หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 197.1 ศึกชิงเห็ดหลินจือ (1)
โอกาสในมือของเธอได้หลุดลอยง่ายดายไปราวกับเป็ดต้มสุกบินหนีออกจากหม้อ
อวี๋หวั่นเดินออกมาจากห้องของต่งเซียนเอ๋อร์
องค์หญิงน้อยแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูกอย่างพึงพอใจ
แม่นางต่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าก็ออกไปด้วย”
องค์หญิงน้อยชะงักไป
ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ถูกต่งเซียนเอ๋อร์ผลักออกไปทันที
ประตูห้องปิดลงดัง ‘ปัง’
“เจ้า…ฮึ่ย! ” องค์หญิงน้อยกระทืบเท้า แต่ว่านางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ได้ไม่นานก็เบนความสนใจไปยังอวี๋หวั่น นางเดินตามอวี๋หวั่นไป ยักคิ้วพลางพูดว่า “ที่แท้เจ้าก็มาที่นี่เพราะต้องการเห็ดหลินจือ เป็นอย่างไรเล่า? ทุ่มเทไปเท่าไรจนได้เป็นแขกของแม่นางต่ง สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวใช่ไหมเล่า?”
อวี๋หวั่นจึงตอบไปว่า “เจ้าคงลืมไปว่าลูกกลมแพรปักนี้ตกลงมาในมือข้า ข้าทุ่มเทอะไรไปหรือ? ทุ่มเทแรงในการปฏิเสธเจ้า?”
องค์หญิงน้อยพูดไม่ออกอีกครั้ง
คนอื่นไม่รู้แต่ว่านางจะไม่รู้เชียวหรือ? ลูกกลมแพรปักนี้องครักษ์ของนางไปแย่งมาแทบตาย สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ แต่กลับไปอยู่ในมือของสตรีผู้นี้
แต่ก็ทำให้แม่นางผู้นี้มีโทสะได้มากทีเดียว!
องค์หญิงน้อยจ้องอวี๋หวั่น “เจ้าอย่าโอหังให้มาก! ไม่ช้าก็เร็วเห็ดหลินจือแดงต้องเป็นของข้า! เจ้าคิดจะเอาไปก็คงไม่ได้!”
อวี๋หวั่นไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด “อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
มะ…โมโหกว่าเดิมแล้ว!
คนผู้นี้แม้แต่ต่อปากต่อคำยังไม่สนใจเลยหรือ? องค์หญิงน้อยรู้สึกราวกับแต่ละหมัดของตนนั้นล้วนต่อยลงบนสำลี นางกำลังจะโกรธสุดขีดแล้ว!
เมื่ออวี๋หวั่นเห็นว่านางกำลังเดือดดาล ตนเองก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
อวี๋หวั่นเดินลงไปชั้นล่างโดยไม่หันหลังกลับมา
การต่อสู้ของเจียงไห่และคนอื่นๆ ได้จบลงนานแล้ว พวกเขานั่งรออยู่ที่เดิม แม้ว่าจะไม่มีต่งเซียนเอ๋อร์ แต่หอตี้อีก็มิได้ขาดแคลนคนงาม บนเวทียังมีการแสดงดนตรีดูน่าตื่นตาตื่นใจ เจียงไห่ ชิงเหยียน และเยว่โกวชมการแสดงตาไม่กะพริบ เยี่ยนจิ่วเฉากลับรู้สึกเบื่อจนผล็อยหลับไปบนเก้าอี้
อวี๋หวั่น: เด็กน้อยที่ชอบเพียงการต่อสู้และหอมหัวลูกแมว…
อวี๋หวั่นอุ้มเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นมา
“ข้าเอง” เจียงไห่บอก
“ไม่เป็นไร สามีข้า ข้าอุ้มเองได้” พูดจบ อวี๋หวั่นก็อุ้มเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งกำลังหลับสนิทขึ้นรถม้าไปท่ามกลางสายตาตกตะลึง
เจียงไห่และคนอื่นๆ ก็ออกมาจากหอตี้อีเช่นกัน
ส่วนเรื่องเด็กนั่นที่จำนางได้ อวี๋หวั่นก็ยังคงนึกสงสัยอยู่ว่าตัวเธอเองนอกจากจะตัวไม่ใหญ่แล้ว ก็ไม่มีส่วนใดที่
ปลอมออกมาไม่เหมือนผู้ชายอีก อีกอย่างส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรก็ไม่นับว่าเตี้ย หรือว่านางปีนกำแพงข้ามมาเห็นเธอกำลังพันหน้าอกอยู่ในห้องเก็บฟืนกัน?
