต่อความสัมพันธ์ยังไงล่ะ
อีลั่วเสวี่ยหาเหตุผลที่เหมาะสมให้ตัวเอง เหตุผลที่จะอยู่ร่วมกับเฉวียนหมิง ว่ากันตามตรง คนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอย่างเธอกลับไม่มีความมั่นใจในเรื่องความรัก
แต่ว่าความรักนั้น ไม่ใช่ใครก็จะรักเป็น คนที่ไม่รู้จักความรักก็ต้องคลำทางเอาเองจึงจะเข้าใจ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบใจลงได้ เธอจึงเริ่มนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญเพียร ถ้าไม่ยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่พยายามหาเงิน คงไม่สามารถเอาหญ้าทิพย์จากลูกบอลเงินมาหลอมยาได้
เงื่อนไขเบื้องต้นของทั้งหมดนี้อยู่ที่เธอต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และต้องทำให้ไฟทิพย์ยกระดับขึ้นตามไปด้วย ถึงตอนนั้นจึงจะหลอมยาได้ ด้วยพลังที่เธอมีตอนนี้ แม้จะอยากหลอมโอสถทิพย์ก็ยังทำไม่ได้
แต่ก็ยังสามารถหลอมยาบำรุงร่างกายให้เฉวียนหมิงได้ เห็นทีต้องหาโอกาสไปที่หลิงเป่าถังสักครั้ง เพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับหมิงเยี่ย
อีลั่วเสวี่ยวางเป้าหมายต่อไปของตัวเองแล้ว จึงหลับตาลง ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญเพียร
คืนนี้ ดวงดาว ดวงจันทร์ และหมู่เมฆประกอบกันเป็นภาพที่พิเศษ ในความมืดมีแสงสว่าง ในแสงสว่างมีความเชื่อมโยง ไม่รู้ว่าเป็นลางบ่งบอกอะไร
ดวงจันทร์คล้อยต่ำ ดวงตะวันลอยสูง เมื่อแสงแรกอรุณสาดเข้ามาในห้อง หลิ่วเฟยซวงซึ่งนอนหลับไม่สนิทก็ตื่นขึ้นมาเพราะแสงรำไร
“อ๊ะ…เมื่อคืนลืมปิดม่านเหรอ เฮ้อ” จากนั้นก็ทึ้งผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นไปดึงม่าน เตรียมนอนต่อ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสุดสัปดาห์ ไม่มีเรียน
แต่แล้วกลับได้ยินเสียงบางอย่าง ดูเหมือนมีใครทำอะไรกินอยู่ในครัว ดวงตาหลิ่วเฟยซวงเจิดจ้า รู้ทันทีว่าเป็นใคร…พี่ชายเธอเอง
เธอปัดผมไปสองข้าง เปิดประตูวิ่งออกไป หลิ่วเฟยอวิ๋นยกมื้อเช้าออกมาจากครัวพอดี พอเห็นสารรูปของน้องสาวก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย เธอเองเหรอ เฟยเฟย แอบไปทำอะไรมา ทำไมสภาพดูไม่จืดอย่างงั้น อย่างกับผีแน่ะ” หลิ่วเฟยอวิ๋นส่ายหน้าอย่างจนใจ วางอาหารเช้าลงบนโต๊ะ
“ฉันนึกว่าเธอจะนอนต่อ เลยไม่ได้ทำเผื่อ แต่วันนี้ทำค่อนข้างเยอะ กินด้วยกันไหม” เขาว่าพลางรินนมใส่แก้ว
หลิ่วเฟยซวงเบะปาก แล้ววิ่งเข้าไปกอดหลิ่วเฟยอวิ๋นจากด้านหลัง “พี่ ขอโทษนะ” เวลาที่เธอรู้สึกผิดหรือเศร้า ก็จะเรียกหลิ่วเฟยอวิ๋นว่าพี่ ส่วนเวลาอื่นๆ ที่เรียกเขาว่าพี่ แทบจะไม่เคยใช้น้ำเสียงเคร่งเครียดแบบนี้
“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร ตัวร้อนหรือเปล่า เมื่อคืนอากาศเย็นนิดหน่อย หรือนอนถีบผ้าห่มหลุด” หลิ่วเฟยอวิ๋นพูดพลางดึงมือน้องสาวออก แล้วหันกลับมายกมือแตะหน้าผากน้องสาว
หลิ่วเฟยซวงไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “พี่ ฉันไม่ได้ป่วยนะ ฉันขอโทษพี่จริงๆ”
“ขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร หรือเธอเอาบัตรพี่ไปรูดซื้อเสื้อผ้า” หลิ่วเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว ทำสีหน้าเหมือนรู้ทัน
คิดดูแล้ว หลิ่วเฟยซวงเคยทำเรื่องทำนองนี้หลายครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คิดอย่างนี้เป็นเรื่องแรก
ตอนที่ 295 พี่ เป็นความผิดฉันเอง
“ไม่ใช่เรื่องนี้ พี่ก็รู้ว่าฉันอยากพูดอะไร ฉันหมายถึงเสวียเสวี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อก่อนฉันคอยเป่าหูพี่ ยังรับปากว่าจะช่วยพี่ให้ได้ ก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้”
