หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - ทที่ 258 สือซันออกโรง
อิ่งสือซันอุ้มคุณชายบ้านตน สำแดงวิชาตัวเบา เขาแตะปลายเท้าเล็กน้อย จากนั้นก็ลอยขึ้นไปบนหลังคา
สายลมเย็นเดือนสิบเย็นสบาย อิ่งสือซันใช้พลังภายในสกัดลมไว้ เขาเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา ผู้ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนยังคงหายใจอย่างสม่ำเสมอ
อวี๋หวั่นเดินตามหาตามถนนและตรอกซอกซอยอยู่รอบหนึ่ง และไปตามหายังสถานที่ซึ่งเยี่ยนจิ่วเฉามักจะไป เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะถึงกับเดินไปริมน้ำเพื่อดูปลาเพียงไม่กี่ตัว
เธอตัดสินใจกลับจวนไปตามชิงเหยียนและเจียงไห่ ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่ก้าวเข้ามาในเรือน สาวใช้คนหนึ่งก็เข้ามารายงานว่าคุณชายกลับมาแล้ว
หืม?
กลับมาแล้ว?
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปในห้อง คนแรกที่เธอเห็นกลับไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งนอนอยู่หลังม่าน หากแต่เป็นอิ่งสือซันซึ่งคอยอารักขาอยู่ด้านข้าง
อวี๋หวั่นตกตะลึง
อิ่งสือซันเห็นอวี๋หวั่น จึงหันมาคำนับครั้งหนึ่ง “สือซันคำนับพระชายา”
“อา” แม้แต่เสียงก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเธอคงไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ อวี๋หวั่นพยักหน้า จากนั้นจึงเลิกม่าน เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังหลับสบาย หัวใจซึ่งเมื่อครู่หล่นลงไปถึงตาตุ่มก็กลับมาที่เดิม
“อย่าหนีออกไปเที่ยวเล่นอีก เข้าใจไหม?” อวี๋หวั่นพึมพำ มือพลางจัดผ้าห่มให้เยี่ยนจิ่วเฉา
อิ่งสือซันเอ่ยขึ้นว่า “ข้าตามหาคุณชายได้”
เพราะฉะนั้นต่อให้หนีออกไปเที่ยวเล่นก็ไม่เป็นไร
อวี๋หวั่น “…”
เจ้าตามใจคุณชายขนาดนี้จะดีหรือ?
“เจ้าไปพบเยี่ยนจิ่วเฉาที่ไหน?” อวี๋หวั่นถาม
“บนสะพาน คุณชายกำลังดูปลา แล้วก็มีคนมาลอบสังหาร” อิ่งสือซันตอบ
อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเยี่ยนจิ่วเฉาถูกคนลอบสังหาร?”
อิ่งสือซันตอบว่า “เป็นหน่วยกล้าตายสองคน เจ้านายของพวกเขาคงจะอยู่แถวนั้น ข้ารีบพาคุณชายกลับมา จึงไม่ได้สะกดรอยตามไป”
“ไม่ตามไปน่ะดีแล้ว” ความปลอดภัยของเยี่ยนจิ่วเฉาสำคัญที่สุด ส่วนคนร้ายนั้นหนีไปก็ยังตามหาได้ ครั้งแรกไม่สำเร็จ อีกฝ่ายย่อมต้องมาเป็นครั้งที่สอง ถึงพวกเขาจะหาไม่พบ อีกฝ่ายก็คงมาหาถึงที่
สิ่งที่อวี๋หวั่นไม่เข้าใจก็คือจวนตะวันตกถูกจัดการไปแล้ว ใครจะกล้ามาลงมือกับเยี่ยนจิ่วเฉา
คนจากจวนประมุขหญิงหรือ?
การที่เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในหนานจ้าวนั้นไปขัดแข้งขัดขาคนเพียงสองกลุ่มได้แก่จวนตะวันตกและจวนประมุขหญิง หากไม่นับจวนตะวันตก ก็เหลือเพียงจวนประมุขหญิง
สัญชาตญาณบอกอวี๋หวั่นว่าคนร้ายจะต้องอยู่ใกล้ตัวพวกเขา บางทีอีกไม่นานเธอและพวกเขาอาจได้พบกัน
อวี๋หวั่นตัดสินใจพักเรื่องคนร้ายไว้ก่อน “ใช่สิ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าระหว่างทางเป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ที่นี่ แล้วอิ่งลิ่วละ?”
