หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 219 พ่อลูกพบหน้าอีกครั้ง
เสี่ยวเป่าแอบออกไปช่วงเวลานอนกลางวัน พวกเขามีห้องของตัวเองในเรือนสวนอู๋ถง แต่พวกเขาไม่ได้ไปนอนบ่อยนัก พวกเขาใช้เวลาตอนกลางวันอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า และอยู่ที่ห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นในตอนกลางคืน
ทุกคนหลับแล้ว หญิงรับใช้ก็งีบหลับเช่นกัน เสี่ยวเป่าปีนลงจากเตียงเงียบๆ ไร้ผู้ใดตื่นขึ้นมา
หลังจากอวี๋หวั่นฝังเข็มให้เยี่ยนจิ่วเฉาเสร็จแล้วก็ไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อดูว่าเด็กน้อยทั้งสามซุกซนหรือไม่ กลับพบว่ามีไข่ดำคนหนึ่งหายตัวไป
คราแรกอวี๋หวั่นไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะหนีออกจากบ้าน เธอคิดว่าเขาคงไปแอบกินอาหารที่ใดสักแห่ง เธอเดินไปยังที่ที่เสี่ยวเป่าอาจอยู่ที่นั่น และเดินไปหาที่เรือนต่างๆ ดูอีกครั้ง แต่เมื่อยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอก็เดาได้ว่าเด็กชายอาจไม่ได้อยู่ที่เรือนอีกแล้ว
หากที่นี่เป็นต้าโจว อวี๋หวั่นคงกังวลว่าเด็กน้อยถูกศัตรูของจวนเยี่ยนอ๋องจับตัวไป ทว่าจวนเห้อเหลียนไม่มีทางเป็นเช่นนั้น พวกเขาเพิ่งมาอยู่ที่นี่ คนที่เคยมีปัญหากันก็มีไม่มาก และคนที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่จวนเห้อเหลียนยิ่งมีน้อยกว่า คนของจวนตะวันตกก็ไม่สามารถเข้ามาถึงจวนตะวันออกแม้เพียงครู่เดียว
องค์หญิงน้อยแห่งจวนประมุขหญิงยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางเป็นสตรีที่มีดีเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ในขณะที่นางรังแกผู้อื่น นางก็ยังไม่กล้าก่อเรื่องมากเกินไป เพราะเกรงจะทำให้ประมุขหญิงไม่พอใจ…ความน่าสงสัยน้อยยิ่งกว่าจวนตะวันตกเสียอีก
อวี๋หวั่นครุ่นคิด เสี่ยวเป่าคงจะออกไปด้วยตัวเอง
อวี๋หวั่นสั่งให้ฝูหลิงกับจื่อซูไปตามหายังสถานที่ที่พวกเขามักไปบ่อยๆ อวี๋หวั่นบอกเยี่ยนจิ่วเฉาเกี่ยวกับการหายตัวไปของเสี่ยวเป่า เพียงแวบเดียวก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปแอบอยู่ที่ใดแล้ว ที่จวนคุณชายก็เป็นเช่นนี้ เด็กน้อยทั้งสามซ่อนตัวและปล่อยให้ลุงวั่นตามหาจนร้องไห้ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจรสชาติวายร้ายของเด็กๆ อวี๋หวั่นเกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดมาก จึงให้เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ปลอบนาง
เคราะห์ดีที่วันนี้พ่อคุณทูนหัวตัวน้อยไม่งอแง จึงให้สัญญาอย่างดิบดี
อวี๋หวั่นยังคงกังวลเล็กน้อย “…หากฮูหยินผู้เฒ่าถามก็บอกว่าข้าไปซื้อชาด เสี่ยวเป่าตื่นแล้ว จึงงอแงจะออกไปกับข้า”
เยี่ยนจิ่วเฉามองเธออย่างเย็นชา “อวี๋อาหวั่น เจ้าไม่ไว้ใจในไอคิวของข้ารึ?”
