หมอยาเสน่ห์หา - ตอนที่ 31 ไม่ทิ้งกัน
ตอนที่ 31 ไม่ทิ้งกัน
การเดินทางกลับลงจากเขาครานี้ ชูเซี่ยก็ยังคงรู้สึกหวาด กลัวที่จะเข้าเขตเขาอสรพิษเช่นเดิม แต่ทว่าครั้งนี้หลี่เฉินเย่ นกลับเป็นฝ่ายจูงมือนางค่อยๆเดินไปด้วยกันทีละก้าวทีละ ก้าว ราวกับว่าเขาพร้อมจะปกป้องนางหากมีอะไรเกิดขึ้น
ในใจนางรู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของเขายิ่งนัก ในการ เดินทางมายังเขาเทียนหลางครานี้ก็ไม่ได้แย่นักหรอก ก็เพราะนางยังได้มีโอกาสเห็นนิสัยด้านใหม่ๆของหลี่ เฉินเย่นเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย มือของเขาที่กอบกุมมือนางใน ยามนี้ทั้งหนาและใหญ่ ซ้ำยังหยาบกร้าน เหตุใดเขาผู้เป็น ถึงท่านอ๋อง เกิดมาพร้อมเกียรติยศและความมั่งมีบนกอง เงินกองทอง ทั้งชีวิตแทบไม่ต้องเผชิญหน้ากับความลำ บากใดๆเลยด้วยซ้ำ หรือบางทีที่มือของเขาด้านเช่นนี้คง เป็นผลจากการฝึกวิทยายุทธกระมัง นางรู้สึกชื่นชมเขามาก การฝึกวิทยายุทธไม่ใช่เรื่องง่าย ร่างกายของเขาจะต้อง แข็งแกร่งและมีความอดทนอย่างสูงจึงจะสามารถฝึกวิทยา ยุทธให้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้
เมื่อทั้งสองผ่านเขตเขาอสรพิษมาได้ หลี่เฉินเย่นก็ยังไม่คลายความกังวลลงแต่อย่างใด เพราะเขาทราบดีว่าเมื่อ ข้ามเขตเขาอสรพิษมาแล้ว พวกเขาทั้งสองยังต้องเสี่ยง ต่อการปะทะกลุ่มโจรภูเขาอีกครั้ง เนื่องด้วยเมื่อสองวัน ก่อนที่พวกเขาเดินทางขึ้นเขามานั้น หลี่เฉินเย่นได้จัดการ สังหารฝูงสุนัขทิเบตไปจนหมดสิ้น พวกมันเป็นสุนัขเลี้ยงที่ มีคนเลี้ยงไว้ หากพวกมันตาย พวกโจรเหล่านั้นย่อมรู้สึก ราวกับตนเองโดนกระตุกหนวดเสือถึงถิ่นเป็นแน่
ชูเซี่ยไม่ทราบเรื่องโจรภูเขามาก่อน นางจึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดท่าทางของเขาถึงได้ดูกระวนกระวายเพียงนี้ “ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก พวกเรายังเหลือเวลาอยู่ นะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบใจเขา
หลี่เฉินเย่นกวาดสายตาคมกล้าไปรอบๆ ทุกสรรพสิ่ง รอบกายยังคงมีแต่ความสงบเงียบนอกจากเสียงลมพัด หวีดหวิวและใบไม้เสียดสีก็ไม่ได้มีเสียงอื่นใดอีก ไม่มีแม้ กระทั่งเสียงนกร้อง
ความสงบเงียบเช่นนี้หลี่เฉินเย่นทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องปกติ แน่ “อดทนหน่อยเถิด ลงจากเขาค่อยว่ากัน” หลี่เฉินเย่น ตัดสินใจที่จะไม่บอกนางเรื่องโจรภูเขาเพราะเขาไม่ ต้องการให้นางรู้สึกหวันวิตก
เมื่อเขาเอ่ยจบแทนที่หญิงสาวข้างกายจะขยับฝีเท้าตามที่ เขาพูด ชูเซี่ยกลับหยุดเดินเสียเฉยๆ นางรู้สึกประหลาดใจ จึงหันกลับมาหาเขา”เหตุใดจึงมีคนมากมายเช่นนี้”
หลี่เฉินเป็นชะงักเท้า”ที่ไหนมีคนกัน”
คราวนี้นางจึงตั้งใจฟังอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า”ก็ข้า ได้ยินเสียงหายใจของคน มีมากมายเสียด้วย ไม่ต่ำกว่า ร้อยคนแน่ๆ”