อันที่จริง แผนเดิมของพวกเขานั้นรวนไปหมดตั้งแต่เข้ามาในหนานจ้าว แม้แต่จะติดต่อกับอิ่งสือซันและอิ่งลิ่วก็ยังทำไม่ได้ เธอจึงไม่ได้รับข่าวจากทั้งสองมานานเหลือเกิน เป็นเพราะหาสิ่งที่อาม่าต้องการไม่พบ หรือไม่ก็ไม่พบร่องรอยของพวกเขา
อิ่งสือซันค่อยๆ ตอบทีละคำถาม “ภารกิจสำเร็จแล้วขอรับ ได้หญ้าไร้อาวรณ์และหินอัคนีกำมะถันมาแล้ว อิ่งลิ่วกำลังเก็บห้อง พวกข้าพบกันที่ซีเฉิง จากนั้นจึงไปตามสืบเรื่องของพวกท่าน”
อย่างไรเสียอิ่งลิ่วก็เป็นหน่วยสอดแนม เรื่องการสืบข้อมูล เขาย่อมเก่งกาจกว่าผู้ใด
“พวกเจ้าละ? ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” อวี๋หวั่นถาม
อิ่งสือซันตอบว่า “บาดเจ็บเล็กน้อย ระหว่างทางมาที่นี่ก็เริ่มหายดีแล้ว”
ได้ของมาแล้ว ทั้งสองก็มาถึงอย่างปลอดภัย เช่นนี้อวี๋หวั่นก็วางใจแล้ว
เมื่อนึกบางอย่างออก อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากับอิ่งลิ่วได้เจออาม่าหรือยัง?”
อิ่งสือซันตอบว่า “ยังขอรับ แต่พวกข้าได้เจอนายท่านกับฮูหยินแล้ว”
นายท่านและฮูหยินที่เขาพูดถึงก็คืออวี๋เซ่าชิงและนางเจียง บุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งอุ้มเยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาในจวน บ่าวย่อมต้องรายงานเรื่องนี้ เมื่อก่อนเรื่องเหล่านี้ล้วนแต่ต้องรายงานต่อเห้อเหลียนเป่ยหมิง แต่เห้อเหลียนเป่ยหมิงหมายมั่นปั้นมือจะให้อวี๋เซ่าชิงดูแลเรื่องต่างๆ ในตระกูล ดังนั้นจึงมีหลายเรื่องที่เขาส่งให้อวี๋เซ่าชิงจัดการ
อวี๋เซ่าชิงเดินออกไปดูด้วยตนเอง มีหรือจะจำอิ่งสือซันไม่ได้?
อวี๋หวั่นชะงักไปครู่หนึ่ง “แล้ว…เรื่องสถานะของท่านพ่อข้ากับเยี่ยนจิ่วเฉา…”
อิ่งสือซันพยักหน้า “นายท่านบอกข้าแล้วว่าเขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของเทพสงครามแห่งหนานจ้าว”
อวี๋หวั่นลอบเบ้ปาก ต่อหน้าพวกเขาทำเป็นไม่ยอมรับ ต่อหน้าอิ่งสือซันกลับยืดอกยอมรับ!
อิ่งสือซันพูดต่อ “นายท่านยังบอกอีกว่า ฮูหยินผู้เฒ่าสติวิปลาส คิดว่าคุณชายเป็นหลานชายของตน ห้ามข้าหลุดปากไปเป็นอันขาด”
อวี๋หวั่นอยากจะเบ้ปากให้กว้างถึงสวรรค์ ท่านพ่อปากบอกว่าไม่ยอมรับฮูหยินผู้เฒ่าเป็นแม่ ทำไมต้องมาคอยกังวลว่านางจะเป็นอะไรด้วยละ?
