หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 160.1 ทำเองรับเอง (1)
เมิ่งอี๋เหนียงเข้ามาอยู่ที่จวนสกุลเซียวเมื่อสิบห้าปีก่อน นางเป็นบุตรีของตระกูลที่มีเกียรติ ทว่าครอบครัวไม่อาจหาการแต่งงานที่เหมาะสมกับนางได้ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวยไม่ชอบนาง ส่วนตระกูลคนสามัญธรรมดานางก็ไม่ชอบ ไปๆ มาๆ อายุก็ล่วงเลยผ่านวัย สมัยราชวงศ์ต้าโจวสตรีแต่งงานช้ากว่าสมัยราชวงศ์ก่อน ทว่าสตรีที่อายุมากกว่าสิบเจ็ดที่ยังไม่ได้แต่งงานมีไม่มากนัก นางจึงเริ่มกังวลเรื่องการแต่งงานมากขึ้นเรื่อยๆ มารดาของนางจึงพาไปเสี่ยงสัตย์อธิษฐานขอการแต่งงาน และนางก็จับได้คำทำนายที่ดี นางดีใจมาก คิดว่าเรื่องการแต่งงานต้องลงเอยด้วยดี และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ระหว่างทางกลับบ้านนางถูกหัวขโมยดักปล้น แต่ก็ถูกองครักษ์ตระกูลเซียวที่ผ่านมาช่วยเหลือไว้
ถึงวันนี้นางก็ยังจำบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ ดูราวกับสัตว์ร้ายที่พร้อมตะครุบเหยื่อผู้นั้นได้ แค่นางมองเขาจากระยะไกลก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว บุรุษผู้นี้น่ากลัวกว่าหัวขโมยหลายเท่า หากได้เขาเป็นคู่ครองก็คงสามารถป้องกันนางได้เป็นอย่างดี
ทว่าท้ายที่สุดบุรุษผู้นั้นไม่แม้แต่ชายตาแลนางตรงๆ กลับเป็นคุณชายร่างกายผอมเพรียวดูสง่างามผู้หนึ่งที่เดินลงมาจากรถม้าข้างๆ คุณชายผู้นั้นถามนางว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ต้องการหมอหรือไม่ ภาพนางน้ำตาไหลอาบแก้มตกอยู่ในสายตาของคุณชายผู้นั้น ในดวงตาของเขาพลันฉายแววประหลาดที่ไม่อาจเก็บซ่อนได้
เมิ่งอี๋เหนียงได้รู้ในภายหลังว่าบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นั้นคือเซียวเจิ้นถิง แม่ทัพใหญ่เซียวผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนบุรุษผอมเพรียวสง่างามผู้นั้นเป็นพี่ชายคนโตของเซียวเจิ้นถิง เขาแต่งงานมีภรรยาไปแล้ว
เมิ่งอี๋เหนียงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เห็นอยู่ว่าองครักษ์ของเซียวเจิ้นถิงเป็นคนช่วยนาง แล้วเหตุใดคนที่ถูกใจนางจึงไม่ใช่เซียวเจิ้นถิง
ถ้าหากนางได้แต่งงานกับเซียวเจิ้นถิง นางก็คงได้เป็นฮูหยินเซียวจริงๆ จังๆ ไปแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มี ‘ถ้าหาก’ เกิดขึ้นจริง ไม่กี่วันต่อมา มามาของสกุลเซียวก็มาที่บ้านตามคำสั่งของนายท่านใหญ่เซียว และถามนางว่าจะยินยอมแต่งเข้าจวนเป็นอี๋เหนียงหรือไม่