นางได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเลยหรือ? ครานี้เขา จึงตั้งใจฟังดูบ้าง ทว่านอกจากเสียงหวีดหวิวของลมแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก ครานี้ทำให้เขาหวนคิดไปถึง เมื่อครั้งขึ้นเขามา นางในยาวนั้นก็บอกกับเขาว่าได้ยินเสียง ของสุนัข ทว่าเขากลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อยเพิ่งจะมาได้ยิน ก็ตอนพวกมันเริ่มเข้ามาใกล้มากแล้ว คราที่แล้วเขาอาจนึก ว่านางเพียงโชคดีเดาถูก แต่ยามนี้หลังจากที่เขาคันพบเจอ ความสามารถพิเศษด้านการฟังของนางแล้ว เขาก็เชื่อนาง อย่างสนิทใจ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนในทันที”รีบหนีเร็วเข้า”ยามนี้พลัง ของเขายังไม่ฟื้นตัวดีนัก อย่าว่าแต่ร้อยคนเลย แค่สิบคน เขาก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าจะไหวหรือไม่ เขาตายไม่สำคัญ แต่หากนางซึ่งเป็นสตรีหากต้องตกอยู่ในเงื้อมมือ ของโจรเหล่านั้นคงอยู่ไม่สู้ตายแน่
ไม่ทันเสียแล้ว!
เมื่อสิ้นเสียงกลุ่มคนมากมายก็ปรากฏกายขึ้นจากรอบๆ ด้านพวกเขาทั้งสอง แต่ละคนมีรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางโหด ร้ายน่ากลัว ในมือถือพวกเขาถือด้ามขวานไว้ เมื่อรู้ตัวอีก คราก็กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูเสีย แล้ว
ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีชายร่างสูงใหญ่แต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าสีฟ้าเนื้อหยาบ สูงประมาณสองเมตร ผิวกาย ดำคล้ำ นางสัมผัสได้ถึงแววตาโหดร้ายกระหายเลือดของ เขา แม้ว่าชายผู้นี้จะไร้อาวุธในมือทว่าเมื่อสัมผัสไอสังหาร ที่ชายผู้นี้แผ่ออกมาจากร่างแล้ว ชายผู้นี้คงเป็นหัวหน้าโจร อย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่เฉินเย่นดันร่างของบอบบางของชูเซี่ยให้อยู่หลบอยู่ หลังตนราวกับจะปกป้อง ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น”ผู้มาใหม่ คือผู้ใด”
“เหล่าลูกๆที่น่ารักของข้า พวกเจ้าเป็นคนฆ่าหรือ”หัวหน้าโจรผู้นั้นไม่เพียงไม่ตอบทว่ากลับยกยิ้มพร้อม เอ่ยถามกลับ
หลี่เฉินเย่นรับรู้ได้ในทันทีว่าลูกๆที่เจ้าโจรผู้นี้เอ่ยถึงคง หมายถึงเหล่าสุนัขทิเบตที่ถูกเขาสังหารไปกระมัง แม้จะรู้ แก่ใจว่าไม่สมควรพูดยอมรับออกไป แต่ทว่านิสัยของเขา เมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ
ไม่ผิด ข้าเป็นคนสังหารพวกมันเอง แต่นั่นก็เพื่อป้องกัน ตัวเพราะพวกมันเป็นฝ่ายจู่โจมทางเราก่อน”
หัวหน้าโจรค่อยๆกระตุกยิ้มบนใบหน้า ทันทีที่เขายิ้ม เหล่าสมุนก็ค่อยๆขยับยิ้มตามขึ้นมาแล้วก็ค่อยๆกลาย เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะก่อนที่เสียงหัวเราะจะค่อยๆขยายวง กว้างดังขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเสียงหัวเราะดัง ก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
