หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 542-543
ตอนที่ 542 ทำไม่สำเร็จ
นางยื่นมือออกไป ทำปากขมุบขมิบ อยากพูดอะไรอีก แต่กลับพูดไม่ออกแล้ว ท่าทีของอีลั่วเสวี่ยเมื่อครู่ชัดเจนมาก เธอไม่อยากยุ่งกับนาง
จนกระทั่งอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงจากไปแล้วครู่หนึ่ง คุณนายฝานจึงจากไปราวกับใจไม่อยู่กับตัว ส่วนคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้านนี้ก็ทยอยจากไป เริ่มเขียนรายงานข่าว
แม้ว่าคุณนายฝานรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่กลับไม่มีความสามารถที่จะยับยั้งได้ บัดนี้สกุลฝานกับสกุลอวิ๋นเหมือนเดินกันคนละทางกันแล้ว
พอนางกลับถึงบ้าน นายท่านผู้เฒ่าสกุลฝาน สามีนางและฝานเซิ่งหนานรีบเดินมาหาทันที ช่วยนางถือกระเป๋า หยิบรองเท้าสำหรับเปลี่ยนให้ มีเพียงฝานเจียวเจียวนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ห่าง เหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นยังไงบ้าง?” นายท่านผู้เฒ่ายืนอยู่ข้างๆ แกล้งถามอย่างเย็นชา หารู้ไม่ว่าสีหน้าตนเองดูทุกข์ร้อน เป็นการทรยศตัวเอง
คุณนายฝานถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “ยังจะเป็นอย่างไรได้ น่าโมโหจริงๆ เด็กคนหน้าถึงกับตีหน้ายักษ์ใส่ฉัน!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางย่อมไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้เด็ดขาด
แต่ใครใช้ให้พวกเขาสกุลฝานเป็นฝ่ายผิดล่ะ อยากจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ มีแต่ต้องทำเช่นนี้
ฝานเซิ่งหนานขมวดคิ้ว “แม่ แม่หมายความว่าล้มเหลวหรือครับ?” แม้แต่คนสูงอายอย่างนี้ไปอ้อนวอนก็ยังพ่ายแพกลับมา ดูแล้วสกุลอวิ๋นจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาจริงๆ แล้ว
คุณนายฝานซึ่งยืนพิงโซฟาอยู่ทำตาขวาง “ล้มเหล้วก็ล้มเหลวสิ ไม่อาศัยสกุลอวิ๋น หรือเราสกุลฝานจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว หลายปีมานี้เราก็มีเส้นสายของตัวเอง!”
นางรู้สึกขายหน้าที่ต้องยอมค้อมหัวไปหาสกุลอวิ๋นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงสถานภาพ ฐานะและความสามารถของอีลั่วเสวี่ยเวลานี้ นางไม่ยอมไปแน่
นายท่านผู้เฒ่าเม้มริมฝีปาก แล้วนั่งลง “เรื่องนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงปัญหาไม่ใหญ่หรอก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว” หลังจากฐานะในสำนักแพทย์โบราณของอีลั่วเสวี่ยถูกเผยในงาน ทุกคนยิ่งเคารพนับถือสกุลอวิ๋นมากขึ้น
โดยเฉพาะอีลั่วเสวี่ยไม่ใช่คนพื้นๆ ที่สังกัดสำนักแพทย์โบราณ เธอเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ ขอเพียงเป็นคนเก่งที่ออกมาจากสำนักแพทย์โบราณ ถ้ามาทำงานในโรงพยาบาลข้างนอก ก็สามารถได้ตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ง่ายๆ
แต่อย่างเธอ อย่าว่าแต่โรงพยาบาลใหญ่ ต่อให้สถาบันพิเศษอยากเชิญมารับตำแหน่ง ก็คงต้องชั่งน้ำหนักก่อน
บวกกับอิทธิพลของสกุลอวิ๋น พวกเขาก็ยิ่งสูงเด่นขึ้นเพราะแม่หนูคนนี้
“มีอะไรไม่เหมือน ก็แค่โชคดีเท่านั้น มีเส้นสายได้เข้าสำนักแพทย์โบราณ ถ้าหนูมีโอกาส ย่อมทำได้ไม่ด้อยกว่าเธอหรอก!” ฝานเจียวเจียวไม่ยอมแพ้ พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
นายท่านผู้เฒ่าถลึงตาใส่ “ยังมีหน้าพูดอีก ถ้าไม่ใช่เพราะหลานทำเรื่องเหลวไหลหรือ จึงทำให้ตกอยู่ในสภาพวันนี้ บางทีวันนี้น่าจะให้หลานกับแม่ไปยอมรับผิดซะ!”
