หมอยาเสน่ห์หา - ตอนที่ 34 คชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก
ตอนที่ 34 คชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก
ยามที่ชูเซี่ยและหมอหลวงออกจากห้องเพื่อไปปรึกษา หารือเกี่ยวกับอาการขององค์ชายที่ห้องโถงนั้น นางยัง ได้ยินเสียงของฮองเฮาเอ่ยขึ้นกับไทเฮาภายในห้อง “เด็ก คนนี้ ร่างกายตนเองก็มีบาดแผลอยู่เต็มตัวแท้ๆ แต่ก็ไม่รู้ จักดูแลตนเองให้ดี เห็นกันหรือไม่ ดวงตาก็แดงก่ำไปหมด แม้แต่เสียงก็ยังเปลี่ยน นางจะต้องเจ็บแผลมากเป็นแน่!”
หยงเฟยร้องครวญออกมา “นึกไม่ถึงว่ายามนั้นที่นางแต่ง เข้ามาในตำหนักอ๋องข้าทำไม่ดีต่อนางสารพัด แต่ในวัน นี้นางยังยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกสะใภ้และ หลานชายของข้าอีก นึกถึงยามนั้นที่ข้าปฏิบัติต่อนางอย่าง โหดร้ายเช่นนั้น ข้าช่างละอายใจเหลือเกิน!”
ในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากหยงเฟยเห็นว่าหลิวหยิงหลง เป็นผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามาโดยตลอด นาง จึงมีท่าทีที่ไม่ดีต่อลูกสะใภ้คนนี้นัก อีกทั้งหลิวหยิงหลงยัง เคยมีปัญหาขัดแย้งกับตันหยงเฟยเองมาก่อน จึงทำให้ห ยงเฟยซึ่งแต่เดิมไม่ชอบพอนางอยู่แล้วกลายเป็นเกลียด ซึ่งในที่สุด
ชูเซี่ยเมื่อได้ยินประโยคที่หยงเฟยกล่าวออกมา นางก็ไม่ ได้เก็บมาใส่ใจอันใด ในโลกของนางมีคำพูดยอดฮิตบน โลกออนไลน์อยู่ประโยคหนึ่ง ตัวข้ามิใช่เงินหยวนที่จะให้ คนทั้งโลกมาชอบได้” หลิวหยิงหลงเองก็มีทั้งข้อดีและข้อ เสีย หยงเฟยไม่ชื่นชอบนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ชูเซี่ยตั้งใจแน่วแน่ว่าตราบใดที่นางใช้ชีวิตอย่างไม่ผิด ต่อมโนธรรม นอกนั้นจะเป็นอย่างไรใครจะรักหรือจะ เกลียดชังนางก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
แต่สิ่งที่คอยกวนใจนางมาตลอดเวลาคือนางเป็นห่วงหลี่ เฉินเย่นเหลือเกิน เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอด เวลา นางไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญอยู่ตามลำพัง หากเขาตกอยู่ในกำมือของโจรเหล่านั้นเล่าจะทำอย่างไร ดี เพียงแค่นางคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หัวใจก็เจ็บปวดเกินจะรับ ความรู้สึกราวกับหัวใจถูกกระชากออกจากอกก็มิปาน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางกำลังปรึกษากับเหล่าหมอ หลวงเกี่ยวกับอาการขององค์ชายน้อย นางจึงต้องแบ่ง แยกความรู้สึกให้ชัดเจน ทำหน้าที่หมอของตนเองให้ดี ที่สุดในเวลาเช่นนี้
“ข้าคิดว่าอานเหยี่ยนเป็นโรคถุงน้ำดีดีบต้น” นางเอ่ยขึ้น
เยี่ยนพ่านมองมาทางนางอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะหันมา มองหมอหลวงอีกสองท่านข้างกาย ทั้งสามคนต่างมีนงง ไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมายที่นางเอ่ย “เรียนถามพระชายา ถุงน้ำดีตีบตันคืออะไรหรือพะย่ะค่ะ”
“โรคตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดที่มีอาการเช่นนี้เกิดจาก ความพิการในถุงน้ำดีแต่กำเนิด ทว่าในอาการขององค์ชาย กลับคล้ายมี อาการถุงน้ำดีตีบตันหรือโรคตัวเหลืองภายใน ร่วมอยู่ด้วย วิธีการรักษาได้คือการผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเราไม่มีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการผ่าตัดได้ ดังนั้น ข้าจึงเห็นว่าให้สำนักหมอหลวงจำเป็นต้องจัดยารักษา ลดอาการตัวเหลืองเพื่อช่วยรักษาในขั้นตอนแรกไปก่อน เพียงแต่ว่าข้าก็มิอยากปิดบังพวกท่าน หากว่าองค์ชายเป็น โรคถุงน้ำดีตีบตันอย่างที่ข้าคิดจริงๆ พวกเราก็คงได้แต่เฝ้า มององค์ชายค่อยๆ…” ชูเซี่ยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยออกไปอีก นางรู้ว่าทุกคนในที่นี้ต่างรับรู้กันอยู่แล้ว
ไม่ใครผู้ใดเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย หากองค์ชายน้อยไม่ อาจรักษาหาย เกรงว่าผู้ที่ต้องตายอาจไม่ใช่เพียงองค์ชาย แค่พระองค์เดียว ชีวิตของพวกเขาก็คงมิอาจรักษาไว้ได้อีก
“แต่ว่า พวกกระหม่อมเคยจัดยารักษาอาการตัวเหลืองให้ องค์ชายไปแล้วพะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย” หมอหลวงหลงเฟยเอ่ยขึ้น
ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผล แต่มันไม่มีผลต่างหากเล่า อาการตัว เหลืองมีอยู่สองชนิดคือตัวเหลืองจากภายในและตัวเหลือง ภายนอก อาการตัวเหลืองภายนอกแม้พวกท่านจะไม่ได้จัด ยารักษาให้ก็จะหายไปได้เองในที่สุด แม้ข้าจะไม่เคยเห็น วิธีการจัดยารักษาของพวกท่าน แต่ข้าก็มั่นใจว่าการรักษา ของพวกท่านคงเป็นการรักษาแค่ภายนอกเท่านั้น การ รักษาโดยจัดยาลดตัวเหลืองมีผลแค่ในผู้เป็นโรคตัวเหลือง ภายนอกเท่านั้น ไม่มีผลต่อโรคตัวเหลืองที่เกิดจากภายใน หรอก ยามนี้พวกเราต้องทำให้อาการตัวเหลืองภายนอก ลดลงอีกสักเล็กน้อยก่อน โชคยังดีที่องค์ชายน้อยไข้ทุเลา ลงแล้ว ส่วนการหาวิธีรักษาจากภายในแทนพวกเราก็ ค่อยๆคิดกันเถิด”
ชูเซี่ยรู้สึกลำบากใจอย่างมาก นางเป็นคนทำคลอดให้ องค์ชายน้อยกับมือของนางเองยามนั้นก็ถือว่าหนักหนา สาหัสแล้ว ทว่าครั้งนี้กลับยิ่งกว่า เด็กน้อยตัวเล็กเพียงเท่า นี้กลับต้องมาเจอกับความเจ็บปวดทรมานเพียงนี้จะทนได้ หรือ น่าสงสารจริงๆ แล้วหากว่าพระชายาเจิ้นหยวนทราบเรื่องเข้าเล่า นางอาจจะไม่อยากมีชีวิต อยู่ต่อไปเลยก็เป็นได้
เยี่ยนพ่านเอ่ยถามขึ้นมาอย่างข้องใจ “หากเป็นดังที่พระ ชายากล่าวมาทั้งสิ้น หากว่าองค์ชายน้อยเป็นโรคถุงน้ำดี อุดตันจริงๆ ต่อให้พวกเราจะทำการรักษาอย่างไรก็เปล่า ประโยชน์ใช่หรือไม่”