หลี่เฉินเย่นและชูเซี่ยหันมามองสบตากันอย่างงุนงง พวก เขาหัวเราะกันทำไมหรือ มีอะไรน่าขำกัน
เมื่อหัวหน้าโจรหยุดหัวเราะ ลูกสมุนทั้งหมดก็หยุด หัวเราะในทันที ทั้งหมดเงียบรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าของ
พวกตน
หัวหน้าโจรเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยออกมา “พวกมัน เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น สัตว์เดรัจฉานจะโจมตีผู้อื่น มีอะไรน่าแปลกกัน มันเป็นสัญชาตญาณของพวกสัตว์ แต่ พวกเจ้ากลับถือโทษโกรธพวกมัน หรือแท้จริงแล้วพวกเจ้า ก็เป็นสัตว์เดรัจฉานเช่นพวกมันกัน
ช่างเป็นความคิดที่ประหลาดอะไรอย่างนี้ หลี่เฉินเย่น เขาเป็นผู้ไม่มีฝีมือด้านการปะทะวาทศิลป์มาแต่ไหนแต่ ไรอยู่แล้วจึงไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างไรดี ใบหน้า คมเปลี่ยนสีเล็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องมองที่หัวหน้าโจร อย่างไม่คิดจะคลาดสายตาแม้แต่น้อย เพราะในเวลาเช่นนี้ เขามิอาจประมาทศัตรูที่มีจำนวนมากเช่นนี้ได้
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวชะโงกศีรษะออกมาจากด้านหลัง ของหลี่เฉินเย่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากตอบโต้กลับ “วาจา ที่ท่านเอ่ยฟังดูคล้ายจะมีเหตุผล แต่มันไม่สมเหตุสมผล เอาเสียเลย สุนัขจู่โจมพวกเราเป็นสัญชาตญาณก็จริงอยู่ ทว่าพวกเราเป็นคนต่างถิ่นหากจะโต้ตอบกลับบ้างนั่นก็ เป็นสัญชาตญาณการป้องกันตัวของพวกเราเช่นกัน ถ้าเรา ปล่อยให้พวกมันรังแกนั่นไม่เท่ากับว่าเราอ่อนแอยิ่งกว่า สัตว์เดรัจฉานอีกงั้นหรือ”
สายตาทุกคู่จับจ้องตรงมาที่ชูเซี่ย หัวหน้าโจรเมื่อมองเห็นนางดวงตาก็ฉายแววเป็นประกายหมายมาด”โอ้ ที่แม่ นางน้อยผู้นี้กล่าวมาก็มีเหตุผล ข้าชื่นชมเด็กสาวที่มีฝีปาก กล้าเช่นนี้นัก มาเถอะ กลับไปด้วยกันกับข้า เราสองคนจะ ได้ค่อยๆมานั่งจับเข่าคุยลับฝีปากกันดีหรือไม่เล่า!”
หลี่เฉินเย่นดึงดาบออกมาจากฝักทันที มือหนากระชับ ด้ามดาบไว้แน่น เขาเอ่ยกำชับหญิงสาวด้านหลัง”อีกสักครู่ หากมีการต่อสู้กันขึ้นมา เจ้ารีบหนีไปก่อน จงนำหญ้าหลิน เฉ่าลงเขาไปด้วยราชองครักษ์ของข้าอยู่ที่ดีนเขารออยู่ ก่อนแล้ว”
ชูเซี่ยส่ายหัวแทบจะทันทีท่านเป็นผู้พูดเองไม่ใช่หรือ ว่า มากันสองคนต้องกลับไปทั้งสองคน น้อยไปหนึ่งไม่ได้”
“สถานการณ์เช่นนี้เจ้ายังยกเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาพูดอีกหรือ เจ้าต้องนำหญ้าหลินเฉ่ากลับไปช่วยพี่สะใภ้ให้ได้เสีย ก่อน”เขากัดฟันพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่ ข้าไม่ยอม!”ชูเซี่ยืนกรานเช่นเดิม ไม่ว่าอย่างไรนาง ก็จะไม่ยอมทิ้งเขาเด็ดขาด