“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังคิดไม่ตก เธอก็เปิดม่านออกและเห็นเห้อเหลียนอวี่กำลังพยุงน้องชายซึ่งตกบันไดจนมึนงงออกมาด้านนอก อวี๋หวั่นนัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง แล้วเดินลงจากรถม้า
“โอ๊ย!”
ในตรอกแคบและมืดสนิท เห้อเหลียนอวี่และเห้อเหลียนเฉิงถูกเยว่โกวและชิงเหยียนโยนลงบนพื้นเย็นเฉียบอย่างไม่เกรงใจ
“เจ้าเป็นใครกัน? กล้าลงไม้ลงมือกับพวกเรารึ?” เห้อเหลียนเฉิงพูดด้วยความเดือดดาล
อวี๋หวั่นเดินออกมาจากด้านหลังทั้งสอง เธอมองลงต่ำไปยังสองพี่น้อง “คนที่เริ่มก่อนก็คือพวกเจ้า เป็นอย่างไรเล่า?”
สายตาของทั้งสองไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น จากนั้นร่างของพวกเขาก็แข็งทื่อ น้ำเสียงของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที “เป็นเจ้า?”
“ข้าเอง” อวี๋หวั่นตอบ
ทั้งสองกระวีกระวาดลุกขึ้นมา แล้วมองไปยังอวี๋หวั่นอย่างโกรธเคืองและหวาดกลัว
เมื่อครู่เห้อเหลียนเฉิงถูกอวี๋หวั่นจัดการไปแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนี้เมื่อเห็นอวี๋หวั่น ขาก็เริ่มสั่น กลับเป็นเห้อเหลียนอวี่ที่เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะทำอะไร?”
อวี๋หวั่นถามว่า “จดจำข้าได้เกี่ยวอะไรกับคนอื่น พวกเจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร?”
เห้อเหลียนอวี่นัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง “เปล่า”
เยว่โกวต่อยเขาหนึ่งหมัด!
เห้อเหลียนอวี่กลัวจนยกมือขึ้นกุมศีรษะ “ข้าพูดแล้ว! ข้าบอกเรื่องนี้กับองค์หญิงน้อย!”
“พี่รอง!” เห้อเหลียนเฉิงหน้าเปลี่ยนสีทันที
เห้อเหลียนอวี่รู้ดีว่าตนไม่ควรพูด หากท่านลุงใหญ่รู้ว่าพวกเขามาเที่ยวหอคณิกา เขาคงไม่ได้มาสืบสาวเอาความ แต่การมาเที่ยวหอคณิกาพร้อมกับองค์หญิงน้อยนั้นนับว่ามีโทษเพิ่มอีกสถาน แต่เขากลัวนี่นา หมัดของเจ้านั่นเมื่อครู่มีจิตสังหารแฝงอยู่ด้วย มีครู่หนึ่งเขารู้สึกคล้ายกับกระโหลกของเขาจะระเบิดด้วยซ้ำ
เขาเดาได้ถูกต้อง เยว่โกวคิดจะทำอย่างนั้นจริง
“องค์หญิงน้อยไหน?” อวี๋หวั่นถาม
“องค์หญิงน้อยจวนประมุขหญิง” เห้อเหลียนอวี่ตอบ
ในตอนนั้นเอง กลับเป็นอวี๋หวั่นที่ตกใจ อยู่ๆ ก็เข้าไปพบกับศัตรูของเธอกับเยี่ยนจิ่วเฉาในหอคณิกา ราชบุตรเขยอาจเป็นเยี่ยนอ๋อง ก็อาจเป็นไปได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องสาวของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่โบราณมาลูกจากภรรยาเอกและลูกจากอนุมักจะไม่ถูกกัน ถ้าไม่เรียกว่าศัตรูกันแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?
แน่นอนว่าถ้าหากราชบุตรเขยไม่ใช่เยี่ยนอ๋อง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เดี๋ยวนะ ราชบุตรเขย? เยี่ยนอ๋อง?
ในเมื่อเด็กคนนั้นเป็นลูกสาวของเยี่ยนอ๋อง งั้นผู้ชายที่มาส่งนางที่หอตี้อีกก็ต้องเป็นราชบุตรเขยสินะ?
‘ดึกสุดยามไฮ่ พ่อจะมารับเจ้า’
เสียงของผู้ชายคนนี้ดังขึ้นในสมองของอวี๋หวั่น เธอหันไปถามชิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ตอนนี้ยามอะไรแล้ว?”