ชูเซี่ยพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้นจริง เราสามารถรักษาได้ ด้วยพิธีผ่าตัดเท่านั้น แต่ยามนั้นที่ข้าลงมือผ่าท้องเพื่อช่วย เหลือพระชายาเจิ้นหยวนทำคลอดอาเหยียนออกมาก็นับ มาเสี่ยงมากพออยู่แล้ว ไม่สมควรเสี่ยงอีก”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพะยะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะจัดยา รักษาตับและถุงน้ำดีในทันที รวมถึงยาที่รักษาอาการท้อง เสียขององค์ชายอีกด้วย หวังว่าอาการขององค์ชายจะดีขึ้น ในเร็ววัน” เยี่ยนพ่านเอ่ย
ยามนี้ชูเซียได้แต่หวังว่าองค์ชายน้อยจะไม่ได้เป็นโรคถุง น้ำดีอุดตันเข้าจริงๆ ไม่เช่นนั้นต่อให้ทำการรักษาอย่างไร ก็ล้วนเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่ที่นี่ยังไม่มีความก้าวหน้า ทางการแพทย์อย่างโลกของนาง
ชูเซี่ยยังแนะนำเพิ่มไปอีกเล็กน้อย “หากยาที่ท่านจัดไว้ ไม่เห็นผล ก็ลองใช้ อินเฉิน จือจื่อ หวงจิน และจินอื่นฮวา ต้มรวมกันเป็นหม้อเดียว จากนั้นลองนำไปให้อานเหยียน ดื่มดู”
แม้ว่านางจะไม่ได้สันทัดในด้านสมุนไพรจีนนัก แต่ว่าใน ยุคของนางนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังอนุรักษ์การใช้แพทย์แผน จีนไว้อยู่ และแพทย์แผนจีนมักจะออกใบสั่งยาโดยการใช้ สมุนไพรเหล่านี้ในการรักษาโรคตัวเหลือง
เยี่ยนพ่านมองชูเซี่ยอย่างประหลาดใจ “วิธีนี้กระหม่อม ก็เคยคิดมาก่อน แต่ด้วยตัวยามีสรรพคุณค่อนข้างแรง กระหม่อมเกรงว่าร่างกายขององค์ชายน้อยจะมิอาจรับไหว ได้จึงไม่กล้าใช้ทำเพียงต้มน้ำดอกจินอื้นฮวาถวายแก่องค์ ชายเท่านั้น ยามนี้เมื่อพระชายาเอ่ยมาเช่นนี้แล้วกระหม่อม คงต้องขอลองดูแล้ว!”
หลังจากปรึกษาหารือวิธีการรักษาเสร็จสิ้น ฮองเฮาก็มี รับสั่งให้ชูเชี่ยกลับไปนอนพักรักษาตัวทันที
ยามนี้แผลบนหน้าผากของนางถูกพันผ้าพันแผลไว้ เรียบร้อยแล้ว ฮองเฮามีรับสั่งให้นางพักรักษาตัวอยู่ที่ ตำหนักจาวหยางแห่งนี้โดยมีจี่เซียงนางกำนัลคนสนิทของพระองค์คอยดูแลรับใช้นางอยู่ข้างกาย และยังมีหยาน มีเหอที่เสนอตัวมาด้วยอีกคน
นางเอยกายนอนอยู่บนเตียง หัวใจยังไม่สงบจึงไม่อาจ หลับลงได้ แต่นางไม่อาจทำให้ฮองเฮาเป็นห่วงไปมากกว่า นี้จึงปิดเปลือกตาลงเฉยๆ
นางหรือจะหลับลงได้ แม้ว่าจะได้รับยานอนหลับจากหมอ หลวงไปแล้วแต่นางกลับยังไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ภายในห้องที่เงียบสงัดนี้ จู่ๆก็มีมือมากระตุกผ้าห่มของ นางเบาๆ เดิมนางคิดว่าเป็นจี่เซียงหรือนางกำนัลคนอื่นจึง ไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น
“ท่านพี่ หากท่านยังไม่ได้หลับก็ลุกขึ้นมาคุยกับข้าเสีย หน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” มันคือเสียงของหลิวมีเหอ เสียงของ นางเต็มไปด้วยความอับจนระคนวิตกกังวล