คำว่าไอคิวอวี๋หวั่นเป็นคนสอนเขา เพียงครั้งเดียวเขาก็เรียนรู้และนำไปใช้ได้ทันที
อวี๋หวั่น “…”
ช่างเป็นการยกหินทับเท้าตัวเองอย่างแท้จริง
อวี๋หวั่นไปที่ห้องของเด็กๆ และพบว่ากระเป๋าย่ามที่เธอทำให้เสี่ยวเป่าหายไป นอกจากนี้ยังมีของเล่นชิ้นเล็กที่เยี่ยนจิ่วเฉาแกะสลักให้บุตรชายกับขวดนมของเสี่ยวเป่าด้วย
แหม ดูแล้วเหมือนสร้างสถานการณ์นะ
อวี๋หวั่นแน่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่
“จะสู้กับแม่หรือ? เจ้ายังอ่อนหัดนัก” อวี๋หวั่นเดินไปที่ลานสวนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง พร้อมกับอุ้มจิ้งจอกหิมะออกมา
อวี๋หวั่นให้จิ้งจอกหิมะดมกลิ่นผ้าอ้อมของเสี่ยวเป่า ทันใดนั้นจิ้งจอกหิมะก็เป็นลมสลบลงกับพื้น ผ่านไปสามวินาทีจึงค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตามหาด้วยความอัปยศหาใดเปรียบ
จิ้งจอกหิมะเดินไปรอบๆ จวนด้วยขาสั้นๆ ทั้งสี่ อวี๋หวั่นเดินตามไปติดๆ จนถึงประตูหลังของจวนตะวันออก ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัย เด็กน้อยวิ่งเก่งยิ่งนัก…
ยามนี้ อวี๋หวั่นยังเดาไม่ออกว่าเด็กน้อยวิ่งออกจากบ้านไปแล้ว จนกระทั่งจิ้งจอกหิมะมาที่ประตูหลังและใช้กรงเล็บตะกุยประตูหลังที่แง้มอยู่
“นี่…แอบออกไปจากบ้านอีกแล้วหรือ?”
เพราะแต่ก่อนเด็กน้อยมีประสบการณ์หนีออกจากจวนมามากกว่าหนึ่งครั้ง อวี๋หวั่นจึงไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มากนัก แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาอยู่กับพี่ๆ เสมอ ทว่าคราวนี้กลับไปด้วยตนเอง ช่างกล้าหาญขึ้นทุกวันจริงๆ…
แต่เมื่ออวี๋หวั่นเปิดประตูหลังออกไป ก็เห็นเพียงถนนที่ว่างเปล่า เสี่ยวเป่าอยู่ที่ใดกันแน่?
……………
ในตลาดริมถนนที่คึกคักมีร้านทังหยวนที่เปิดมานานกว่าสิบปี ภายในร้านไม่ใหญ่นัก มีเพียงโต๊ะเล็กๆ สี่ตัว โต๊ะและเก้าอี้ดูเหมือนถูกใช้งานมานานหลายปีแล้ว ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีในทุกๆ วัน แต่นี่ไม่ใช่อาหารมื้อหลัก แขกจึงมีไม่มากนัก
โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุม มีชายสวมหน้ากากสีเงิน ในชุดคลุมสีครามแขนกว้าง รูปร่างสูงโปร่งตัวตรงราวกับต้นสน ดูงดงามสูงศักดิ์และสง่างามผ่าเผย คนที่นั่งอยู่ทางขวามือคือเด็กชายผิวดำตัวน้อยอายุราวๆ สามขวบ เด็กผู้นั้นดำยิ่งนัก ยามที่เขาถูกบุรุษผู้นั้นจูงมือเข้ามาในร้าน เถ้าแก่ก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ
ทว่าเด็กน้อยผู้นั้นมีหน้าตาจิ้มลิ้มงดงามเป็นความจริง คิ้วเข้มตาโต ปากนิดจมูกหน่อย ยามที่ยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง ช่างน่ารักจนใครต่างก็หลงใหล
เสื้อผ้าและลักษณะของทั้งสองดูไม่เข้ากับร้านเก่าแก่เรียบง่ายแห่งนี้ แต่เมื่อเห็นพวกเขากินของในร้าน กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
“พอกินหรือไม่?” ราชบุตรเขยเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพลางมองชามทังหยวนใบเล็กตรงหน้าเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าครุ่นคิด “พอกินสิ!”
