หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 163.2 ข้ารักท่าน (2)
อาจเพราะ…ไม่เคยมีสตรีคนใดกล่าวเช่นนี้กับเขา แม้แต่คนที่อยากแต่งงานกับเขา หรืออยากจะมอบร่างกายให้เขา ล้วนคาดหวังว่าพวกนางจะได้รับความรักจากเขา แต่ไม่เคยมีใครคิดว่าเขาก็ต้องการความรัก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ตาม
ข้ารักท่าน
เธอเอ่ย
เยี่ยนจิ่วเฉาหันมาด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ใบหูแดงระเรื่อ “ผู้ใดอยากให้เจ้ารักกัน!”
อวี๋หวั่นใช้การกระทำอธิบายว่าเธอรักเขาอย่างไร
ที่เรือนชิงเฟิงมีอ่างน้ำขนาดใหญ่ หลังจากเดินเล่น เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปแช่น้ำชำระล้างร่างกาย แช่ไปแช่มาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ร่างเพรียวบางว่ายขึ้นจากใต้น้ำช้าๆ กลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำเป็นชั้นๆ ถูกแหวกออก เผยให้เห็นร่างตรงหน้าที่ราวกับเงือกสาวผู้แสนงดงาม
ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
…
…
…
ที่ผ่านมาซื่อจื่อแช่น้ำเพียงหนึ่งเค่อก็ออกมาแล้ว ทว่าวันนี้กลับนานถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม คนรับใช้ต่างมองหน้ากันไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเพียง…เสียงของ…ซื่อจื่อ
เมื่อกลับมาที่ห้อง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นั่นคือทันทีที่อวี๋หวั่นปิดม่านมุ้งคลุมเตียงลงก็ได้ยินเสียงเปาะแปะ ราวกับมีบางอย่างหยดลงมา
ตะเกียงในห้องดับหมดแล้ว
กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
“เยี่ยนจิ่วเฉา!” อวี๋หวั่นรีบยกม่านขึ้นและจุดตะเกียงน้ำมัน ภายใต้แสงสลัวเธอเห็นเลือดหยดที่ไหลออกจากจมูกของเขา และมัน…เป็นสีดำ!
ช่วงที่ผ่านมาอวี๋หวั่นไม่ได้จับชีพจรของเยี่ยนจิ่วเฉา เพราะอย่างไรเสียพิษตู๋โจ้วก็ถูกถอนแล้ว ยาล้างพิษก็ดื่มไปไม่น้อย แล้วผู้ใดจะมาจับชีพจรคนปกติตลอดทั้งวัน?
อวี๋หวั่นจับชีพจรของเยี่ยนจิ่วเฉาอีกครั้ง และแน่นอนว่าเขาถูกวางยา!
ความคิดแรกของอวี๋หวั่นคือพิษตู๋โจ้วยังไม่ได้ถูกถอนออกไปอย่างสมบูรณ์ อย่างที่สองคือหากความสมดุลกลมกลืนของหยินและหยางสามารถล้างพิษได้ เช่นนั้นอย่างไรตอนนี้ก็ไม่ควรออกอาการ หากไม่ใช่พิษตู๋โจ้ว ก็คงมีแต่พิษอื่น?
ทว่ามันก็น่าแปลกมิใช่หรือ? พวกเขาระมัดระวังอย่างดี ผู้ใดจะยังมีโอกาสใส่ยาพิษลงในอาหารของเขา? นอกจากนั้น เธอกับเขาก็กินด้วยกัน อยู่ด้วยกัน เหตุใดเธอถึงไม่ติดพิษไปด้วย?
อวี๋หวั่นใช้เข็มทองคำจิ้มสะกดจุดเยี่ยนจิ่วเฉา ป้องกันไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาผล็อยหลับสนิท
อวี๋หวั่นเรียกอิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วไปที่ห้องตำรา
ทั้งสองประหลาดใจยิ่งกว่าอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ข้าคิดเรื่องนี้แล้ว ในบ้านไม่มีผู้ใดมีโอกาสวางยาเขา ในช่วงหลายวันนี้ที่เขาไปว่าราชการ ไปทำกิจทางการที่เนย์เก๋อ เขาได้ติดต่อกับคนที่ดูน่าสงสัยหรือไม่?”