พอเขาพูดเช่นนี้ ฝานเจียวเจียวตะบะแตกแล้ว “รับผิด? รับผิดเรื่องอะไร? เห็นชัดๆ ว่านางสารเลวอีลั่วเสวี่ยเล่นงานหนู หนูเป็นผู้เสียหายนะ!” ฝานเจียวเจียวตะโกนเสียงดัง ยกนิ้วชี้อกตัวเอง สีหน้าโกรธเกรี้ยว
ถึงตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าตบโต๊ะชาแรงๆ ถ้วยชาบนนั้นถึงกับกระดอนขึ้น น้ำชากระเซ็นออกมา
“หุบปากซะ! ทำอะไรไม่สำเร็จ ก่อแต่ความวุ่นวาย!” เดิมคิดว่าอาศัยหลานสาวคนนี้ พวกเขาสามารถใช้สกุลอวิ๋นเพื่อไต่เต้าได้ ที่ลงแรงทำมาหลายปี ถูกความอิจฉาของเธอทำลายจนป่นปี้
นี่ยังไม่หมด คราวก่อนคนในงานเลี้ยงล้วนเป็นคนชั้นยอด พอรู้ว่าอีลั่วเสวี่ยมีความสามารถสุดประมาณ แต่ละคนจึงคอยเอาใจสกุลอวิ๋น ทำให้ห่างเหินกับพวกเขาชัดเจนแล้ว
ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาจะโดดเดี่ยว ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าสกุลฝานจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ตอนที่ 543 ไล่เขาไป
ถึงกับอาจพูดได้ว่าจะย่ำแย่ลง!
คนคนหนึ่งเมื่ออยู่ในตำแหน่งสูงนานเข้า ย่อมไม่อยากกลับไปอยู่อย่างทุกข์ทรมานถูกเหยียบย่ำใต้เท้าคนอื่นอีกเด็ดขาด แม้ว่าจะไม่มีใครคอยเหยียบย่ำพวกเขาตลอดเวลาก็ตาม
แต่หลายปีมานี้เพราะพวกเขาอาศัยการหนุนหลังจากสกุลอวิ๋น ได้ทำเกินเหตุหลายเรื่อง ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้เกิดศัตรู ที่กลัวก็คือถึงตอนนั้นพวกเขาเป็นเหมือนกำแพงที่เริ่มโงนเงนจะมีคนช่วยผลักให้ล้ม แล้วจะถูกคนอื่นช่วยกันซ้ำเติม
ถึงตอนนั้นนึกอยากร้องไห้ ก็สายไปแล้ว
ที่นายท่านผู้เฒ่าตะโกนออกมา ทำให้ฝานเจียวเจียวที่ยืนขึ้นถึงกับตะลึงงันหลายวินาที จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาอย่างทุกข์ใจ แล้วนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
พูดให้ถึงที่สุดแล้วที่ทำให้สกุลอวิ๋นสามารถหาข้ออ้างตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขา สาเหตุเพราะเธอ ว่าไปแล้วเธอเป็นคนก่อเรื่องขึ้น
“พ่อคะ เจียวเจียวเองก็ไม่ได้ตั้งใจค่ะ หนูเจออีลั่วเสวี่ยแล้ว เหิมเกริมวางอำนาจจริงๆ ไม่ใช่คนที่จะคบหาด้วยง่ายๆ เจียวเจียวเป็นคนตรง อาจเพราะอีลั่วเสวี่ยเป็นคนใจร้าย เห็นแก่ตัว คิดหาวิธีเล่นงานพวกเรา”
คุณนายฝานไม่เสียทีที่ปากร้าย ไม่มีเรื่องก็กุเรื่องได้ ถ้ามีเรื่อง ผ่านการเติมไข่ใส่สี ก็สามารถพูดให้คนเชื่อได้
ฝานเจียวเจียวพยักหน้าเห็นด้วยทันที “แม่หนูพูดถูก ปู่คะ ปู่คงเห็นแล้ว ในสายตาอีลั่วเสวี่ยไม่มีใคร ปู่คะ เป็นเธอที่คิดเล่นงานหนู”
“ถ้าหลานไม่ไปหมายตาผู้ชายของคนอื่น เธอจะคิดเล่นงานหลานไหม?” นายท่านผู้เฒ่าจ้องมองหลานสาวตนเองอย่างไม่พอใจ ก่อนหน้านี้มักคิดว่าเธอฉลาด แต่หลังจากที่สะดุดล้มใหญ่ครั้งนี้แล้ว เขาเข้าใจดีแล้ว
หลานสาวคนนี้ถือน้ำหมึกไว้เล็กน้อย พอเขียนอะไรเพียงสั้นๆ เท่านั้น ส่วนน้ำหมึกในใจอีลั่วเสวี่ยนั้น ลึกล้ำสุดหยั่ง!
