หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 161.2 น้ำลดตอผุด (2)
จู่ๆ พ่อครัวก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจำได้แล้ว! คนรับใช้ของเมิ่งอี๋เหนียงไปเร่งอาหารที่ห้องครัว!”
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า” ฮูหยินใหญ่เซียวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าเมิ่งอี๋เหนียง ก่อนจะวาดฝ่ามือตบหน้าฉาดใหญ่!
“นางคนนี้! ทำร้ายเซียวจื่อเยว่ครั้งเดียวยังไม่พอ ยังไม่ทันไร ก็กล้าทำครั้งที่สอง! ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่พอใจข้า ที่ข้าลงโทษบุตรสาวของเจ้า เจ้าจึงคิดจะสั่งสอนข้า!”
เซียวเหยี่ยนไม่อยู่แล้ว บุตรของนางจึงเหลือเพียงเซียวจื่อเยว่ นางคนนี้ก็ไม่ต้องการเห็นนางได้ดี!
เมิ่งอี๋เหนียงไม่คิดว่าตนจะละเลยช่องโหว่ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าฟ้ามีตา หาใช่คำกล่าวที่ไร้เหตุผล
ใบหน้าของนางปูดบวม นางคลานไปแทบเท้าฮูหยินใหญ่เซียวและเอ่ยด้วยเสียงแข็งว่า “ฮูหยิน ข้าไม่ได้ทำ!”
“ไสหัวไป!” ฮูหยินใหญ่เซียวยกขาเตะนางออกไป
ฮูหยินใหญ่เซียวไม่เชื่อนาง หากเมิ่งอี๋เหนียงเป็นคนดีก็คงไม่ให้ท่าสามีของนาง สามีของนางก็ไม่ได้บังคับเมิ่งอี๋เหนียง แต่เป็นเมิ่งอี๋เหนียงเองที่ยินยอมเป็นอนุภรรยาด้วยความเต็มใจ ต้องการแย่งบุรุษไปจากนาง!
วันนี้โชคดีที่นายท่านใหญ่ลุ่มหลงในกามคุณ แย่งจานมาโดยไม่ตั้งใจ ไม่เช่นนั้นคงเข้าไปอยู่ในท้องของบุตรสาวแล้ว ไม่รู้ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง บุตรสาวจะเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงตอนนี้ ฮูหยินใหญ่เซียวก็เริ่มอยากฆ่าเมิ่งอี๋เหนียงขึ้นมา
ฮูหยินใหญ่เซียวหยิบถ้วยบนโต๊ะปาใส่เมิ่งอี๋เหนียงอย่างโหดเหี้ยม ศีรษะของเมิ่งอี๋เหนียงถูกกระแทกจนแตก เลือดสีแดงก็ไหลออกมาทันที
เซียวจื่อหลินตกใจร้องไห้ คุกเข่าลงกอดขาฮูหยินใหญ่เซียว “แม่ใหญ่! อี๋เหนียงเป็นผู้บริสุทธิ์! ท่านปล่อยนางไปเถิด…”
“ลากออกไป!” ฮูหยินใหญ่เซียวออกคำสั่ง มามาผู้มีพละกำลังสามารถด้านวรยุทธ์ก้าวไปข้างหน้า และดึงตัวเซียวจื่อหลินออกไป
เมื่อพบตัวคนร้าย ซั่งกวนเยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป นางดึงเซียวเจิ้นถิงเดินออกจากเรือนของเมิ่งอี๋เหนียง
“เห็นแล้วกระมัง” จู่ๆ เซียวเจิ้นถิงก็เอ่ยปาก หลังจากเดินจากมา
ซั่งกวนเยี่ยนผงะ “อันใดหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงเหลือบมองนาง “หากมีสตรีมากเกินไปหลังบ้านก็จะไม่สงบ ผู้ใดกันที่วางยาและยัดเยียดสตรีให้ข้าเมื่อไม่นานมานี้?”