หัวหน้าโจรยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ เพียงเท่านั้นเหล่าลูก สมุนต่างก็พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาจากทั่วทุกด้าน หลี่เฉินเย่น ยกดาบขึ้นมา ด้วยกำลังของเขาในยามนี้เวลาเป็นสิ่งสำคัญ ที่สุด เขาจำเป็นต้องจัดการให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เสีย ก่อน มิเช่นนั้นหากเหล่าโจรยังพร้อมใจกันพุ่งเข้าโจมตีเช่น นี้ต่อไปเรื่อยๆยิ่งกินเวลานานพลังลมปราณของก็ยิ่งไม่ไหว เขาไม่อาจรั้งไว้ได้นานนัก
เขาใช้วิชายุทธปะทะกลุ่มโจรเหล่านั้นที่มีไม่ต่ำกว่าสิบ สองคน เพียงไม่นานก็จัดการไปได้ถึงสองคน ท่วงท่าของ ชายหนุ่มกระบวนท่าต่อสู้พริ้วไหวราวกับลม ชายเสื้อของ เขาโบกสะบัดพริ้วไหว การเคลื่อนไหวของเขาช่างปราด เปรียวและน่าเกรงขามราวกับพยัคฆ์ยิ่งนัก
ชายหนุ่มใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ในการต่อสู้ครั้ง เพื่อถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด เรี่ยวแรงของเขายังฟื้นคืนได้ ไม่เต็มที่นักเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เขาใช้พลังปราณไปมาก ในการช่วยชีวิตชูเซี่ยไว้ แต่ด้วยพลังในยามนี้การจัดการ พวกโจรนั้นก็ยังพอมีแรงออกได้อีกเพียงแค่สองสาม กระบวนท่าเท่านั้น
เหล่ากองโจรเมื่อเห็นฝีมือของคู่ต่อสู้ก็เกิดความหวาด กลัวจนถึงขั้นถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จ้องมองท่าทีของอีก ฝ่ายอย่างลังเลอยู่ชั่วครู่ทว่าก็ไม่ได้ถอยห่างไปไกลแต่อย่างใดราวกับว่ากำลังหาช่องว่างของอีกฝ่ายเพื่อร้อ จู่โจมเท่านั้น
ไป!” ซึ่งอวิ่นเชียวเมื่อสบโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามเกิดความ ลังเลเขาก็รีบผลักชูเซี่ยให้ออกวิ่งทันที
ซูเซียจ้องเขม็งมาที่เขามีบางกระชับห่อสัมภาระในมือ ไว้แน่น ภายในหัวนางดีกันสับสนวุ่นวายไปหมด นางทราบ ด้ว่าในยามนี้นางมีชีวิตของพระชายาเจิ้นหยวนอยู่ในกำ มือ นางไม่อาจเสี่ยงได้ ทว่านางก็ไม่อาจปล่อยมือไปจาก เขาได้ในเวลาเช่นนี้ นางทราบดีว่าสภาพร่างกายของท่าน อ๋องยามนี้มิสู้ดีนัก พลังปราณของเขายังคงไม่ฟื้นคืนกลับ มา เขาไม่อาจจัดการกลุ่มโจรเหล่านี้ได้ทั้งหมดแน่ ต่อสู้กับ โจรหลายสิบคนด้วยตัวคนเดียวในขณะที่ร่างกายเป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดเขาต้องทั้งชีวิตไว้ที่นี่แน่
นางยืนนิ่งไม่ยอมขยับขา ส่ายหัว “ข้าไม่ไป!”
หลี่เฉินเย่นรู้สึกโกรธจนหน้ามืด เขากระโดดกลับมายืนอยู่ ตรงหน้านางก่อนจะระเบิดโทสะ “รีบไปเสีย หากเจ้าต้อง อยู่ในเงื้อมมือพวกโจรเล่า เจ้าเคยคิดหรือไม่หากว่าตนเอง ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมันเจ้าจะมีชีวิตเช่นไร
การที่เขาเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าไม่ อาจรับมือคนพวกนี้ได้และต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