“เหนือความคาดหมายจริงๆ” อิ่งสือซันบอก “แต่ข้าก็คิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องดีต่อตัวคุณชายเหมือนกัน”
คุณชายเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ครั้นไทเฮายังอยู่ นางก็อยากให้ความรักความเอ็นดูกับเขา แต่ก็ไร้ซึ่งหนทาง เมื่อมีฮูหยินผู้เฒ่าและสกุลเห้อเหลียน ก็ทำให้ความรักที่คุณชายขาดหายไปถูกเติมเต็ม
อิ่งสือซันนัยน์ตาเป็นประกาย “เมื่อครู่ข้าได้พบฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่ารักคุณชายมาก”
อายุปูนนี้ ก็ยังเดินถือไม้เท้ามาหาหลานชาย
“ข้าดีใจแทนคุณชายเหลือเกิน” อิ่งสือซันพูดจบ จิตสังหารก็ดูราวกับมลายหายไปในภาพความทรงจำนั้น
อวี๋หวั่นมองออกว่าเขากำลังอารมณ์ดี เป็นสิ่งดีๆ ที่ตนไม่เคยเห็น อวี๋หวั่นอดลอบยิ้มมุมปากไม่ได้ “ข้าก็ว่าอย่างนั้น เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“เพียงแต่ทำต้องทำให้พระชายาลำบากใจแล้ว” อิ่งสือซันบอก
เมื่อครู่ที่ฮูหยินผู้เฒ่ามาหาคุณชาย นางยังดึงอิ่งสือซันไปกระซิบว่าตนมีหลานสะใภ้ที่อัปลักษณ์เหลือเกิน…
…
อวี๋หวั่นและอิ่งสือซันสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง อิ่งลิ่วก็เข้ามา
ก่อนหน้านี้อาม่าให้ทั้งสองไปเสาะหาตัวยาสมุนไพรสองชนิด แบ่งเป็นหญ้าไร้อาวรณ์ซึ่งอยู่ในที่หนาวจัด และ
หินอัคนีกำมะถันซึ่งอยู่บนยอดเขาซึ่งร้อนจัด อิ่งสือซันไปในที่หนาวจัด และอิ่งลิ่วขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งร้อนสุดขีด
ยอดเขาซึ่งร้อนจัดนั้นอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟแห่งหนึ่ง ต้องเดินทางข้ามทะเลทรายอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด
อิ่งลิ่วกลับมาอย่างไร้รอยขีดข่วน ทว่าคุณชายผิวขาวเนียนดุจหยกอย่างเขา บัดนี้ได้ผิวไหม้เกรียมไปเสียแล้ว
อวี๋หวั่นแทบจะจำเขาไม่ได้ในครั้งแรกที่เห็น
ไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นรู้สึกไปเองหรือเปล่า อิ่งลิ่วดูเหมือนจะสูงขึ้น แต่ก็มิได้สูงใหญ่เท่าอิ่งสือซัน
อวี๋หวั่นเดินนำทั้งสองไปยังชีสยาย่วน
“อาม่า อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วกลับมาแล้ว” อวี๋หวั่นเดินเข้าไปในห้องของชายชรา
เจียงไห่ ชิงเหยียน และเยว่โกวก็อยู่ในห้อง พวกเขากำลังปรึกษาเรื่องอาเว่ยกันอยู่ เมื่อได้ยินเสียงอวี๋หวั่น พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นอิ่งสือซันผิวขาวผ่องและอิ่งลิ่วผิวไหม้เกรียม ชิงเหยียนก็หลุดปากไปว่า “ดำขาวอย่างกับหยินหยาง!”
อิ่งลิ่วหน้าถอดสี!
ดำตรงไหน? เมื่อครู่เขาไปเทียบกับเด็กน้อยทั้งสามมาแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเด็ก สาม คน นั้น ดำ กว่า เขา!!!
เขานับว่าขาวอยู่นะ!
หึ ถ้ารู้แต่แรก เขาก็คงให้อิ่งสือซันไปหาหินอัคนีกำมะถัน แล้วเขาไปตามหาหญ้าไร้อาวรณ์จะดีกว่า!
น่าเสียดายความหล่อเหลาของเขาเสียจริง!