เวลานี้มาเปิดบัญชีเก่าเมื่อแปดร้อยปีก่อนรึ? ช้าก่อน คงไม่ใช่ว่าในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวหึงหวงที่นางนึกถึงเยี่ยนอ๋องต่อหน้าอวี๋หวั่นกระมัง?
ซั่งกวนเยี่ยนแก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหา “เอ่อ ข้า…”
เซียวเจิ้นถิงใช้สองแขนรวบตัวนางขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง และรีบร้อนสาวเท้าเดินกลับเรือน บรรดาคนรับใช้ต่างก้มหน้า หลบตา ไม่มองคนทั้งคู่
ซั่งกวนเยี่ยนใช้มือตีเขา “ปล่อยข้าลง!”
“ปล่อยรึ! นับตั้งแต่วันที่ข้าแต่งงานกับเจ้า ข้าก็ไม่เคยคิดจะปล่อยเจ้าแล้ว!”
“ท่าน!”
เซียวเจิ้นถิงอุ้มนางเข้ามาในห้อง และยกเท้าขึ้นปิดประตู
ซั่งกวนเยี่ยนทั้งเขินทั้งอาย “เซียวเจิ้นถิง! กลางวันแสกๆ ท่านเป็นบ้าอันใด?”
เซียวเจิ้นถิงรู้ว่าเขาเป็นคนไร้การศึกษา ไม่คู่ควรกับสตรีที่บอบบางเช่นนี้ เขายังรู้ว่าในใจของนางมีเยี่ยนอ๋องอยู่ เขาไม่อาจบังคับให้นางลืมเยี่ยนอ๋องได้ แต่เขาหวังว่าขอมีเพียงชั่วครู่หนึ่งที่นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ก็พอ
“เซียวเจิ้นถิง ท่าน…อื้อ…”
คำพูดด้านหลัง ถูกเซียวเจิ้นถิงกลืนลงไป
ร่างกายที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์มาตลอดหลายปี ทำให้เขาร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงกำยำ ซั่งกวนเยี่ยนเปรียบเสมือนดอกตูมเล็กๆ ที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ เบ่งบานราวกับร้องไห้คร่ำครวญท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ
…
ณ ห้องปี้สยา สตรีญาติทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ในวันธรรมดาพวกนางมักจะอยู่ในห้องส่วนตัว ไม่ได้ออกไปไหนมาไหน ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวจึงไม่ค่อยอยากอาหารมากนัก ทว่าวันนี้ทำงานจนเหนื่อย ไม่ว่าทานอะไรก็รู้สึกหอมหวนไปเสียหมด และแน่นอนว่าอาหารก็อร่อยมากโดยเฉพาะใบมันเทศสองสามจานนั้น อร่อยจนไม่อาจหยุดกินได้
“ข้าไม่รู้ว่าในจวนของเราจะมีหรือไม่” พี่น้องสตรีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น พวกนางต่างก็เป็นบุตรีที่ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติมั่งคั่งร่ำรวย ในวันธรรมดาสนใจอยู่แค่นั้น ไหนเลยจะมาสนใจว่ามีคนในจวนปลูกมันเทศหรือไม่?
เซียวจื่อเยว่ยิ้มหวานและกล่าวว่า “จวนสกุลเซียวปลูกอยู่เยอะ เต็มไปด้วยทุ่งผัก ประเดี๋ยวข้าจะให้คนรับใช้ไปเก็บมาให้เจ้าเอากลับบ้าน!”