อิ่งสือซันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่ายศีรษะอย่างเคร่งขรึม “อิ่งลิ่วกับข้า อย่างน้อยต้องมีคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายคุณชาย ไม่พบผู้ใดที่น่าสงสัยเลย”
อวี๋หวั่นเกลียดที่ตนเองมีทักษะทางการแพทย์ที่ต่ำต้อย ไม่อาจวินิจฉัยพิษในร่างกายของเยี่ยนจิ่วเฉาได้ “สือซัน เจ้าไปที่จวนสกุลเซียวที”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยาแก้พิษของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกจัดเตรียมโดยหมอที่เซียวเจิ้นถิงเชิญมา เขาอาจเข้าใจอาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉาได้ดีกว่า
อิ่งสือซันรีบเดินทางไปอย่างไม่หยุดพัก ซั่งกวนเยี่ยนพักผ่อนไปแล้ว เรื่องนี้จึงไม่ได้รบกวนนาง เซียวเจิ้นถิงไปที่จวนเก่าในเมืองหลวงและเชิญหมอชรามา
หมอชราจ่ายยาให้เยี่ยนจิ่วเฉามาหลายปี เขารู้อาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉาดีกว่าคนทั่วไป ทว่าก็ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาติดพิษอะไร จากการตรวจชีพจร ดูเหมือนไม่ใช่พิษที่เพิ่งติดเร็วๆ นี้
“หมายความว่าอย่างไร?” อิ่งลิ่วหน้ามุ่ย
อวี๋หวั่น เซียวเจิ้นถิงและอิ่งสือซันต่างมองไปที่หมอชรา ชายชราก็ลูบเคราพลางกล่าวว่า “ข้าไม่แน่ใจว่าตนเองวินิจฉัยผิดหรือไม่ แม่ทัพใหญ่เซียวกับพระชายาซื่อจื่อเชิญหมอท่านอื่นๆ มาดูอาการของซื่อจื่ออีกทีเถิด”
เชิญหมอท่านอื่นๆ มา? เป็นไปไม่ได้ มีใครบางคนต้องการชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉา ก่อนที่จะจับตัวคนผู้นั้นได้ อาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉายังต้องเก็บเป็นความลับ
เพียงเสี้ยววินาที อวี๋หวั่นก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“ผู้ใดกัน? ดึกดื่นป่านนี้ไม่หลับไม่นอน? เคาะอะไรนักหนา!”
ชุยเฒ่าพลิกตัวคลุมผ้าห่มแล้วหลับไป
เสียงโครมครามดังขึ้น ประตูถูกคนเตะจนเปิดออก สายลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามา ชุยเฒ่าตกใจ รีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง “เจ้าคนสมควรตาย——”
ก่อนที่เสียงจะหยุดลง ดาบยาวเย็นเยียบก็พาดอยู่บนคอของเขาเสียแล้ว
ชุยเฒ่าถูกอิ่งสือซันจับตัวไปยังจวนคุณชาย
อิ่งสือซันเหวี่ยงบุรุษผู้นั้นลงบนพื้นอย่างเย็นชา ชุยเฒ่าล้มลงกับพื้น ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย!”
หลังจากนั้นก็มองเห็นอวี๋หวั่นกับเซียวเจิ้นถิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ดวงตาของเขาก็เกิดประกายวาบผ่าน
สายตาของเซียวเจิ้นถิงที่ตกกระทบใบหน้าของเขา ราวกับมีดคมเล่มหนึ่ง เขารีบหันหลังกลับอย่างหวาดหวั่นราวกับกินปูนร้อนท้อง แต่เซียวเจิ้นถิงก็จำเขาได้ “เจ้าเองรึ?”
อวี๋หวั่นถาม “แม่ทัพใหญ่เซียวรู้จักเขาหรือเจ้าคะ?”