ในใจของนางรู้สึกปวดหนึบ นางจับมือของชายหนุ่มข้าง กายไว้แน่น “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน แม้ไม่ได้เกิดพร้อม กัน ก็ขอตายพร้อมกัน!”นางไม่อาจทราบได้เลยว่าที่เอ่ย ออกไปเช่นนั้นเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบหรือเอ่ยออกมา จากส่วนลึกในจิตใจของนางกันแน่
ดวงตาคมของหลี่เฉินเย่นส่องแสงกล้า ลำคอของเขาแข็ง เกร็ง ในยามที่กำหนดเป็นตายเช่นนี้นางกลับไม่คิดหลบลี้ หนีหายไปไหน เห็นได้ชัดว่าเขามีความสำคัญมากเพียงใด ในหัวใจของนาง ทว่าเขาเล่าเคยปฏิบัติต่อนางเช่นไร ยาม นี้ในใจของเขารู้สึกผิดมากเหลือเกิน หากว่ายังมีโอกาส แล้วล่ะก็ เขาจะไม่มีวันรังแกหรือทำร้ายนางให้เจ็บปวด อย่างแน่นอน
ทว่าในยามนี้เขาไม่อาจเฝ้ามองดูนางตายจากไปหรือตก ไปอยู่ในเงื้อมมือกลุ่มโจรเด็ดขาด”เจ้าลงเขาไปก่อน นำ เหล่าราชองครักษ์ขึ้นมาช่วยข้า ข้ายังถ่วงเวลาได้อีกสัก พัก” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด
“ท่านแน่ใจนะ”นางจ้องตรงมาที่เขา จากที่นี่ลงไปจนถึง ตีนเขาใช้เวลาไม่นานนัก นางมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะวิ่งลงจากเขาไปเรียกกำลังเสริมมาช่วยเขา ก่อนหน้านี้ เขาเคยออกคำสั่งให้ทหารองครักษ์รอเขาอยู่ที่ดีนเขาด้าน ล่าง หากภายในสองวันยังไม่กลับออกมาให้ขึ้นมาตามหา พวกนาง หากนางลงไปตามคนมาเขาต้องรอดแน่ ทว่าเส้น ทางขึ้นเขาซับซ้อน หากเหล่าองครักษ์ขึ้นมาแต่ไปผิดทาง เล่าย่อมไม่ดีแน่ แต่นางมีทางเลือกไม่มากนัก ยามนี้ทาง เลือกที่ดีที่สุดคือนางต้องลงไปตามเหล่าองครักษ์มาช่วย เท่านั้น นางต้องเสี่ยง
หลี่เฉินเย่นเห็นว่าหัวหน้าโจรเริ่มยกมือส่งสัญญาณอีก ครั้ง ก็รีบเอ่ยขึ้น รีบไปเร็วเข้า พลังของข้าในยามนี้สามารถ ถ่วงเวลาได้เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น เจ้ารีบไปเสียอย่าเสีย เวลาไปมากกว่านี้”
ชายหนุ่มถอดแหวนออกมาจากนิ้วของเขา ก่อนวางลง ฝ่ามือบาง ใบหน้าคมสีหน้าจริงจัง “นี่คือของประจำตัวข้า เจ้าแสดงสิ่งนี้ให้พวกเขาดู พวกเขาต้องเชื่อและฟังคำสั่ง ของเจ้าอย่างแน่นอน
ชูเชียรับแหวนของอีกฝ่ายมาและเก็บไว้กับตัวอย่างดี ขา ก็เริ่มออกวิ่งทันที นางต้องแข่งกับเวลา นางกล้วมาก กลัว มากจริงๆ นางกลัวเขาจะเกิดเรื่องขึ้น
กลุ่มโจรถูกแบ่งกำลังออกเป็นสองฝ่ายทันที ฝ่ายหนึ่งออกไล่ตามนาง อีกฝ่ายพยายามจู่โจมซ่งอวิ่นเชียว
ซูเซี่ยวิ่งได้เร็วยิ่งนัก แม้แต่ตัวนางเองยังไม่ทราบว่าเหตุ ใดตนเองจึงสามารถวิ่งได้เร็วถึงเพียงนี้ได้ การเคลื่อนไหว ของนางปราดเปรียวรวดเร็วราวกับลูกธนที่ถูกยิงออกไป ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดได้
กลุ่มโจรที่ไล่ตามนางยิ่งนานก็ยิ่งมากขึ้น นางทราบดีว่า เช่นนี้แล้วย่อมเป็นเรื่องดีกับหลี่เฉินเย่นนัก นางอยากจะ ร่ำไห้ยิ่งนัก จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเขาใช่หรือไม่ เขา ถ่ายพลังมาให้นางตั้งมาก เช่นนั้นเขาก็ไม่เหลือพลังปราณ แล้วไม่ใช่หรือ หากเขาตายไปนางจะทำเช่นไรดี แต่เดิม เขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายแม้แต่น้อย เป็นคนดีคนหนึ่งแท้ๆ