ที่คุณชายเลือกเขามาเป็นองครักษ์ก็เพราะเขารูปงาม บัดนี้สภาพของเขาดูไม่ได้ คุณชายตื่นมาคงต้อง
รังเกียจเขาเป็นแน่
อิ่งลิ่วจิตใจหมองหม่น
ทั้งสองเข้าไปในห้อง นำหญ้าไร้อาวรณ์และหินอัคนีกำมะถันวางลงบนโต๊ะตรงหน้าอาม่า
“…” อาม่ามีสีหน้าซับซ้อน
เขาก็แค่พูดไปส่งๆ ไม่คิดว่าใต้หล้าจะมีสองสิ่งนี้อยู่จริง…
“อืม ทำได้ดีมาก” ผู้เฒ่ารับหญ้าไร้อาวรณ์และหินอัคนีกำมะถันมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เอาละ ได้เวลาคุยกันเรื่องอาเว่ยแล้ว”
อาม่าใช้ความสามารถและกลยุทธ์ที่แยบยลเช่นนี้ก้าวขึ้นมาเป็นนักบวชแห่งเผ่าปีศาจอย่างไรเล่า!
เมื่ออาม่าพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงลืมถามไปเสียสนิทว่าหญ้าไร้อาวรณ์และหินอัคนีกำมะถันนำมาใช้รักษาพิษของเยี่ยนจิ่วเฉาได้อย่างไร พวกเขาต่างคิดเพียงว่าการช่วยอาเว่ยไม่อาจรอช้าได้
“หลังจากที่อาเว่ยถูกจับกลับไปยังสำนักราชครู ก็คงจะยังอยู่ในนั้น” เจียงไห่หยิบแผนที่สำนักราชครูออกมา แล้วชี้ไปยังอาคารซึ่งอยู่ตรงกลาง
ชิงเหยียนบอกว่า “เจ้าเก่งมาก เข้าไปไม่กี่วันก็วาดแผนที่สำนักราชครูออกมาได้แล้ว”
น้อยครั้งนักที่ชิงเหยียนจะเอ่ยปากชมเขา ไหนเลยจะรู้ว่าเจียงไห่กลับตอบว่า “แผนที่นี้หวั่นเฟิงให้มา”
“…” ชิงเหยียนพลันรู้สึกว่า ‘ข้าไม่น่าชมเลย’
ที่จริงก็เป็นเป็นเพราะอิ่งสือซันและอิ่งสิ่วมาไม่ทันช่วงเวลาปกติ พวกเขามาในช่วงที่อาเว่ยถูกจับไปพอดี ต่อให้จะต้องไล่เลียงเรื่องราวก่อนหน้ามากเท่าใด ก็คงต้องรอให้ช่วยอาเว่ยออกมาก่อนค่อยว่ากัน
“ผู้ที่จับอาเว่ยไปไม่น่าจะเป็นยอดฝีมือธรรมดา” เจียงไห่นึกถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น ตอนนั้นคนผู้นั้นมิได้อยู่ใกล้พวกเขา ห่างกันประมาณหนึ่งรถม้าเห็นจะได้ แต่จิตสังหารที่กำจายออกมาจากร่างนั้นยากที่จะต้านทาน พวกเขารู้สึกราวกับร่างถูกยึดไว้กับที่ จิตใจรู้สึกประหนึ่งกำลังจะคุ้มคลั่ง หากไม่ใช่เพราะอาเว่ยใช้กำลังภายในผลักพวกเขาออกไป เจียงไห่คิดว่าพวกตนคงจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นั่นเสียแล้ว
“ครั้งนี้ก็อาจเผชิญหน้ากับเขา” ชิงเหยียนกล่าวด้วยความหวาดกลัว
อิ่งสือซันนัยน์ตาลุกโชติช่วง “คนผู้นี้ ข้าจัดการเอง”
พวกเขาปรึกษากันเรื่องยุทธวิธี หลังจากนั้นก็กลับห้องไปสวมชุดอำพราง
รถม้าที่ใช้เป็นรถม้าของอิ่งสือซันและอิ่งลิ่ว ไม่มีสัญลักษณ์ของจวนสกุลเห้อเหลียน ถ้าหากถูกจับ ก็ไม่อาจสาวถึงสกุลเห้อเหลียนได้
ทว่าขณะที่พวกเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น เด็กน้อยทั้งสามก็เดินเตาะแตะออกมา ในมือของพวกเขามีขวดนมซึ่งเพิ่งดื่มไปได้เพียงครึ่งเดียว
เด็กน้อยทั้งสามดื่มนม แล้วปีนขึ้นไปบนรถม้า
…………………………….