ชูเซี่ยค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าของหลิวมีเหอสะท้อนใน ดวงตาของนาง หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่พบใคร อื่นอีกนอกจากหลิวมี่เหอ
“ข้าให้คนที่เหลือออกไปหมดแล้ว” หลิวมีเหอเอ่ยกับนาง
ซูเซียค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง หัวของนางพิงพนักไว้ก่อนจะ ปรายตามองมายังหลิวมี่เหอ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงท่านอ๋อง ข้าก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน แต่ในยามนี้นอกจากรอแล้ว พวก เรามีอาจทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว”
หลิวมี่เหอรู้สึกกระวนกระวายใจนัก “ข้าเป็นห่วงเขายิ่งนัก เจ้าไม่ใช่กำลังปิดบังอะไรข้ากระมัง เกิดเรื่องขึ้นกับท่าน ท้องใช่หรือไม่
ซูเซี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว นางไม่กล้าพูด ออกไปตามตรงเกรงว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ไหว นางมองออก ว่าหลิวมีเหอรักใคร่ท่านอ๋องจากใจจริง หากว่านางทราบ เรื่องที่ท่านอ้องสูญเสียพลังปราณและยังต้องต่อสู้กับกลุ่ม โจรป่าอีกเล่า นางคงอดคิดไปทางเลวร้ายมิได้แน่ๆ
แต่เมื่อชูเซี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หลิวมีเหอก็ยิ่งร้อน ใจหนักขึ้นไปอีก นางนั่งลงข้างเตียงก่อนจะโอบไหล่ของ ซูเซี่ยไว้เบาๆ เล่ยขอร้อง “ท่านพี่ ข้าขอร้องท่าน ได้โปรด เลิก แท้จริงแล้วเกิดเรื่องร้ายกับท่านอ๋องใช่หรือไม่”
ชูเซียเงยหน้าขึ้นมองนาง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลิวห ยิงหลงมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางมาโดยตลอด ไม่เคย เห็นนางซึ่งเป็นพี่สาวอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ในยามนี้นาง กลับยอมลดทิฐิส่วนตัวเพื่อมาออดอ้อนขอร้องนาง ชูเซี่ย ไม่ได้แยแสแม้แต่น้อยเพราะนางมองออกว่านี่เป็นการเส แสร้ง
นางถอนหายใจออกมา “มีเหอ พวกเราต้องมั่นใจในตัว ท่านอ๋องว่าเขาจะต้องกลับมา” นางพูดเช่นนี้ออกไปทั้งที่ ในใจนางเองก็ไม่ได้เชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย นางเป็นคนที่รับ รู้สถานการณ์ในตอนนี้ดียิ่งกว่าใคร หลี่เฉินเย่นหายออกไป จากจุดเดิมที่นางแยกจากเขามีเพียงแค่เหตุผลเดียว บางที อาจจะมียอดฝีมือผ่านมาเห็นเข้าก็เป็นได้ แต่ว่าในป่าเขารก ทึบเช่นนั้น จะมียอดฝีมือโผล่มาได้อย่างไรกัน
หลิวมีเหอได้ยินวาจาที่นางเอ่ยออกมาอย่างคลุมเคลือก็ รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างยิ่ง “เป็นเพราะท่าน ท่าน อ๋องเป็นผู้มีวรยุทธสูงส่งต่อให้เจอกลุ่มโจรมากเพียงไหน ก็หาได้คณามือเขาไม่ เขาสามารถเอาตัวรอดได้อย่าง แน่นอน ต้องเป็นเพราะเพื่อช่วยท่านแล้วท่านอ๋องจึงเดือด ร้อน เหตุใดท่านจึงไม่ให้ท่านอ๋องเป็นผู้นำหญ้าหลินเฉ่า กลับมาส่วนท่านก็รับมือพวกโจรไปเล่า ท่านจะตายมันก็ เป็นเรื่องของท่าน แต่หากท่านอ๋องเป็นอะไรไปข้าจะไม่มีวันปล่อยท่านไว้แน่”
