หมอยาเสน่ห์หา - ตอนที่25 เจอทางออก
ตอนที่25 เจอทางออก
หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ ก็ได้เวลาออกเดินทาง
เพียงเพราะบทสนทนาก่อนหน้านี้ของคนทั้งสองทำให้ บรรยากาศระหว่างทั้งสองในยามนี้ต่างตกอยู่ในภวังค์ของ ตนเอง ตลอดระยะทางมิมีผู้ใดเอ่ยคำพูดออกมาสักคำ
รถม้าเข้าเขตหุบเขาเทียนหลางก็ตอนฟ้าสางแล้ว ตลอด ระยะทางที่มาที่นี่ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้ชูเซี่ย ได้นอนจริงๆก็เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น นางมิอาจหลับได้ สนิท หลี่เฉินเย่นก็เช่นกัน เพียงแต่สาเหตุที่เขาพักผ่อนได้ มิเต็มที่มิใช่ว่าเป็นเพราะเส้นทางบนถนน หากแต่เป็นเพราะ เขาเฝ้ามองสตรีตรงหน้ายามหลับอยู่นานสองนานต่างหาก เล่า ใบหน้าของนางยามหลับ ช่างดูสงบงดงามจนเขารู้สึก มองได้มีรู้เบื่อ
เมื่อมาถึงบริเวณตีนเขาเทียนหลงซาน เดิมที่มีหมู่บ้านตั้ง อยู่บริเวณนี้ และมีโรงเตี้ยมเล็กๆเปิดให้บริการผู้คนที่คอย สัญจรผ่านไปมา แต่จู่ๆรถม้ากลับหยุดลงกลางคันพร้อมกับ เสียงที่ดังมาจากภายนอก
ตอนที่25 เจอทางออก
ตอนที่25 เจอทางออก
หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ ก็ได้เวลาออกเดินทาง
เพียงเพราะบทสนทนาก่อนหน้านี้ของคนทั้งสองทำให้ บรรยากาศระหว่างทั้งสองในยามนี้ต่างตกอยู่ในภวังค์ของ ตนเอง ตลอดระยะทางมิมีผู้ใดเอ่ยคำพูดออกมาสักคำ
รถม้าเข้าเขตหุบเขาเทียนหลางก็ตอนฟ้าสางแล้ว ตลอด ระยะทางที่มาที่นี่ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้ชูเซี่ย ได้นอนจริงๆก็เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น นางมิอาจหลับได้ สนิท หลี่เฉินเย่นก็เช่นกัน เพียงแต่สาเหตุที่เขาพักผ่อนได้ มิเต็มที่มิใช่ว่าเป็นเพราะเส้นทางบนถนน หากแต่เป็นเพราะ เขาเฝ้ามองสตรีตรงหน้ายามหลับอยู่นานสองนานต่างหาก เล่า ใบหน้าของนางยามหลับ ช่างดูสงบงดงามจนเขารู้สึก มองได้มีรู้เบื่อ
เมื่อมาถึงบริเวณตีนเขาเทียนหลงซาน เดิมที่มีหมู่บ้านตั้ง อยู่บริเวณนี้ และมีโรงเตี้ยมเล็กๆเปิดให้บริการผู้คนที่คอย สัญจรผ่านไปมา แต่จู่ๆรถม้ากลับหยุดลงกลางคันพร้อมกับ เสียงที่ดังมาจากภายนอก
“เส้นทางข้างหน้าก็เป็นทางขึ้นเขาแล้ว เกรงว่าจะมีมี โรงเดียมอีกแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่ต้อนรับคนนอกอย่าง พวกเรา มีมีทางเลือกอีกแล้ว ช่างเถิด!”