หากเทียบกับแต่งงานเป็นภรรยาบ้านๆ ของตระกูลสามัญชนตัวเล็กๆ แน่นอนว่านางเต็มใจเข้าไปนอนบนกองเงินกองทองและยศทรัพย์อำนาจที่ไม่มีสิ้นสุดของจวนสกุลเซียวมากกว่า ทว่านางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทายาทสกุลเซียวไม่ใช่นายท่านของนาง ความสง่างามนั้นก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก นายท่านใหญ่เซียวมีนิสัยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ได้เอ่ยถึงทำการใดก็ไม่สำเร็จ แต่ยังสร้างปัญหาให้กับสกุลเซียวไม่เว้นแต่ละวัน ทว่าอย่างไรเสียนางก็มาแล้ว คิดถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
โชคดีที่เซียวเจิ้นถิงมีนิสัยให้อภัยคน ไม่ว่าพี่ชายจะเละเทะอย่างไร ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะแยกพี่น้องออกจากครอบครัว นางคิดว่าขอเพียงนางให้กำเนิดบุตรชายมากๆ บุตรสาวน้อยๆ กับนายท่าน ต่อไปนางคงไม่ต้องกังวลกับชีวิตในสกุลเซียวอีก ทว่านางกลับไม่มีโชคถึงเพียงนั้น หลังจากให้กำเนิดเซียวจื่อหลิน นางก็ไม่เคยตั้งครรภ์อีกเลย
เซียวจื่อหลินเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของนาง นางทุ่มเทใจทั้งหมดให้กับบุตรสาวคนนี้ ทว่าหลังเกิดปัญหาที่จวนเฉิงอ๋อง ฮูหยินใหญ่ก็ใช้กฎครอบครัวลงโทษ ตีมือบุตรสาวของนางจนบวม และยังให้บุตรสาวของนางคุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพบุรุษอันหนาวเหน็บ บุตรสาวของนางตกใจกลัวจนป่วยหนัก กระทั่งวันนี้อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น
เมิ่งอี๋เหนียงเกลียดฮูหยินใหญ่ที่โหดเหี้ยม และเกลียดอวี๋หวั่นที่แสนเจ้าเล่ห์ แต่นางเคยสัมผัสกับกลเม็ดของฮูหยินใหญ่ จึงไม่มีความกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับฮูหยินใหญ่ ทว่าอวี๋หวั่นที่ยังดูเยาว์วัย ได้ยินมาว่าเพราะปีนขึ้นเตียงถึงได้แต่งเข้าจวนคุณชาย ไม่ว่าจะมองอย่างไรดรุณีผู้นี้ก็ดูดีแต่เปลือกนอกเท่านั้น อีกไม่นานนางจะจัดการให้ได้ลิ้มรสชะตากรรมของการกลั่นแกล้งบุตรสาวของนางอย่างงาม!
อวี๋หวั่น เซียวจื่อเยว่และคนอื่นๆ เดินเข้าไปใต้ซุ้มองุ่น องุ่นสดพวงใหญ่ห้อยอยู่ใต้กิ่งใบสีเขียว องุ่นเหล่านี้กระจุกอยู่ตามทางเดินไม้ที่อากาศถ่ายเทและเงียบสงบ เมื่อคนรับใช้รู้ว่าพวกนางจะมา ก็ได้จัดเตรียมบันไดและเก้าอี้ไม้ตัวเล็กไว้พร้อมแล้ว
พระชายาเฉิงอ๋องมีวรยุทธ์ ไหนเลยจำเป็นต้องใช้ของเหล่านี้? เพียงนางเหวี่ยงแส้ไป พวงองุ่นก็ตกถึงมือแล้ว