ชิงเหยียนตอบว่า “ใกล้ยามไฮ่แล้ว”
งั้นก็ยังไม่ถึงยามไฮ่…อวี๋หวั่นปล่อยสองพี่น้องสกุลเห้อเหลียน แล้วเดินจ้ำกลับไปยังหอตี้อี
“นี่! อาหวั่น! เจ้าจะไปไหน?” ชิงเหยียนไม่ได้เรียกให้เธอหยุด
อวี๋หวั่นหวังว่าเธอจะตามไปทัน อวี๋หวั่นเดินผ่านห้องโถงกลางไปยังลานด้านหลัง เปิดประตูหลังของหอตี้อี กระนั้นเธอก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ถนนเงียบสงัด มีเพียงเงาของรถม้าคันหนึ่งซึ่งหายลับไปที่หัวถนน
ดูแล้วเขาน่าจะมารอที่ประตูหลังล่วงหน้า เขาบอกองค์หญิงน้อยว่ายามไฮ่ หมายความว่าหากยามไฮ่ไม่ออกมา เขาจะเข้าไปจับนางออกมาเอง ทว่านางออกมาก่อนเวลา พวกเขาจึงกลับบ้านในทันที
พ่อแม่มีเมตตาต่อลูก ลูกก็กตัญญูต่อพ่อแม่จริงๆ เลยนะ…
ดีกับลูกเลี้ยงถึงขนาดนี้ เคยคิดถึงเยี่ยนจิ่วเฉาบ้างไหม?
เยี่ยนจิ่วเฉาอายุแปดขวบก็กำพร้าพ่อ เพื่อที่จะรอพ่ออย่างท่าน จึงรออยู่ในเมืองเยี่ยนอยู่นานหลายปี แต่ท่านกลับไปมีลูกชายอีกหนึ่ง ลูกสาวอีกหนึ่ง
อวี๋หวั่นรู้สึกปวดใจแทนสามีของตนเหลือเกิน
แต่แล้วอวี๋หวั่นก็บอกกับตนเองว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของพวกเขา ไม่มีหลักฐานใดมาพิสูจน์ได้ว่าราชบุตรเขยคือเยี่ยนอ๋อง ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเดาผิดก็เป็นได้
ระหว่างทางกลับจวน อวี๋หวั่นกอดเยี่ยนจิ่วเฉาเอาไว้ เขาหายใจเอากลิ่นกายของเธอเข้าไป แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์
อวี๋หวั่นปลด…
ทันใดนั้นเองเยี่ยนจิ่วเฉาก็ตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาเห็นการกระทำของอวี๋หวั่นพอดี เขาขมวดคิ้ว “อวี๋อาหวั่น เจ้าทำอะไร!…”
อวี๋หวั่น “…อ่อ”
ขอโทษนะ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเอ็นดูท่านขึ้นมา
……
เมื่อมาถึงจวน เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปเข้าห้องไปพักผ่อน เขานอนหนุนหมอนหลับไป ฮูหยินผู้เฒ่าเดินมาพลางหัวเราะน้อยๆ เข้ามานั่งเฝ้าหลานชายสุดที่รัก ส่วนอวี๋หวั่นก็เดินถือถังหูลู่สิบกว่าไม้ซึ่งแวะซื้อระหว่างทางไปยังห้องของเห้อเหลียนเป่ยหมิงในเรือนข้างๆ
“ใคร?”
“ท่านลุงใหญ่ ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เอ๋ง!” เจ้าจิ้งจอกหิมะตัวน้อยตะกุยพร้อมจะพุ่งออกไปข้างนอก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงจับมันเอาไว้ แล้วกล่าวว่า “เข้ามา”
อวี๋หวั่นผลักประตูเข้ามา และส่งถังหูลู่ลูกวาวใสสิบกว่าไม้ให้เห้อเหลียนเป่ยหมิง “ท่านลุงใหญ่ ให้ท่านเจ้าค่ะ”
“ฮึ่ม!” ลูกจิ้งจอกหิมะน้อยจ้องตาเป็นมัน!
ครั้งนี้เห้อเหลียนเป่ยหมิงมิได้ตามใจลูกจิ้งจอกหิมะน้อย เขาบอกกับอวี๋หวั่นว่า “พวกเจ้าเก็บไว้กินเถอะ”
เจ้าจิ้งจอกหิมะน้อยหันหลังให้ทันที มันเล่นกับหางของตัวเอง ไม่สนใจใยดีเขาอีก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงใช้ปลายนิ้วสะกิดมัน
จิ้งจอกหิมะน้อยขยับหนีนิ้วของเขาขึ้นไปด้านหน้า
เขาสะกิดมันอีก
จิ้งจอกหิมะน้อยขยับหนีอีก
เมื่อขยับไปจนเกือบร่วงลงจากหน้าตักของเขา เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็ตระหนักได้ว่ามันโกรธเขา เขาจึงหยิบถังหูลู่มาหนึ่งไม้ แล้วส่งให้มัน
จิ้งจอกหิมะน้อยยังคงเย็นชาใส่เขา
ข้าต้องรักษาศักดิ์ศรีสิ
ยังเท่ได้ไม่ถึงสามวินาทีเลย!