“ข้าเกรงใจยิ่งนัก” พี่น้องสตรีกระแอมไอเบาๆ
“แค่ผักไม่กี่ใบ เจ้าก็ยังเกรงใจข้าหรือ?” เซียวจื่อเยว่เรียกหลิงจือและให้นางตามคนรับใช้ที่มีพละกำลังสองสามคน ไปเก็บใบมันเทศมาสองสามตะกร้า สำหรับพี่สะใภ้ พระชายาเฉิงอ๋อง และพี่น้องสตรีนำกลับไป
อวี๋หวั่นได้กินใบมันเทศในชนบทอยู่ไม่น้อย ทว่าในเมื่อเป็นน้ำใจของเซียวจื่อเยว่ จึงรับไว้ทันที
สุราองุ่นที่ทำไว้ เซียวจื่อเยว่ก็สั่งให้คนรับใช้ปิดผนึกให้พวกนางนำกลับไปที่บ้าน “ผู้ชำนาญด้านสุราบอกว่า หลังจากนี้อีกสองเดือนก็จะดื่มได้แล้ว”
เดิมทีอวี๋หวั่นคิดว่าเป็นเพียงการเข้าสังคมครั้งหนึ่งเท่านั้น ไม่คิดว่าจะสนุกและมีความสุขเช่นนี้ พระชายาเฉิงอ๋อง และพี่น้องสตรีก็มีความสุขมากเช่นกัน เซียวจื่อเยว่ไม่ลืมที่จะนำแตงหวานที่อวี๋หวั่นส่งมา หั่นและวางบนก้อนน้ำแข็ง เมื่อแตงหวานๆ เย็นๆ เข้าปาก ความร้อนของวันหนึ่งก็พลันหายไปหมดสิ้น
“ที่จวนของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของข้าปลูก!” เซียวจื่อเยว่เอ่ยด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติ
เด็กช่างกินตัวน้อยมองไปที่อวี๋หวั่นด้วยสายตาทอประกาย ความหมายนั้นค่อนข้างชัดเจน
อวี๋หวั่นยิ้มและเอ่ยว่า “หากไม่รังเกียจ วันหน้าข้าจะเป็นเจ้าภาพเชิญพวกเจ้ากับเซียวจื่อเยว่ไปนั่งเล่นที่จวนคุณชาย”
เหล่าเด็กช่างกินรีบพยักหน้า!
“ข้า…อาจจะไม่มีเวลาแล้ว” พระชายาเฉิงอ๋องทอดสายตามองไปบนท้องฟ้า
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องมา” อวี๋หวั่นเอ่ย
ใบหน้าพระชายาเฉิงอ๋องดำมืด!
ขณะที่ฝั่งนี้กำลังพูดคุยกัน สาวใช้ของฮูหยินใหญ่เซียวก็มา เพราะนายท่านใหญ่เซียวท้องเสียไม่หยุด ผงเผิงรุ่นถู่ของหมอประจำจวนไม่อาจช่วยได้ ฮูหยินใหญ่เซียวนึกถึงอวี๋หวั่นขึ้นมา จึงรีบสั่งสาวใช้คนสนิทไปเชิญเธอมารักษาอาการของนายท่านใหญ่เซียว แน่นอนว่าความน่าเกลียดภายในไม่ควรให้ภายนอกรู้ ฮูหยินใหญ่เซียวไม่ได้บอกว่านายท่านใหญ่เซียวถูกอี๋เหนียงทำร้ายโดยไม่ตั้งใจ บอกเพียงว่าตนเข้าใจผิดไม่คิดว่าเป็นสลอด
อวี๋หวั่นและสาวใช้ของฮูหยินใหญ่เซียวไปที่เรือนของเมิ่งอี๋เหนียง
เซียวจื่อเยว่เป็นห่วงบิดาของนางจึงขอตามไปด้วย
ขณะที่อวี๋หวั่นจับชีพจรของนายท่านใหญ่เซียว ก็ถามหมอว่าได้ให้ยาใดไปบ้าง
“เผิงรุ่นถู่” ท่านหมอกล่าว
ผงเผิงรุ่นถู่ หรือที่เรียกว่าเหมิงทัวสือ เป็นแร่อโลหะตามธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตราย มีฤทธิ์ต้านอาการท้องร่วงได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นการจ่ายยารักษาที่ตรงจุด
“ข้าจะลองจ่ายยาอื่น” อวี๋หวั่นนำใบสั่งยาที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้ท่านหมอ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับฝูหลิง “ไปหยิบล่วมยาในรถม้ามา”
ฝูหลิงเดินเสมือนบินไปที่รถม้า ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับล่วมยาของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นเปิดล่วมยา หยิบเข็มทองออกมาฝังเข็มให้นายท่านใหญ่เซียว เมื่อทางนี้ฝังเข็มเสร็จแล้ว ยาที่สั่งไปก็เตรียมเสร็จพอดี
ในที่สุดอาการท้องร่วงของนายท่านใหญ่เซียวก็หยุดลง ทว่าก็อาการก็หนักหนาสาหัสนัก เกรงว่าเขาจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้เป็นเวลาสิบวันหรือครึ่งเดือน
เมิ่งอี๋เหนียงตกตะลึงแข็งทื่อไปทั้งตัว นางคิดจะสั่งสอนบทเรียนให้อวี๋หวั่น แต่เหตุใดจึงทำให้นางกลับกลายมาเป็นผู้มีบุญคุณของนายท่านใหญ่ไปเสีย?