“โห!” พี่น้องสตรีต่างอ้าปากค้างด้วยความอิจฉา
พระชายาเฉิงอ๋องมีความสุขออกหน้าออกตา ใช้แส้เก็บองุ่นมาอีกสองสามพวงจนทุกคนต้องอิจฉา
“พวกเราก็ไปเก็บกันเถิด” เซียวจื่อเยว่กล่าว
ซุ้มองุ่นไม่ได้สูงนัก รูปร่างอย่างฝูหลิงแค่เอื้อมมือเก็บก็ถึง สตรีที่มีความสูงปกติใช้แค่เครื่องมือเล็กๆ น้อยๆ บันไดมีคนรับใช้ช่วยพยุง ทว่าก็ยังมีสตรีที่ไม่กล้าขึ้นไป จึงทำเพียงยืนอยู่บนเก้าอี้ไม้เล็กๆ เท่านั้น
เซียวจื่อเยว่ขี้กลัวมาก เดิมทีนางหมายจะยืนเก็บองุ่นบนเก้าอี้เท่านั้น ทว่าเมื่อเห็นอวี๋หวั่นยืนอยู่บนบันไดอย่างใจเย็น นางก็อยากใช้บันไดบ้าง สตรีรับใช้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งสองคนยึดบันไดเข้ากับเสา และกางขาทั้งสี่ข้างอย่างมั่นคง
เซียวจื่อเยว่เหยียบขึ้นไปด้วยความระมัดระวังและตัดองุ่นพวงแรกด้วยกรรไกร
อวี๋หวั่นตัดมาแล้วเจ็ดแปดพวง เธอเคยทำงานในสวน แน่นอนว่าการเก็บองุ่นไม่ใช่สิ่งที่บุตรีชนชั้นสูงที่ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติมั่งคั่งร่ำรวยจะเทียบได้ เธอเก็บมาพอสมควรแล้ว พลันหันศีรษะไปเห็นเซียวจื่อเยว่กำลังมองมาที่ตนด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ เธอจึงคิดและยื่นพวงองุ่นที่เพิ่งตัดไปให้นาง
เซียวจื่อเยว่คลี่ยิ้มราวกับได้รับลูกอมหวานที่นางโปรดปราน พลันยื่นตะกร้าไปรับด้วยใบหน้าแววตาที่เปื้อนยิ้ม
ด้วยความช่วยเหลือจากอวี๋หวั่น ตะกร้าของเซียวจื่อเยว่ก็หนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พี่อวี๋ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย!” พี่น้องสตรีแซ่จางยื่นตะกร้ามาให้อวี๋หวั่น
เซียวจื่อเยว่เรียกอวี๋หวั่นว่าพี่สะใภ้ ทว่าพี่น้องสตรีไม่อาจเรียกตามนางว่าพี่สะใภ้ได้ จึงเปลี่ยนไปเรียกพี่อวี๋ เพราะคำเรียกเช่นนี้ดูสนิทสนมมากกว่าพระชายาซื่อจื่อ
“ได้สิ” อวี๋หวั่นตัดพวงหนึ่งยื่นให้นาง
“ข้าๆๆ…ข้าก็อยากได้เหมือนกัน!” พี่น้องสตรีอีกคนเดินเข้ามา
“นี่ของเจ้า!” ยังไม่ทันที่อวี๋หวั่นจะตัดให้นาง พระชายาเฉิงอ๋องก็เหวี่ยงแส้และองุ่นสดพวงหนึ่งก็ตกลงไปในตะกร้าของนางอย่างแม่นยำ
“พระชายาเฉิงอ๋อง พระชายาเฉิงอ๋อง!” พี่น้องสตรีผู้นี้วิ่งไปหาพระชายาเฉิงอ๋อง
ด้วยความช่วยเหลือของอวี๋หวั่นกับพระชายาเฉิงอ๋อง ตะกร้าของทุกคนเต็มไปด้วยองุ่นสดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้เก็บเอง แต่พวกนางก็รับมันด้วยตนเอง! สนุกกว่าการปาลูกดอกลงเป้าเป็นไหนๆ!