“นี่อาจเป็นเบื้องบนที่ดลบันดาลให้ข้าต้องตามท่านขึ้นเขา ไปด้วยก็เป็นได้”นางเอ่ยออกมาอย่างเริงร่า
ยามนางเอ่ยออกมาเช่นนั้นนางมิได้คิดอะไร แต่เขาคิด ทั้งยังรู้สึกรังเกียจเสียด้วย เขาตัดสินใจที่จะทิ้งนางไว้ที่ โรงเตี้ยมในคราแรกก็เพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง หากเกิดเหตุขึ้นกับนาง เขาเองก็มิทราบจะหาข้ออ้างอันใด ไปแก้ตัวกับเสด็จพ่อของตนเอง
“เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าและนางจะขึ้นเขา ในยามอู่จะมีราช องครักษ์ตามมาสมทบกับเจ้าบริเวณนี้ เจ้าก็รอพวกเขา อยู่ที่นี่เถิด หากในอีกสองวัน ข้ายังมิกลับมา เจ้าก็จงนำ กระดาษแผ่นนี้ขึ้นเขาออกตามหาหญ้าหลินเฉ่าอีกแรง ก็แล้วกัน” นางได้ยินที่เขาพูดทุกถ้อยคำ รู้สึกชื่นชมเขา อย่างมาก เขาสามารถแบ่งหน้าที่และการทำงานได้อย่าง รอบคอบและว่องไวดียิ่ง
เส้นทางบนเขาทั้งยาวและขรุขระ ชูเซี่ยเดินนิ้วสัมภาระ ห่อใหญ่ของนางเดินตามเขาต้อยๆ หลี่เฉินเย่นแม้จะเห็นก็
มิได้รู้สึกสงสารหรืออยากช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย นางเองก็มิได้คิดว่าเขาจะมีน้ำใจช่วยเหลือนาง เช่นกัน เขาเดินตามทางของเขาไปเรื่อยๆไม่แม้จะหันกลับ มามองนางสักนิด
ตอนที่นางอยู่โลกเดิม นางก็เคยไปเข้าร่วมกิจกรรมปืน เขามาบ้าง ดังนั้นตอนเริ่มเดินนางจึงมิได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย อะไร
ร่างกายของนางราวกับมีขุมพลังไหลเวียนอยู่ เดินทางมา เกือบครึ่งชั่วยามนางก็ยังมีรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย แม้ แต่หลี่เฉินเย่นก็ยังรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็มิได้เอ่ยอะไร ออกมา เก็บความสงสัยไว้ในใจต่อไป
จนกระทั่งเวลาผ่านไป
“แม้จะเป็นสารทฤดูก็ประมาทมิได้ งูบางชนิดยังมิได้เริ่ม เข้าสู่การจำศีล เจ้าเองก็จงระวังตัวด้วย”เขาเอ่ยเตือนนาง
ชูเซี่ยถึงขั้นตะลึงค้าง ไม่คิดว่าเขาจะมีใจเป็นห่วงนางด้วย นางจึงยิ้มน้อยๆตอบเขา”ท่านอ๋องโปรดวางใจ หม่อมฉันจะ ระวังเพคะ”
หลี่เป็นtiรระงรักไป 9 เพียงอยากให้เจ้าเป็นตัว เอาแelr”นี่เขาคิดผิด ไปหรมไม่ที่พามพั้นแชาวมาด้วย นี่เพียงแต่เริ่มต้ันเท่านั้น ระหว่างเงินในlผู้ใดรามได้นางจะสร้างปัญหาอะไรให้ เขาวง