“ขอบคุณท่านมาก พี่สะใภ้” เซียวจื่อเยว่กล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ
อวี๋หวั่นรู้ว่านางเป็นห่วงบิดา จึงเอ่ยเพื่อช่วยให้นางสบายใจ “นายท่านใหญ่เซียวปลอดภัยแล้ว ประเดี๋ยวให้เขาดื่มน้ำเกลือ วันพรุ่งค่อยดื่มน้ำผสมน้ำตาล ยาสมุนไพรดื่มสม่ำเสมอ เผิงรุ่นถู่ของท่านหมอก็ใช้ต่อได้ ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
เซียวจื่อเยว่พยักหน้าสะอึกสะอื้น
ฮูหยินใหญ่เซียวถอนหายใจ แม้อวี๋หวั่นจะเป็นสะใภ้ของซั่งกวนเยี่ยน ทว่าเธอก็ช่วยบ้านใหญ่ถึงสองครั้ง ไม่ว่านางจะมีปัญหากับซั่งกวนเยี่ยนมากเพียงใด ก็ไม่อาจรู้สึกรังเกียจอวี๋หวั่นได้ นางกล่าวขอบคุณอวี๋หวั่น และให้อวี๋หวั่นอยู่ทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่
อวี๋หวั่นต้องกลับไปทานอาหารเย็นกับสามีที่บ้าน เธอจึงปฏิเสธความหวังดีของฮูหยินใหญ่เซียว “…เริ่มจะเย็นแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน”
“ข้าจะไปส่งพี่สะใภ้!” เซียวจื่อเยว่กล่าวพร้อมกับจับแขนของอวี๋หวั่น
ฮูหยินใหญ่เซียวก็เห็นด้วยกับนาง พยักหน้าให้บุตรสาวไป เพราะนางก็ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อจัดการกับสตรีชั้นต่ำนี่อยู่พอดี!
ทันทีที่อวี๋หวั่นจากไป เมิ่งอี๋เหนียงก็รู้ว่าวันดีๆ ของนางได้สิ้นสุดลงแล้ว นางแสวงหาความรุ่งเรืองอยู่ในจวนมาหลายปี ไม่ต้องบอกว่าไม่เคยคิดร้ายแม้แต่น้อย แต่ที่ผ่านมาไม่เคยน่าสมเพชถึงเพียงนี้ แล้วนางจะกล้ามาสร้างเรื่องได้อย่างไร?
ในอดีตยามเกิดเรื่อง จะมีนายท่านใหญ่คอยปกป้องมาตลอด ทว่ายามนี้นาง ‘ทำร้าย’ เขาอย่างหนักหนา หากต่อไปนายท่านใหญ่ยังมองนางอยู่ก็คงเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว
ทางออกเดียวสำหรับนางในยามนี้ มีเพียงฮูหยิน!
“ฮูหยิน…ฮูหยิน…” เมิ่งอี๋เหนียงคลานเข่าเข้ามากอดแขนของนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา “ฮูหยินโปรดเชื่อข้า ข้าไม่เคยคิดทำร้ายนายท่านจริงๆ!”
“ทว่าเจ้าคิดจะทำร้ายบุตรสาวข้า!” ฮูหยินใหญ่เซียวสะบัดมือนางออกอย่างเย็นชา
…………………………………………………….