“เราไปทำสุรากันเถิด!” เซียวจื่อเยว่กล่าวด้วยความยินดีปรีดา
ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
ผู้ชำนาญด้านสุราที่ได้รับเชิญในครั้งนี้เป็นบุตรสาวเจ้าของโรงกลั่นสุราในเมืองหลวง นางมีอายุมากกว่าพวกนางสองสามปี ว่ากันว่าที่บ้านนางกำลังตามหาลูกเขย และทุกวันนี้ก็สืบทอดกิจการของบิดา เพราะเป็นสตรี ฮูหยินใหญ่เซียวจึงยกเว้นให้เซียวจื่อเยว่เชิญเข้ามาในจวนได้ แต่สถานที่ในการทำสุราไม่อาจเป็นเรือนเฉียงเวยของเซียวจื่อเยว่ได้
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า นั่นเป็นเรือนส่วนตัวของบุตรสาว ไม่ใช่ทุกคนในชนชั้นล่างที่จะสามารถเข้าไปได้
“ที่ห้องปี้สยา” เซียวจื่อเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ห้องปี้สยาอยู่ด้านทิศตะวันตกของจวนสกุลเซียว ไม่ห่างจากห้องครัวใหญ่นัก และเดินทางผ่านสวนผักแปลงหนึ่ง
สวนผักของจวนสกุลเซียวถูกปลูกโดยคนรับใช้ในยามว่าง ซั่งกวนเยี่ยนไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายในส่วนนี้
“นั่นคืออันใดหรือ?” พี่น้องสตรีผู้หนึ่งถาม
นางชี้ไปที่ลูกแมวที่กลิ้งไปมาอยู่ในสวนผัก อวี๋หวั่นสังเกตเห็นลำต้นพืชที่ลูกแมวตะปบเล่น อวี๋หวั่นกล่าวว่า “มันคือใบมันเทศ สามารถนำไปทำอาหารได้”
“หือ?” เซียวจื่อเยว่ประหลาดใจ “นั่นทำอาหารได้ด้วยหรือ?”
อวี๋หวั่นพยักหน้า ยามนี้เป็นฤดูกาลกินใบมันเทศ นำมาผัดกระเทียมกับน้ำมันพืช รสชาติดีกว่าผักตามฤดูกาลอื่นๆ เธอจำได้ว่าตอนเด็กๆ ที่บ้านคุณป้าของเธอมีทุ่งมันเทศขนาดใหญ่ พอถึงฤดูร้อนคุณป้าก็จะเก็บใบมันเทศมาผัดให้เธอกิน ถ้ากินไม่หมดก็ยังนำไปเป็นอาหารหมูได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เซียวจื่อเยว่ไม่เคยกินมาก่อน ทว่าพี่สะใภ้ของนางบอกว่ากินได้ เช่นนั้นก็ต้องกินได้อย่างแน่นอน
เซียวจื่อเยว่เรียกหลิงจือมา “เจ้าไปบอกให้พ่อครัวผัดใบมันเทศ”
“หือ?” หลิงจือผงะ นั่นมันไม่ใช่อาหารเลี้ยงหมูหรอกรึ? แต่ในเมื่อคุณหนูรองอยากกิน นางก็จะไปบอกให้พ่อครัวทำ
ในโลกของคุณหนูบุตรีชนชั้นสูงนางไม่เข้าใจ…
หลิงจือนำเรื่องไปบอกห้องครัว ห้องครัวก็รีบทำตามทันที
อีกด้านหนึ่ง สาวใช้ที่เมิ่งอี๋เหนียงส่งไปสะกดรอยก็กลับมา และรายงานเบาะแสในช่วงเช้าของสตรีกลุ่มนั้นโดยละเอียด
เซียวจื่อหลินอยู่ที่นั่นด้วย เมื่อได้ยินว่าพี่สาวกับพวกนางไปเก็บองุ่นมาทำสุรา นางก็อิจฉาจนแทบเป็นบ้า งานรวมตัวที่สนุกสนานเช่นนี้ พี่รองก็ยังไม่เรียกนาง!
เมิ่งอี๋เหนียงคิดในใจ คนบ้านนอกก็คือคนบ้านนอก เอาอาหารหมูมาผัดให้บุตรีตระกูลใหญ่กิน ก็ดี ทำให้คนพวกนั้นเสียท้อง แล้วมาดูว่าเธอจะลงเอยอย่างไร!
คนกลุ่มนี้หมางเมินบุตรสาวนาง ก็สมควรที่จะได้รับแบบนี้!
………………………………..