เสียงกำหมัดของเซียวเจิ้นถิงดังสนั่น “หมอหลวงชุย ไม่พบกันนานนะ”
อวี๋หวั่นถึงกับผงะ ตาเฒ่าไร้ประโยชน์ผู้นี้น่ะหรือเป็นหมอหลวง?
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วต่างก็ประหลาดใจพอๆ กับอวี๋หวั่น หมู่บ้านเหลียนฮวาคือสถานที่ใดกันแน่? แค่ตนเองเสือหมอบซ่อนมังกร[1]ก็มากพอแล้ว เหตุใดข้างบ้านยังเป็นรังของหมอหลวงอีก?
หากกล่าวให้ชัดเจน คืออดีตหมอหลวง
เซียวเจิ้นถิงแววตาดุดันราวกับกองเพลิง “เจ้าทำให้หวั่นเจาอี๋ต้องแท้งลูก บัญชีนี้เจ้าคงยังจำได้กระมัง?”
หวั่นเจาอี๋ เป็นพี่สาวแท้ๆ ของนายท่านเซียวอู่
ร่างของชุยเฒ่าค่อยๆ ขดลง
นั่นเป็นบัญชีเก่าที่เกิดขึ้นนานแล้ว ยามนั้นชุยเฒ่าเป็นหมอหลวงอยู่ในวัง และเป็นคนของสวี่เสียนเฟย สวี่เสียนเฟยเป็นสนมที่มีอำนาจและมีความสำคัญ เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ผู้คนล้วนอยากเติบโตอยู่ใต้ปีกของนาง ยามนั้นพี่สาวของนายท่านเซียวอู่ได้เข้าวัง และต่อมาได้ถูกแต่งตั้งเป็นไฉเหริน[2]
รูปลักษณ์ของเซียวไฉเหรินโดดเด่นกว่าใคร ทั้งอ่อนโยนและมีน้ำใจ เขียนลายอักษรสละสลวยงดงามจนได้รับความชื่นชมจากฮ่องเต้ ยังไม่ถึงครึ่งเดือน ฮ่องเต้ก็ทรงแต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยเหริน และผ่านไปอีกครึ่งเดือน ก็แต่งตั้งเป็นเหลียงตี้[3] และจากนั้นก็เป็นผิน หวั่นอี๋ หรงหวา…ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็ว แม้ในขณะที่ท้องของนางยังเงียบสงบก็ได้นั่งตำแหน่งเจี๋ยอวี๋[4]ขั้นสามชั้นเอกแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งเฟยคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ในที่สุดวันแห่งความยินดีก็เกิดขึ้นกับเซียวเจี๋ยอวี๋ แม้ฮ่องเต้ยังไม่ทราบว่าเด็กในครรภ์เป็นบุรุษหรือสตรี ก็แต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยผินสนมขั้นสามเสียแล้ว
แน่นอนว่าสวี่เสียนเฟยไม่ยอมให้นางสนมคนโปรดถือกำเนิดโอรสของฮ่องเต้
เซียวกุ้ยผินหกล้มด้วย ‘อุบัติเหตุ’ ชุยเฒ่าไปตรวจวินิจฉัยหวั่นเจาอี๋ อ้างว่าทารกเสียชีวิตในครรภ์ หากไม่รีบเอาออกจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของมารดา ฮ่องเต้จึงให้ชุยเฒ่าจ่ายยาให้นาง
ยามที่ทารกออกจากครรภ์ เซียวกุ้ยผินได้ยินเสียงร้องอันอ่อนแอของทารกอย่างชัดเจน บุตรของนางมิได้เสียชีวิตในครรภ์ แต่เพราะฤทธิ์ยา จึงทำให้บุตรของนางไม่อาจรอด
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐาน ท้ายที่สุดเซียวกุ้ยผินก็โศกเศร้าตรอมตรม จิตวิปลาสและเห็นภาพหลอน
ฮ่องเต้พยายามเอาอกเอาใจ ปลอบโยนเซียวกุ้ยผินด้วยการเลื่อนขั้นให้เป็นเจาอี๋ขั้นสอง และแต่งตั้งให้เป็นหวั่นเจาอี๋