หลิวมีเหอในยามนี้กำลังตกอยู่ในความคิดวุ่นวายสับสน ของตนเอง นางเฝ้านึกถึงความเป็นไปได้พันหมื่นเหตุผล มีเพียงข้อเดียวที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่นางก็ไม่อยากให้ มันเป็นเช่นนั้น นั่นก็คือเขาทำเพื่อปกป้องหลิวหยิงหลง ทั้งคู่อาจเกิดความรู้สึกลึกล้ำต่อกันยามต้องเผชิญหน้ากับ พวกโจร เขาจึงยอมมอบหญ้าหลินเฉ่าให้นางเป็นผู้นำกลับ มา ส่วนตกเองเป็นฝ่ายอยู่รับมือกับโจรป่าเสียเอง จากนั้น เกิดอะไรขึ้นก็สุดจะรู้ได้ แต่การที่เขายังไม่กลับมาคงไม่ใช่ เรื่องนี้นัก
มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น จี่เซียงคงได้ยินเสียงคนคุยกัน ภายในห้องจึงเปิดบานประตูเข้ามาในห้องเพื่อดู
เมื่อหลิวมีเหอได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา สีหน้า ท่าทางของนางก็เปลี่ยนไปแทบจะทันที นางแสร้งเอ่ย เสียงอ่อนหวาน ท่านพี่ ในเมื่อท่านนอนไม่หลับ เช่นนั้น น้องจะคุยเป็นเพื่อนท่านเองเจ้าค่ะ!”
ชูเซียเห็นท่าทางของนางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลัง มือก็อดตะลึงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะถอดหน้ากากของ นางออกต่อหน้าจี้เซียวแต่อย่างใด ทำเพียงแค่ยิ้มออกมา น้อยๆเท่านั้น “ข้านอนหลับเต็มอิ่มแล้วล่ะ น้องสาวยอมมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่สาวเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก
เซียงยิ้มน้อยๆก่อนเดินเข้ามาใกล้ พระชายาตื่นแล้ว หรือเพคะ หิวหรือยังเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนเตรียมโจ๊ก ไว้ให้ท่านแล้ว หากทานหิวแล้วหม่อมฉันจะสั่งให้คนนำว่า ถวายทันที
ชูเซี่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณกูฏลำบากอยู่แล้ว เจ้าค่ะ
พระชายากล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะนี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉัน สมควรทำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขอบคุณหม่อมฉันหรอก เพคะจีเชียงหันหลังสั่งคนไปจัดเตรียมโจ๊กมาถวายแก่ พระชายาและเตรียมน้ำไว้ถังหนึ่งสำหรับให้พระชายาได้ ล้างหน้าล้างตา
เมื่อออกคำสั่งเสร็จเรียบร้อยนางก็ค่อยๆหันหน้ามาทาง หลิวมีเหอ รองพระชายาเพคะหม่อมฉันคงต้องคอยดูแล พระชายาอยู่ที่นี่ แต่ว่าเมื่อครูนั้นข้าหลวงผู้รับใช้ข้างกาย ของฝ่าบาทมาที่นี่มีรับสั่งให้พระชายาเข้าเฝ้าเนื่องด้วยผ้า บาทต้องการมาดูอาการพระชายาด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันคงต้องรบกวนให้รองพระชายาช่วยจัดเตรียมชุด สำหรับเข้าเฝ้าฝ้าบาทด้วยได้หรือไม่เพคะหม่อมฉันเชื่อ มั่นในสายตาของรองพระชายาเพคะ!”