ซึ่งเป็นเส้นทาเงข้างหนังขรุขระมากขึ้น รองเท้าของ คนทั้งคู่เริ่มสกปรกเสี่ยงและ ซูเซี่ยนางหอบหัวห่อผ้าใบ ใหญ่ที่กินแรงมาเสมาจสขตกาง นางสวรจะรู้สึกเหนื่อยถึง จะถูก แต่น่าแtifiการางมิได้รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่ ในเมื่อเดินทางมาwrสาพระเสมแส้นางก็ควรจะหยุดพัก เสียหน่อย ตูท่าแล้วหลัเสมาราที่นางผ่านการตายมาครั้งหนึ่ง ทำให้ร่างกายของมาเลTลTIทันไปเสียแล้ว นางเข้ากับ ตนเอง ได้แต่หวังว่าคงไi Tะเป็นมนุษย์แบงมุมหรอกนะ ถึงนางจะชื่นชอบมนุษย์ธรรมะมากเพียงไหน แต่ก็มีคิดจะ เป็นเองหรอกนะ
แต่จู่ๆนางก็ได้ยินเสียเประพลาเลมรามา นางจึงหยุดเดิน และพยายามเงี่ยหูพิเลอีกครั้งทะเiavi“นางเล่ยกระซิบ
เลี้ยงเบา
แม้จะเบาแต่หลี่เฉินtมก็ได้ยินเสียงเรียกของนาง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยหันกายกลับมามองนาง”ทำไมหรือ เดิน ไปอีกหน่อยก็จะได้หยุดพักแล้ว”เขาคิดว่านางเหนื่อย เมื่อ เจอหินก้อนใหญ่ข้างทางจึงอยากหยุดพัก
ชูเซียยังพยายามตั้งใจฟังเสียงเมื่อครู่อีกครั้ง ก่อนจะหัน หน้ามาถามเขา”ท่านอ๋องได้ยินเสียงอะไรแปลกๆหรือไม่”
หลี่เฉินเย่นตั้งสมาธิฟังเสียงรอบตัวทันที ก่อนจะส่าย ศีรษะเล็กน้อย “มีเสียงที่ไหนกัน รอบด้านล้วนเงียบสงบ”
“จริงหรือเพคะ แต่หม่อมฉันได้ยินเสียงเหมือนสัตว์นะ เพคะ”ชูเซี่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ นางได้ยินจริงๆ
หลี่เฉินเย่นส่งเสียงฮืออกมา”เจ้าหรือที่ได้ยิน หากข้ามิได้ ยินเจ้ามีหรือจะได้ยิน” เขากล่าวมาก็ถูก ท่านอ๋องเป็นผู้มีวร ยุทธ ประสาทสัมผัสของเขาย่อมต้องดีกว่านางอยู่แล้ว
ยามนี้ท้องฟ้ากลับกลายเป็นสว่างจ้าแล้ว ดวงอาทิตย์ขึ้น มาอวดโฉมอย่างเต็มที่ สาดส่องไปทั่วพื้นที่ทุก
อาณาบริเวณ ชูเชียเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ปัดนี้สาด แสงแดดลงมาไม่ใช่แค่แดดอ่อนๆเหมือนเมื่อครูอีกแล้ว พื้นที่รอบๆป่ายังคงเงียบสงบ แต่สักพักหูนางก็เริ่มได้ยิน เสียงประหลาดเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่า เป็นเพราะนางเหนื่อยเกินไปหูจึงฝาด แต่เป็นไปมได้ นาง
มิได้รู้สึกว่าร่างกายนางจะเหนื่อยล้าตรงไหน
แต่ท่านอ๋องมิได้ยิน ก็คงเป็นนางที่หูฝาดไปเองจริงๆ
เมื่อครู่เป็นข้าที่หูแว่วไปเอง!”
สีหน้าดูแคลนถูกส่งมาจากบุรุษตรงหน้า ก่อนเขาจะหัน กลับเริ่มออกเดินอีกครั้ง แต่จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และตั้งใจเงียหูฟังเสียงอีกครั้ง ก่อนจะรีบฉุดดึงนางเข้าหุ่ม ไม้ข้างทางทันที ดวงตาคมเย็นเยียบลง เสียงนั้นเริ่มดังใกล้ เข้ามาชัดขึ้นเรื่อยๆ และดังก้องอยู่ในหูของคนทั้งสอง
เป็นเสียงของสุนัข!