เมื่อก่อนเธอกลัวว่าถ้าพี่ชายไม่ชอบอีลั่วเสวี่ย เธอคงเสียดายแย่ แต่ตอนนี้เขาเกิดชอบเพื่อนเธอแล้ว แต่ทั้งคู่กลับไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงรู้สึกผิดมาก คิดแล้วนัยน์ตาก็เริ่มพร่ามัวด้วยน้ำตา
พี่ชายดีกับฉันมาก แต่ฉันกลับทำอะไรลงไป ก่อเรื่องวุ่นแท้ๆ
“เรื่องนี้เองเหรอ ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย นี่เป็นเรื่องของพี่เอง อย่าคิดฟุ้งซ่าน แล้วพี่ก็ไม่โทษเธอด้วย” ต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำ ที่ทำให้พี่มีโอกาสได้เจอเด็กสาวที่ดีอย่างนี้
ต่อให้วันหน้าจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันก็ตาม แต่ก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงที่เรียบง่ายและจิตใจดีงามใสบริสุทธิ์ แล้วเขาจะโทษคนอื่นได้อย่างไร
“ไม่โทษฉันจริงๆ เหรอ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง” พอหลิ่วเฟยซวงได้ยิน น้ำตาก็รื้นขึ้นทันที เสียงเริ่มสะอื้น
หลิ่วเฟยอวิ๋นลูบศีรษะน้องสาวอย่างจนปัญญาและเอาใจ “จริงสิ พี่เคยโกหกเธอเหรอ มา กินมื้อเช้ากัน กินเสร็จแล้วกลับไปนอนต่อ ทุกอย่างก็จะดีเอง เรื่องของเราต่อจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไป เธอไม่ต้องคอยกดดัน ควรจะทำยังไงก็ทำไป”
ช่างเป็นน้องสาวที่ซื่อบื้อจริงๆ เลย เรื่องอย่างนี้ยังมาโทษตัวเอง ต้องโทษเขาด้วยที่ไม่ทันคิดว่าสภาพของตัวเองจะทำให้น้องสาวที่ไร้เดียงสาพลอยคิดมากไปด้วย คิดแล้วเขาก็นึกเสียใจ
ว่ากันว่าฝาแฝดมีใจสื่อถึงกัน หากคนหนึ่งไม่สบายใจ อีกคนก็จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย
“ไม่กินหรอก กินอิ่มเดี๋ยวนอนไม่หลับ” หลิ่วเฟยซวงยิ้มออกแล้ว จิตใจสดใสขึ้นราวกับรุ้งกินน้ำหลังฝน
หลิ่วเฟยอวิ๋นทำสีหน้าจนใจ “ก็ได้ งั้นเธอก็ไปนอนซะ อย่าคิดมากรู้ไหม ขืนเป็นแบบนี้ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะโทษว่าพี่รังแกเธอ” ตอนเด็กๆ ถ้าน้องสาวร้องไห้ เขามักถูกลงโทษเสมอ
พอคิดถึงตรงนี้หลิ่วเฟยซวงก็ยิ้มออกมา “พี่ยังไม่หายแค้นอีกเหรอ นั่นมันเรื่องสมัยเด็กนะ”
“จะลืมได้ไง พ่อตีเจ็บจะตาย” แม่ของทั้งสองเป็นคนชอบใช้เหตุผล ส่วนพ่อ อย่าเห็นว่าเป็นคนอ่อนโยนซื่อตรง เวลาเข้มงวดขึ้นมาก็ดุเอาการ
“อะไรกัน ตื่นมาก็ได้ยินคนว่าพ่อแต่เช้า อยากจะคิดบัญชีกับพ่อหรือไง” หลิ่วเฉิงหาวหวอด เดินออกมาจากห้อง มองไปยังลูกชายและลูกสาว
ลูกสองคนนี้ พูดปลอบกันแต่เช้า ถ้ายังปลอบกันไม่จบ เขาคงกลั้นไม่ไหว อยากไปห้องน้ำเต็มที
“พ่อ ต่อให้ผมกินหัวใจหมีดีเสือก็ไม่กล้าทำอะไรพ่อหรอก” อย่างมากก็แอบบ่นในใจ เรื่องนี้เขารู้ดี สมัยเด็กดูแล้วเหมือนพ่อทำโทษรุนแรง แต่ที่จริงก็แค่ออกท่าออกทางให้น่ากลัวไปอย่างนั้น ไม่เจ็บเลยสักนิด
แค่ทำท่าขู่หลิ่วเฟยซวงว่าจะตีพี่ชาย เธอจะได้เลิกร้องไห้งอแง
“หึ ยังไงลูกก็ไม่กล้าหรอก” หลิ่วเฉิงแค่นเสียงอย่างวางโต แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
สองพี่น้องพากันยิ้ม คนหนึ่งกลับไปนอนต่อ อีกคนกินมื้อเช้าแล้วเตรียมจะออกจากบ้าน
เมื่อคืนที่โต๊ะอาหาร เขาได้ยินน้องสาวบอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันวางจำหน่ายแหวนหยก วันนี้เขาต้องไปที่ร้านเพื่อเตรียมงานและประชาสัมพันธ์สักหน่อย
“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะไปข้างนอก มื้อเที่ยงไม่ต้องรอผม คืนนี้ก็อาจกลับดึกหน่อย” หลิ่วเฟยอวิ๋นวางจานไว้ในอ่างล้างจาน ล้างมือเช็ดปาก หยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสาร ออกจากบ้านไป
“เดินทางดีๆ นะ อย่าขับรถเร็วนักล่ะ” หลี่เนี่ยนชิงเดินออกมาพลางกำชับ มองส่งลูกชายจากไป