ทว่าจิตใจที่รับรู้ความผิดชอบชั่วดีของชุยเฒ่าก็ไม่ได้ดำมืดจนถึงที่สุด เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเป็นมีดในมือของสวี่เสียนเฟยได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหมอหลวง ด้วยข้ออ้างว่ามารดาไม่สบายหนัก สวี่เสียนเฟยจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? แต่ชุยเฒ่ามีไพ่สำคัญอยู่ในมือ หากนางไม่ปล่อยเขาไป เขาก็มีวิธีที่จะส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้หวั่นเจาอี๋ ทว่าตราบใดที่สวี่เสียนเฟยปล่อยเขาไป เขาก็จะเก็บความลับนี้ให้ตายไปกับเขา
โดยปกติแล้วสวี่เสียนเฟยไม่มีทางหวั่นไหวกับคำขู่ของเขา แต่เป็นเยี่ยนไหวจิ่งที่ปล่อยเขาไป เยี่ยนไหวจิ่งให้เขาสาบานว่านับจากนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่ใช้ทักษะการแพทย์ของสกุลชุยอีก
อวี๋หวั่นกล่าว “มิน่าล่ะรักษาคนในหมู่บ้าน ก็ไม่เคยรักษาหายแม้แต่คนเดียว”
ชุยเฒ่าเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ “จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็แล้วแต่พวกเจ้า มันคือบาปของข้า ข้ายอมรับแล้ว”
อวี๋หวั่นมองไปที่เขา “ท่านคิดว่าเราจับท่านมาเพื่อชำระแค้นหรือ?”
ชุยเฒ่าผงะ “…ไม่ ไม่ใช่รึ?”
เช่นนั้นเหตุใดเซียวเจิ้นถิงถึงมาที่นี่!
เซียวเจิ้นถิงเป็นพี่ใหญ่ร่วมสาบานของนายท่านเซียวอู่ไม่ใช่หรือ?
หากเขาจำไม่ผิด ในยามนั้นก่อนที่หวั่นเจาอี๋จะเข้าวังได้ไปมาหาสู่กับสกุลเซียวอยู่ไม่น้อย ฮูหยินใหญ่เซียวถูกอกถูกใจหวั่นเจาอี๋มาก ในเวลานั้นหลายคนต่างคาดเดาว่าหวั่นเจาอี๋คงจะแต่งงานกับเซียวเจิ้นถิง แต่เมื่อได้รู้ว่านางเข้าวังทุกคนต่างประหลาดใจ
ไม่ต้องกล่าวถึงการละทิ้งความสัมพันธ์นี้ เซียวเจิ้นถิงกับนายท่านเซียวอู่เปรียบเสมือนพี่น้อง เช่นนั้นในความรู้สึกของเซียวเจิ้นถิงก็คงเห็นหวั่นเจาอี๋เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเช่นกัน
เขาทำร้ายน้องสาวแท้ๆ ของเซียวเจิ้นถิง เซียวเจิ้นถิงอาจจะฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้หวั่นเจาอี๋ก็เป็นได้…
เมื่อชุยเฒ่าคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าตนเองคงใกล้ถึงที่ตายแล้ว
…………………………………………………….
[1] เสือหมอบซ่อนมังกร อุปมาถึงผู้มีความสามารถที่ซ่อนคมเอาไว้
[2] ไฉเหริน คือ ตำแหน่งพระสนมในองค์จักรพรรดิ ขั้น 5 ชั้นเอก
[3] เหลียงตี้ คือ ตำแหน่งพระสนมในองค์รัชทายาทขั้น 3 ชั้นเอก
[4] เจี๋ยอวี๋ ตำแหน่งพระสนมในองค์จักรพรรดิ ขั้น 3 ชั้นเอก เป็นตำแหน่งสูงสุดของพระสนม แต่ยังไม่เทียบเท่าพระสนมเอก