ทั้งๆที่พวกโจรเหล่านั้นรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจวิ่งตามนางได้ ทัน แต่พวกมันก็ไม่ได้ถอดใจ เพราะหัวหน้าของพวกมัน ต้องการตัวสตรีผู้นี้ หากไม่อาจจับตัวนางได้พวกเขาย่อม ไม่อาจกลับไปแก้ตัวต่อท่านหัวหน้าได้ พวกเขารู้สึกแปลก ใจอย่างมาก เป็นเพียงแค่หญิงสาวบอบบางอ้อนแอ้นแท้ๆ ไฉนจึงวิ่งได้รวดเร็วถึงเพียงนี้! หรือแท้จริงแล้วนางต่าง หากเล่าที่เป็นยอดฝีมือ ดังนั้นยิ่งพวกมันไล่ตามเท่าไหร่ก็
มิอาจตามทัน ฝีเท้ายิ่งวิ่งก็ยิ่งช้าลง พวกเขาเริ่มตระหนักว่า จริงอยู่ที่หัวหน้าต้องการตัวนาง แต่หากว่านางเป็นยอดฝีมือแล้วพวกเขาไม่อาจ ต่อกรไหวเล่า มิตายเปล่าหรือ
ก่อนหน้านี้หลี่เฉินเย่นสามารถสังหารโจรได้ถึงสองคน ภายในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น ดูท่าแล้วเขาคงรับมือพวก มันได้ดีกว่าที่นางคิด อย่างน้อยตอนนี้พวกมันก็เลิกไล่ตาม นางแล้ว
นางใช้เวลาในการวิ่งลงจากเขาถึงครึ่งชั่วยาม ในที่สุด นางก็พบคนกลุ่มหนึ่งรั้งรออยู่บริเวณตีนเขา นางรู้จักพวก เขา เคยพบเจอพวกเขามาก่อน พวกเขาเป็นคนของตำหนัก อ๋อง
นางรีบพุ่งเข้าไปกระชากชายเสื้อของหนึ่งในนั้น”เร็ว เขา ตกอยู่ในอันตราย รีบขึ้นเขาไปช่วยท่านอ๋องเดี๋ยวนี้”
ผู้ที่ถูกนางกระชากอยู่นั้นคือซื้อหลินเฉินซึ่งเป็นหัวหน้า ราชองครักษณ์ของตำหนักอ๋อง เขาได้รับคำสั่งจากท่าน อ๋องให้รั้งอยู่บริเวณตีนเขา เขาเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก จึงส่งเหล่าองครักษ์ล่วงหน้าขึ้นเขาไปก่อนแล้ว
ชูเซี่ยนึกว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่นางเอ่ย จึงรีบนำแหวนออกมา แสดงให้อีกฝ่ายดูทันที “เจ้าดูสิ นี่คือแหวนประจำตัวของ ทำนอ๋อง เขาเป็นผู้มอบให้ข้ากลับมือ เขากำลังตกอยู่ใน อันตราย พวกเจ้ารีบไปช่วยเขาเร็วเข้า!”
ซื้อหลินเฉินเมื่อเห็นแหวนก็ผงะตกใจถอยหลังไปก้าว หนึ่ง ใบหน้าฉายแววตระหนกอย่างมาก นางจึงก้าวเท้าไป ใกล้เขาขึ้นอีกนิด”ยังมองอะไรอยู่อีกเล่า ทำไมยังมิรีบไป อีก”
เหล่าราชองครักษ์ทุกนายที่เห็นแหวนประจำกายท่าน อ๋องต่างก็ผวาตกใจ”แหวนวงนี้เป็นตัวแทนของท่านอ๋อง มันเป็นแหวนประจำกายท่านอ๋อง แหวนวงนี้ไม่เคยห่างจาก กายท่านอ๋องเลยสักครั้ง การที่เขามอบแหวนให้ท่านแสดง ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีกับเขาแน่แล้ว!”ชื้อหลินเฉินเอ่ยเสียง แหบแห้ง
นางตื่นตระหนกยิ่งนัก ก่อนจะร้องออกมาอย่างสุด ทน”เขาหลอกข้า!” นางกล่าวจบก็รีบหันกายหมายจะวิ่ง กลับขึ้นเขา
ซื้อหลินเฉินเห็นเช่นนั้นก็รีบถลาวิ่งตามพระชายาไปทันที ยามนี้ท่านอ๋องก็มิอยู่แล้ว หากพระชายายังเป็นอะไรไปอีก
คน ตำหนักอ๋องหนิงอานคงไม่เหลืออะไร