ซุเขยรู้สึกแปลกใจมิน้อย กลางภูเขาลำเนาไพรเช่นนี้ จะมี สุนัขอาศัยอยู่ได้อย่างไรกัน หรือจะเป็นหมาป่า
สิ้นความคิด คำตอบที่นางสงสัยก็มาปรากฎตรงหน้า ทำง ขึ้นเขามีสุนัขหลายตัวกำลังวิ่งตรงมายังบริเวณที่นางและ ท่านอ๋องยืนอยู่เมื่อครู่ เมื่อนางเพ่งดูดีๆแล้ว นั่นเป็นสุนัข ทิเบตมิใช่หรือ
สวรรค์ ทำไมท่ามกลางป่าเขาเช่นนี้จึงมีสุนัขทิเบตอาศัย อยู่ได้ สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยดุร้าย ก้าวร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันคิดว่ามีผู้บุกรุกเข้ามายังอาณาเขตของมันเช่นพวก นาง ก็จะจู่โจมทันที
หลี่เฉินเย่นจับด้ามกระบี่เหน็บไว้ข้างเอวแน่น เขาทำตัว ราวกับเสือดาวหนุ่มที่ปราดเปรียวพร้อมจะจู่โจมเหยื่อทุก เมื่อ เขาผลักร่างของชูเซี่ยให้หลบหลังเขาโดยที่มิรู้ตัว ชู เซี่ยซ่อนกายหลังแผ่นหลังกว้างของเขา ดวงตาของทั้งคู่ ลอบมองผ่านพุ่มไม้ไปยังสุนัขเหล่านั้น เดิมทีพวกมันควร ลงจากเขาไปแล้ว แต่จู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีหยุดยืนอยู่กับที่และ ดมกลิ่นไปรอบๆ
“จมูกของสุนัขไวมาก พวกมันน่าจะรู้ว่าพวกเราอยู่บริเวณ นี้แต่แรกแล้ว”นางกระซิบข้างๆหูเขา
“อีกสักครู่หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามออกไปจากพุ่มไม้นี่ เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”ซ่งอวิ่นเฉียนกระซิบตอบนาง
เสียงหนักแน่นเฉียบขาด
นางผงกหัว สองมือน้อยเกาะเสื้อด้านหลังเขาไว้แน่นไม่ กล้าขยับกายส่งเดช
พวกมันรู้ว่าพวกเราสองคนอยู่แถวนี้จริงๆ เธอได้ยินเสียง หนึ่งในพวกมันหอน ก่อนจะมีเสียงหอนต่อเป็นทอดๆ ก่อน ที่สุนัขทิเบตที่อยู่บริเวณนี้จะพุ่งตัวมาบริเวณพุ่มไม้ที่พวก เราหลบซ่อนทันที
หลี่เฉินเย่นดึงกระบี่ออกจากฝึก มีเสียงหวือดังขึ้น ตาม ด้วยเสียงใบมีดที่ตวัดวาดผ่านไปมา ชูเซี่ยเห็นแค่เพียง ประกายแสงวาดผ่านพุ่มไม้เป็นระยะเท่านั้น ก่อนนางจะ เห็นว่าเขาแทงกระบี่เข้าตรงกลางหัวของสุนัขตัวหนึ่ง เลือดไหล่ทะลักกระเด็นถูกตัวเขาจนเลอะไปหมดทั้งร่าง สุนัขที่ถูกแทงก็ล้มลงกับพื้นและขาดใจตายทันที การกระ ทำของเขามิเพียงทำให้พวกมันตื่นกลัว ตรงกันข้ามพวก มันยิ่งดูโหดร้ายมากขึ้นเป็นเท่าตัว พวกมันคำรามขู่ก่อนจะ พุงกระโจนเข้าหาหลี่เฉินเย่นอย่างรวดเร็ว
สุนัขทิเบตเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว แต่หลี่เฉินเย่นเองก็มีวิชา ตัวเบาแก่กล้า แต่ทว่าหากเขาใช้วิชาตัวเบาหลบหนี ผู้ที่แย่ ย่อมเป็นสตรีที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ขนาดนี้ เขาเชื่อว่าพวก มันต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่นางเป็นแน่ เขาย่อมมิอาจ บุ่มบ่ามตัดสินใจ ชายหนุ่มดึงตัวชูเซี่ยอกมาจากพุ่มไม้ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพานางเหาะเหิน ก่อน จะตวัดดาบไปยังสุนัขทิเบตตัวหนึ่ง แต่มันสามารถกระโดด หลบได้อย่างฉิวเฉียด
ชูเซียไม่เคยประสบพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ต่อหน้า ต่อตามาก่อน จึงตกใจเป็นอย่างมาก นางเป็นหมอที่มา จากโลกที่มีแต่ความสันติและความเจริญ ใบหน้างามตอน นี้ซีดเผือดราวกับกระดาษ ได้แต่ปล่อยกายให้หลี่เฉินเย่น ลากนางไปมา ซ้ายทีขวาที เพียงเพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับ ตัวทำให้ในที่สุดนางก็ก้าวเท้าพลาด ทำให้รู้สึกเจ็บแปลบ บริเวณข้อเท้าของตน แต่นางก็มิได้ร้องออกมาสักแอะ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ต้องจะต้องมีสติกับเหตุการณ์ ตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
ท่ามกลางฝูงสุนัขทิเบตเหล่านั้น นางสังเกตเห็นว่ามีอยู่ ตัวหนึ่งมิได้ลงมือโจมตีใดๆเลย มันทำตัวราวกับว่ามันเป็น ยอดฝีมือที่ยังไม่ถึงเวลาออกโรงแสดงฝีมือออกมา แต่ เพียงชั่วพริบตาเดียวที่มันสบโอกาสก็พุ่งเข้าโจมตีทันที
ชูเซียมองเห็นการเคลื่อนไหวเช่นนั้น นางก็นึกออก ทันที”ท่านอ๋องฆ่าตัวทางซ้ายเพคะ มันเป็นจ่าฝูง!”