ร้านนี้มีทังหยวนหลายรสชาติ ราชบุตรเขยสั่งชามที่ไม่มีไส้ให้เสี่ยวเป่า แต่เขาขอให้ร้านทำขนมไข่หวาน ใส่เหล้าข้าวหวาน เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงคิดวิธีกินเช่นนี้ขึ้นมาได้ มันคล้ายกับว่าเขาเคยกินเช่นนี้กับใครบางคนเมื่อนานมาแล้ว
“ฟู่~ ฟู่~” เสี่ยวเป่าพ่นลมเป่าช้อน
“ข้าทำให้” ราชบุตรเขยกล่าว
เสี่ยวเป่ายื่นช้อนให้เขา
ราชบุตรเขยรับช้อนและชามมาคนให้เข้ากันเบาๆ
เสี่ยวเป่าเบิกตากลมโตสีดำคู่หนึ่งมองทังหยวนที่ลอยอยู่ในชามอย่างไม่กะพริบตา น้ำลายพลันสอออกมา
ราชบุตรเขยรู้สึกขบขันกับความตะกละเล็กน้อยของเขา
“อยากกินหรือไม่?” ราชบุตรเขยถาม
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม!
ราชบุตรเขยคลี่ยิ้มอ่อนโยน “เกือบเสร็จแล้ว”
เสี่ยวเป่ากลืนน้ำลาย
ราชบุตรเขยตักมาครึ่งช้อนเล็กป้อนเข้าปาก เสี่ยวเป่างับและเลียปากเบาๆ
อื้ม! เหตุใดอร่อยเช่นนี้!
เสี่ยวเป่าอ้าปากกว้างรอให้เขาป้อนอย่างเชื่อฟัง
ราชบุตรเขยป้อนเขาอีกคำ ทังหยวนอร่อยมากจนเสี่ยวเป่าต้องถีบขา
ราชบุตรเขยยิ้ม “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“เสี่ยวเป่า!” เสี่ยวเป่าตอบ
“แล้วบิดาของเจ้าคือผู้ใด?” ราชบุตรเขยถามต่อ
ยามนี้เสี่ยวเป่าชะงักกับคำถาม เสี่ยวเป่ารู้สึกเศร้าที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิดาตัวเหม็นชื่ออะไร!
“ไม่เป็นไร กินเถิด” ราชบุตรเขยป้อนเสี่ยวเป่าอีกครั้ง เสี่ยวเป่ากินอย่างเอร็ดอร่อยเต็มที่
ไม่ช้าก็มองเห็นก้นชามทังหยวน เสี่ยวเป่าจิ๊ปากอย่างยังไม่หายอยาก ราชบุตรเขยจึงให้ร้านทำมาเพิ่มอีกสองชาม
เสี่ยวเป่ากินสามชามในคราวเดียว ราชบุตรเขยจ้องมองด้วยความตะลึง ไม่รู้เลยว่าท้องน้อยๆ นี้ยัดเข้าไปได้อย่างไร ทังหยวนมากมายขนาดนั้นเขาไม่ได้กินสักชิ้น ทั้งหมดถูกคนตัวเล็กนี้กวาดเรียบ
เสี่ยวเป่ากินจนอิ่มแปล้ พิงท้องอ้วนกลมกับผนังอย่างมีความสุข
ราชบุตรเขยจ้องมองคิ้วและดวงตาของเขาเนิ่นนานไม่อาจละสายตาไปได้
เด็กคนนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก จนทำให้เขานึกถึงฉงเอ๋อร์ แต่เขากับฉงเอ๋อร์ไม่มีตรงไหนที่คล้ายกันแม้แต่น้อย
“ฉงเอ๋อร์…”
เขาเรียกเช่นเดิมอีกครั้งด้วยจิตใจที่ล่องลอย
“ข้าคือเสี่ยวเป่า!” เสี่ยวเป่ากล่าวแก้ให้เขา
“อา ขอโทษที” ราชบุตรเขยคลี่ยิ้ม “ข้าจะพาเจ้ากลับไปนะ”
เสี่ยวเป่ากอดอก “ข้าไม่ต้องการ!”
ราชบุตรเขยกล่าวแผ่วเบา “เหตุใดจึงไม่ต้องการ? เจ้าออกมาเช่นนี้ ครอบครัวเจ้าจะเป็นห่วงเอาได้”
เสี่ยวเป่ากล่าวอย่างเศร้าใจ “หึ! ไม่มีทาง!”
พวกเขาไม่ชอบเสี่ยวเป่า พวกเขาชอบต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าเท่านั้น!
เขาไม่ใช่บุตรน่ารักของพวกเขาอีกต่อไป!
ราชบุตรเขยลูบหัวของเสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีเช่นนี้ ครอบครัวต้องชอบเจ้ามากแน่ พวกเขาจะกังวลและเสียใจมากหากพบว่าเจ้าไม่อยู่แล้ว ท่านแม่ของเจ้าก็อาจจะร้องไห้”
เมื่อพูดถึงท่านแม่ ขอบตาของเสี่ยวเป่าก็กลายเป็นสีแดง
เขาคิดถึงท่านแม่ของเขายิ่งนัก
ว่ากันว่าเมื่อจิ้งจอกหิมะไล่ตามไปจนถึงประตู ลมหายใจของเสี่ยวเป่าก็หายไปแล้ว มีเพียงคำอธิบายเดียว นั่นคือ เสี่ยวเป่าถูกคนอื่นพาตัวไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าขึ้นรถม้าไป
อวี๋หวั่นเรียกเยี่ยนจิ่วเฉา และบอกถึงสถานการณ์ของเสี่ยวเป่า
นัยน์ตาของเยี่ยนจิ่วเฉาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวน”
“ข้าจะไปตามหากับท่าน” อวี๋หวั่นกล่าว
“ไม่ต้อง” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบกลับ
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้หรือว่าเขาไปที่ใด?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ารู้ว่าจะตามหาเขาได้อย่างไร”
อวี๋หวั่นสงสัยอย่างยิ่งว่าตนเองพลาดบางอย่างไป แต่สิ่งสำคัญในเวลานี้คือตามหาให้พบ ความสงสัยใดๆ รอให้เสี่ยวเป่ากลับมาจึงค่อยว่ากันอีกที
อวี๋หวั่นไม่เอื้อนเอ่ยมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนสวนอู๋ถง
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบขวดลายครามขนาดเล็กออกมา
หนึ่งในแปดของชั่วยามต่อมา เยี่ยนจิ่วเฉาก็ปรากฏตัวที่ร้านขายขนมทังหยวน
แม้ว่าร้านนี้จะเปิดมาหลายปีแล้ว ในอดีตเคยมีขุนนางใหญ่มาที่นี่ แต่มาถึงสามคนในคราวเดียว มิได้มีเพียงเถ้าแก่ร้านที่ตกตะลึง ‘บิดาและบุตร’ คู่หนึ่งที่อยู่ด้านในก็ตกใจเช่นกัน คุณชายท่านนี้ดูบริสุทธิ์งดงามยิ่งกว่า หากไม่รู้ก็คิดว่าเป็นแขกราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์
“ท่านๆๆ…” เถ้าแก่พูดติดอ่างด้วยความตกใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาหาได้สนใจเถ้าแก่ เขามุ่งตรงเข้าไปในร้าน ทันทีที่มาถึงโถงกลางก็ได้ยินเสียงเจ้าเด็กดื้อที่น่าตีไม่มีใครเกิน “ข้าไม่กลับบ้าน!”
ทันทีที่เสี่ยวเป่าว่าจบ เขาก็สัมผัสถึงลมหายใจอันตรายที่ใกล้เข้ามา พลันเงยหน้าขึ้นจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทา!
“เป็นอันใดไป เสี่ยวเป่า?” ราชบุตรเขยหันมองตามสายตาของเขา ทันใดนั้นก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
เยี่ยนจิ่วเฉาก็เห็นเขาเช่นกัน
ดวงตาทั้งสองประสาน ทุกอย่างพลันหยุดนิ่ง
นี่เป็นการพบกันครั้งที่สอง เพียงแต่พวกเขายังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
เพียงใบหน้าเหมือนเยี่ยนอ๋องไม่ได้หมายความว่าเขาคือเยี่ยนอ๋อง
เขาไม่มีบิดาเช่นนี้
บิดาของเขาจะไม่ทอดทิ้งเขา และไม่มีทางไม่ต้องการเขา
“เยี่ยนเสี่ยวเป่า” เยี่ยนจิ่วเฉาเบนสายตาออกอย่างเย็นชาไปหาเด็กชายที่ถูกโอบไว้ “ยังไม่รีบมานี่อีก?”
เสี่ยวเป่าค่อยๆ ปีนลงจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาท่านพ่อตัวเหม็น
เยี่ยนจิ่วเฉาจับมือที่เปื้อนน้ำมันเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินกลับไป
ทันใดนั้นราชบุตรเขยก็เอื้อมมือไปคว้าแขนของเขา
…………………………………………