อีกอย่างคนที่เข้าใจอะไรดีย่อมรู้ว่าฝานเจียวเจียวถูกวางยา แต่กล้องวงจรปิดไม่เห็นพิรุธใดๆ ทั้งทางอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงไม่ได้เข้าใกล้เธอตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งไม่มีโอกาสที่จะใส่ยาลงในเหล้า
ถ้าไม่ใช่การวางยา แล้วจะอธิบายที่ฝานเจียวเจียวรู้สึกกระสับกระส่ายได้อย่างไร กล้องวงจรปิดก็ไม่มีร่องรอยการทำปลอม จะอย่างก็เป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก ไม่ว่าคนเก่งแค่ไหนก็ไม่อาจทำได้
พอฝานเจียวเจียวถูกย้อนถามก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“เอาละ ไหนๆ ก็เกิดเรื่องแล้ว ตอนนี้เราควรคิดว่าต่อไปควรจะทำอย่างไร” นับว่าฝานเซิ่งหนานยังมีสติ ถ้าจะจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว สู้คิดว่าวิธีรับมือกับอนาคตจะดีกว่า
ผู้ชายสามรุ่นได้แต่มองหน้ากัน แววตาเปี่ยมด้วยความหนักใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องแก้ไจยากมาก
“หนูขอคิดหน่อย ดูว่ามีใครพอจะช่วยได้บ้าง” แม้คุณนายฝานจะเป็นผู้หญิง แต่ในแวดวงนี้เธอรู้จักเพื่อนผู้หญิงไม่น้อย อีกทั้งคนเหล่านี้เคยได้รับผลประโยชน์จากคุณนายฝานไม่น้อย คิดว่าคงไม่ถึงกับจะนิ่งดูดาย
ขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนพ่อบ้านเดินเข้ามา “นายท่าน คุณผู้หญิง ข้างนอกมีแขกมาครับ”
“แขก แขกที่ไหนกัน ทำไมไม่ให้แขกเข้ามา” นายท่านผู้เฒ่ายิ้มร่า เขารู้ว่าสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนไร้หนทาง เขายังมีเพื่อน อยากดูว่าใคร ต่อไปต้องเป็นเพื่อนที่รู้ใจ
พ่อบ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเหลือบมองฝานเจียวเจียวทันที “เขาบอกว่ามาขอพบคุณหนูใหญ่ครับ เขาชื่อ…” ก่อนที่เขาจะพูดชื่อออกมา คนในห้องรู้ก่อนแล้วว่าเขาคือใคร
ฝานเจียวเจียวบันดลโทสะทันที “ไปให้พ้น ไล่เขาไป อย่าให้ฉันเห็นหน้าเขา!”
คนที่มาก็คือผู้ชายในสกุลอวิ๋นที่หลงรักเธอ ทั้งยังแสดงฉากนั้นกับเธอในสวนดอกไม้ หลังจากเกิดเรื่องแบบนั้นแล้ว เขารู้ตัวว่าทำให้สกุลอวิ๋นขายหน้า สองพ่อลูกจึงจากไป