ตัวจ่าฝูงจะเป็นตัวที่คอยออกคำสั่งให้ตัวที่เหลือทำตาม
หลี่เฉินเย่นก็ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้วก็ผลักชูเซี่ยเข้าไปหลบ หลังพุ่มไม้ เขาทะยานขึ้นฟ้า ก่อนจะพุ่งตัวลงมายังพื้น ราวกับลูกธนูดอกหนึ่ง ตวัดดาบเข้าตรงกลางลำตัวของตัว จ่าฝูงเพียงฉับเดียว สุนัขจ่าฝูงก็ตายในทันที
ตอนนี้เหลือสุนัขอยู่เพียงสามตัวเท่านั้น แต่ไม่มีตัวไหน กล้าเข้ามาโจมตีพวกนางอีกแล้ว พวกมันทำเพียงแค่ใช้ สายตาดุร้ายมองมาเท่านั้น หลี่เฉินเย่นสบโอกาสที่พวกมัน ไม่เข้ามาทำร้ายก็จัดการสังหารพวกมันทันที
ไม่ถึงหนึ่งเค่อ สุนัขทิเบตก็ตายไม่เหลือ
ฉากการต่อสู้ในครั้งนี้แม้จะไม่ทำให้ชูเซี่ยตกใจมากนัก แต่ก็ทำให้นางรู้สึกว่ามันน่ากลัวสำหรับเธออยู่ดี
ลี่เฉินเย่นเช็ดเลือดออกจากกระบี่ของตนจนเกลี้ยง ก่อน จะเก็บคืนฝึก เขาหันกายมามองชูเซียเล็กน้อย ดวงตาของ เขาฉายแววประหลาดใจ
ไม่ได้ตกใจใช่หรือไม่”น้ำเสียงของเขาที่ถามนางมิได้แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย นางฟังเป็นน้ำเสียงเยาะเย้ย เสียมากกว่า แต่ถึงเขาจะพูดกับนางเช่นนี้ ก็ยังยื่นมือของ ตนเองมาให้นาง
“ลุกขึ้น”
ชูเซี่ยวางมือของนางลงบนฝ่ามือหนาของเขา ชายตรง หน้าออกแรงฉุดนางเพียงเล็กน้อยก็นางก็ลุกขึ้นยืนได้ แต่ ทว่าความเจ็บแปลบบริเวณข้อเท้าข้างซ้ายทำให้นางอุทาน ออกมา
“เป็นอะไรไป ข้อเท้าพลิกหรือ”หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้วมองดู
นาง
ชูเซี่ยลองขยับข้อเท้าของนางดูอีกครั้ง”หม่อมฉันยังเดิน ต่อไปได้เพคะ มิได้เจ็บมากมายอะไร”
หลี่เฉินเย่นมองนางนิ่ง เขาไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่ไว้นานนัก ไม่ ปลอดภัย “ยามนี้พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สุนัขพวกนั้นมิใช่สัตว์ป่าจะต้องมีคนเลี้ยงพวกมันไว้แน่ หากเจ้าของพวกมันทราบเรื่องว่าเราฆ่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ตาย จนหมด คงจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอย่างแน่นอน!”