จีเซียงเอ่ยรองพระชายาออกมาชัดถ้อยชัดคำ หลิวมีเหอ ได้ยินก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา แต่ว่านางก็ต้องเก็บความ ไม่พอใจไว้อย่างรวดเร็วเพราะว่าจีเซียงนางเป็นข้ารับใช้ คนสนิทของฮองเฮา นางไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้จึง ทำได้เพียงยิ้มออกมาเท่านั้น ได้!”
คล้อยหลังหลิวมีเหอ จีเซียงก็หันกายมาหานางก็จะเอ่ย ด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “พระชายาไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูด ของนางมาใส่ใจหรอกเพคะ!”
จี้เซียงได้ยินคำพูดที่หลิวมี่เหอเอ่ยออกมาชัดเจนทุก ถ้อยคำ ความจริงแล้วนางอยู่ในห้องด้านหลังห้องบรรทม มาโดยตลอด และบานหน้าต่างของห้องบรรทมก็เปิดไว้ เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท นางเป็นคนที่มีวรยุทธอีกทั้งก่อน หน้านี้หลิวมีเหอนางมีอารมณ์โมโหร้ายอยู่จึงไม่ทันระวัง ลดเสียงของตนเองให้เบา ทำให้สุกสิ่งทุกอย่างที่นางเอ่ย ออกมานั้นล้วนเข้าหูจีเซียงทั้งหมด
ชูเซียรับคำก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดนางก็ตัดสินใจ เอ่ยออกมา “ลูก ท่านคงยังไม่ทราบว่าก่อนท่านอ๋องจะต่อสู้ กับกลุ่มโจร เขาเสียพลังลงปราณไปจนหมดสิ้น!”
จี้เซียงตื่นตระหนก รีบร้อนถามขึ้นมา “เหตุใดจึงเป็นเช่น นั้น ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
ชูเซี่ยเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่แรกเริ่ม ที่เก็บสมุนไพรจนถึงยามที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับเหล่า โจรป่าจีเชียงนิ่งเงียบไม่อาจเอ่ยคำใดออกมา แววตา ประหลาดใจมองตรงมายังชูเซี่ย
เวลาผ่านไปนานที่เดียวจี้เซียงจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมา ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้สวรรค์คุ้มครองให้ท่านอ๋อง ปลอดภัยกลับมาด้วยเถิด!” เพียงแต่ยามที่นางเอ่ยประโยค นี้ออกมานั้นไม่อาจควบคุมเสียงที่สั่นไหวของตนไว้ได้
ชูเซี่ยรู้สึกผิดนัก!
องเต้ทรงเสด็จมาดูอาการของชูเซี่ย ก่อนถามคำถาม แสดงความห่วงใยออกมาอีกเพียงไม่กี่คำก็ถามถึง สถานการณ์ของหลี่ เฉินเย่น ชูเซี่ยจึงตัดสินใจกราบทูลฝ่า บาทไปตามตรง พระพักต์ของฝ่าบบาทเคร่งเครียดก่อนจะ รับสั่งให้กองกำลังทหารมุ่งหน้าไปหุบเขาเทียนหลางเพื่อ จัดการถอนรากถอนโคนเหล่าโจรป่าพวกนั้นให้สิ้นซาก!
แท้จริงแล้วฝ่าบาทจะรับสั่งส่งทหารไปหรือไม่นั้นก็ไม่ ต่างกันนัก เพราะในตอนนี้เหล่าราชองครักษ์ของจวนอ๋อง ก็ล้วนอยู่ที่นั่นเพื่อกำจัดกองโจรเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่เพราะ ชูเซียเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาจึงไม่สบโอกาสที่จะทูลแก่ฝ่าบาทแต่ อกร
เมื่อฝ่าบาททรงรับรู้เรื่องราวทั้งหมด พระทัยก็รู้สึกเป็น ห่วงในตัวบุตรชายของพระองค์นัก แต่พระองค์ก็ไม่ได้ ตำหนิอะไรในตัวชูเซีย กลับรู้สึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ชู เซี่ยสามารถนำหญ้าหลินเฉ่ากลับมาและรักษาชีวิตคนไว้ ได้