หลังจากนั้นสามวินาที จิ้งจอกหิมะน้อยฉกชิงถังหูลู่ไปทันที แล้วกินอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์!
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองไปยังถังหูลู่สิบกว่าไม้ในถาด “ไม่มีอาหารใดที่ให้โดยปราศจากผลประโยชน์”
อวี๋หวั่นพูดว่า “ท่านลุงใหญ่กล่าวเสียน่ากลัว…”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองอวี๋หวั่น
สมกับที่เป็นเทพสงคราม แม้แต่สายตายังแฝงจิตสังหาร อวี๋หวั่นยอมแพ้ “…แน่นอนว่าข้ามีคำขอร้อง พวกข้ากำลังตามหาเห็ดหลินจือแดง แต่อีกฝ่ายต้องการให้พวกข้าแนะนำปรมาจารย์พิษขั้นสูงมาให้ ข้าอยากถามท่านลุงใหญ่สักหน่อยว่าพอจะรู้จักปรมาจารย์พิษบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
“นางต้องการปรมาจารย์พิษไปทำอะไร?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงถาม
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “นางไม่ได้บอกเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าคนที่นางต้องการจำต้องเป็นปรมาจารย์พิษขั้นสูง”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่กลัวว่านางจะให้ปรมาจารย์พิษขั้นสูงทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรือ?”
อวี๋หวั่นมองเข้าไปในดวงตาของเขา “สามีของข้าจะไม่รอดอยู่แล้ว แม่ทัพใหญ่คิดว่าข้ายังจะกลัวสิ่งใดอีกหรือ? ต่อให้ข้าไปเผาบ้านฆ่าคนแล้วถูกจับเข้าคุกแล้วอย่างไร? ขอเพียงข้าช่วยเขาได้ มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้าทำ?”
“เจ้านี่นะ” เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองเธอ จากนั้นก็ก้มหน้าลูบขนเจ้าจิ้งจอกหิมะน้อยซึ่งกำลังแทะถังหูลู่ จิ้งจอกหิมะน้อยยอมให้เขาลูบขนอย่างว่าง่าย
เขากล่าวว่า “ไปพบนางได้ แต่หากนางมีข้อเรียกร้องที่มากเกินไปก็ไม่จำเป็นต้องตอบตกลง”
อวี๋หวั่นพลันรู้สึกดีใจขึ้นมา “ท่านลุงใหญ่จะช่วยพวกข้าหรือเจ้าคะ?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงตอบว่า “หากไม่ช่วยพวกเจ้า ให้พวกเจ้าไปหาเอง ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะไปสร้างปัญหาอะไร ไม่สู้ให้ข้าควบคุมเองจะดีกว่า”
อวี๋หวั่นยิ้มร่า “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงใหญ่!”
อวี๋หวั่นเดินยิ้มออกมาจากเรือน เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียกอวี๋กังมา “ไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ขอรับ” อวี๋กังรีบออกไป
ไม่นาน อวี๋กังก็นำเรื่องที่พวกเขาเข้าไปในหอตี้อีมารายงานแก่เห้อเหลียนเป่ยหมิง ต้องการสืบเรื่องนี้มิใช่เรื่องยาก ด้านหนึ่งคือพวกเขามีเส้นสายของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็คืออวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ตั้งใจปิดบังเห้อเหลียนเป่ยหมิงอยู่แล้ว
“ฮูหยินน้อยไม่ได้โกหกขอรับ นางต้องการเห็ดหลินจือแดงจริงๆ”
“คุณชายจวนตะวันตกก็ไปขอรับ องค์หญิงน้อยก็อยู่ที่นั่น องค์หญิงน้อยไปก็เพราะต้องการเห็ดหลินจือแดงเหมือนกันขอรับ”
“พวกนางทะเลาะกันเพราะต้องการเห็ดหลินจือแดง มีกำหนดสามวัน”
“นายท่าน พวกเราเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ อาจทำให้มีปัญหากับองค์หญิงน้อยได้นะขอรับ”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกุมขมับอย่างจนปัญญา เขานำพาตัวปัญหาเข้ามาในบ้านใช่ไหมนี่?
…………………………………….