“ไฉลจึงมีผู้เลี้ยงสุนัขกลางหุบเขาลึกเช่นนี้”นางถามอย่าง มิเข้าใจ
“บริเวณนี้เป็นที่อาศัยของโจรภูเขา!”เขากัดฟันพูดก่อนจะ ชิงแย่งห่อสัมภาระใบใหญ่ของนางไปถือแทน” รีบเดินกัน เถิด เราต้องรีบออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด เจ้า เจ้า ดูเจ้า เถิด ขึ้นเขายังคิดจะเอาอะไรมามากมาย” หลี่เฉินเย่นตำหนิ นางเสียงเย็น
“ทุกอย่างในห่อผ้าล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น ต้องใช้ ประโยชน์ได้อย่างแน่นอน”ชูเซี่ยพยายามอธิบายให้ชาย ตรงหน้าอย่างใจเย็น นางเห็นว่าเขาตำหนินางก็จริง หาก แต่กระทำของเขาก่อนหน้านี้และการที่แย่งห่อผ้าของนาง ไปถือแสดงถึงความอ่อนโยนออกมาหลายส่วน ทำให้ ทรวงอกของนางรู้สึกอุ่นซ่านอย่างประหลาด
หลี่เฉินเย่นมิได้กล่าวอะไรกับนางอีก แต่สองมือของ เขาคอยประคองร่างของนางเดินตลอดทาง ทำให้ยามนี้ ร่างกายของคนทั้งคู่แนบชิดกันเสียจนหลี่เฉินเย่นได้กลิ่น หอมสะอาดจากเส้นผมและเสื้อผ้าของนาง ภายนอกเขา อาจจะแสดงท่าทีเฉยชา แต่ภายในใจกับสับสนวุ่นวาย หลิวหยิงหลงที่เขารู้จักมาตลอดระยะเวลาหลายปี แม้จะ มิใช่คนขี้ขลาด แต่นางเป็นคนกลัวเลือดอย่างที่สุด เห็นเลือดแล้วจะหมดสติทุกครั้ง แต่ เหตุการณ์เมื่อครู่นางดูหวาดกลัวอยู่บ้างแต่มิได้กลัวเลือด แม้แต่น้อย ทั้งยังมีสติคิดรอบคอบในยามเขาต่อสู้อยู่กับ สุนัขเหล่านั้นนางยังสามารถชี้ตัวหัวหน้าจ่าฝูงได้อย่างง่าย ได้ หากมิมีความรู้หรือช่างสังเกตจริงๆย่อมมิอาจทราบได้ ว่าตัวไหนคือจ่าฝูง แม้แต่เขายังต้องให้นางเตือนสติจึงจะ ทราบ
ภายในใจของชูเซี่ยยามนี้หวาดผวาอย่างนัก แต่มิใช่ เพราะเรื่องเมื่อครู่ นางหวาดกลัวสายตาที่เต็มไปด้วยความ ระแวงสงสัยจากเขาต่างหากเล่า เดิมทีนางเองก็มิอยาก หลวงลวงผู้ใดทั้งสิ้นอยู่แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของ นางและการใช้ชีวิตในฐานะหลิวหยิงหลงต่อจากนี้ไป นาง ก็เลี่ยงมิได้ที่จะต้องโกหกคนรอบข้าง สมองของนางคิด ภาพฉากการลงโทษคนประหลาดเช่นนางโดยฝีมือของ ผู้คนยุคนี้ อย่างการเผาทั้งเป็น นางก็ขนลุกชูชันขั้นทันที
ไม่ได้ นางต้องหาวิธี แต่จะใช้วิธีใดได้บ้างเล่า เพราะ เหตุการณ์เมื่อวานก็แทบจะทำลายภาพลักษณ์ของหลิว หยิงหลงคนเดิมไปจนหมดสิ้นแล้ว นางต้องคิดหาวิธีที่ รอบคอบรัดกุมเพื่อหาข้ออ้างเรื่องการกระทำของนางใน สองวันมานี้ให้ได้เพื่อมิให้ผู้ใดสงสัยมากไปกว่านี้