หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 227 รักษาลุงใหญ่
จวนตะวันออกเกิดความสับสนอลหม่านขึ้นกลางดึก ตอนแรกแสงเทียนในเรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิงสว่างขึ้น จากนั้นเงาสีขาวเล็กๆ ก็แวบเข้าไปในเรือนสวนอู๋ถง และมาที่ประตูห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น อุ้งเท้าน้อยๆ ตะกุยประตูไม่หยุด
ทั้งคู่ตื่นขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉายกผ้าห่มออก ทว่าอวี๋หวั่นรั้งเขาไว้ “ข้าไปดูเอง ท่านนอนเถิด”
อวี๋หวั่นลุกจากเตียงไปเปิดประตู จิ้งจอกหิมะน้อยรีบเข้ามากัดชายกางเกงของอวี๋หวั่น เพื่อลากอวี๋หวั่นออกไป
จิ้งจอกหิมะน้อยไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน หลังจากถูกเห้อเหลียนเป่ยหมิง ‘เก็บมาเลี้ยง’ มันก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเห้อเหลียนเป่ยหมิง อวี๋หวั่นเห็นว่าลุงใหญ่ชอบมัน และจิ้งจอกหิมะน้อยก็ไม่ได้เป็นของเยี่ยนจิ่วเฉา จึงให้ลุงใหญ่เลี้ยง เจ้าตัวน้อยวิ่งหนีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งก็ถูกเห้อเหลียนเป่ยหมิงจับกลับมา แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเห้อเหลียนเป่ยหมิง จิ้งจอกหิมะน้อยก็ไม่อาจอยู่เฉยๆ ได้
อวี๋หวั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สามารถพบปะผู้คนและกล่าวกับเยี่ยนจิ่วเฉา “อาจเป็นไปได้ว่าท่านลุงเกิดเรื่อง ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เยี่ยนจิ่วเฉามองความมืดมิดภายนอกหน้าต่าง พลันเรียกจื่อซูกับฝูหลิงให้อยู่ดูแลเด็กๆ เขาสวมเสื้อผ้าแล้วไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
เห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกหน่วยกล้าตายอุ้มกลับมา ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงซึ่งเต็มไปด้วยเลือด อวี๋กังรู้ว่าชุยเฒ่ากับอวี๋หวั่นเป็นหมอ และกำลังจะไปเชิญพวกเขามา แต่อวี๋หวั่นกลับมาด้วยตัวเองโดยไม่คาดคิด…
อวี๋หวั่นคิดว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงตามเธอด้วยเรื่องบางอย่าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเขาเองที่เกิดเรื่อง
เมื่อเห็นมีดที่ปักอยู่กลางหน้าอกของเห้อเหลียนเป่ยหมิง อวี๋หวั่นพลันรู้สึกสับสนงงงวย
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวกับหญิงรับใช้ที่หน้าซีดอยู่ด้านข้างอย่างใจเย็น “เจ้าไปต้มน้ำ เจ้าไปหยิบล่วมยาของคุณหนูมาจากเรือนอู๋ถง และตามหมอชุยมาด้วย”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ทั้งสองรับคำสั่งทันที
เยี่ยนจิ่วเฉาตบไหล่อวี๋หวั่นเบาๆ อวี๋หวั่นเข้าใจความหมาย ตั้งสติและหากรรไกรในห้องมาตัดเสื้อของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
อาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่สู้ดีนัก เขาเสียเลือดมากเกินไป เขาหมดสติไปแล้ว นี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เขาไม่อาจตื่นขึ้นมาอีกเลย
“รีบปิดข่าวก่อน อย่าบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวกับอวี๋กัง
อวี๋กังผงะก่อนจะพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม “ได้ๆๆ! ข้าจะไปจัดการ!”
ขณะที่อวี๋หวั่นตรวจอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ก็ได้ยินเยี่ยนจิ่วเฉาสั่งการต่างๆ อย่างสงบและใจเย็น หัวใจของอวี๋หวั่นพลันสงบลง เขาเป็นคนบ้าที่สามารถทำให้คนโกรธแทบสิ้นใจผู้นั้นไม่ผิด ทว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขากลับกลายเป็นบุรุษที่สามารถไว้วางใจได้
อวี๋กังออกคำสั่งให้ผู้ดูแลจวนตะวันออก รวมถึงผู้คุมและข้ารับใช้ในเรือน มิให้นำเรื่องที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อเขากลับมาถึงห้อง ชุยเฒ่าก็ถือล่วมยาเดินมา
ยามนี้ชุยเฒ่าไม่สนใจคำสาบานใดๆ อีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้อยู่ในต้าโจว เทพแห่งต้าโจวไม่อาจควบคุมเขาได้จริงหรือไม่?
เหล่าทวยเทพเบื้องบน ข้ากำลังยื้อชีวิตแม่ทัพใหญ่เทพที่ปกป้องแคว้นพวกท่าน พวกท่านอย่าได้ปล่อยให้ข้าถูกฟ้าผ่าตายเลย
ชุยเฒ่าโอดครวญในใจจบ ก็ถือล่วมยาเดินเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น?”
อวี๋หวั่นลุกขึ้นและให้เขานั่ง รายงานผลตามความเป็นจริง “อาการไม่ดี ข้าไม่กล้าดึงมีดออกมา”
ชุยเฒ่าจับชีพจรเห้อเหลียนเป่ยหมิงก่อนจะพยักหน้าครู่หนึ่ง “ไม่ดึงออกมาถูกแล้ว หากเจ้าดึงออกมา เลือดจะไหลไม่หยุดและขาดใจตายในทันที มีดนี้ปักตำแหน่งร้ายแรงเกินไป เกือบปักหัวใจของเขาแล้ว เดาว่าเขาคงจะหลบเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น ต่อให้เป็นหมอเทวดาที่ใดก็คงไม่อาจช่วยได้”
ทั้งสองเป็นหมอ ปฏิกิริยาแรกคือต้องช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาผู้บาดเจ็บ ส่วนสาเหตุที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ทั้งสองไม่มีเวลาคิด
“จะช่วยได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
“ยังยากจะบอก” ชุยเฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เส้นเอ็นของเขาบาดเจ็บเมื่อสองสามปีก่อน วรยุทธ์ทั้งหมดสูญเสีย เดิมทีก็อ่อนแอกว่าคนทั่วไป แล้วยังถูกแทงเข้าที่หัวใจอีก…”
ชุยเฒ่าไม่ได้กล่าวประโยคหลัง แต่เปลี่ยนบทสนทนา “ข้าจะใช้ยาห้ามเลือดก่อน เจ้าฝังเข็มทองกดจุดให้เขา”
“ได้” อวี๋หวั่นหยิบเข็มทองออกมา และใช้เปลวเทียนฆ่าเชื้อ โชคดีที่คืนนี้วิชาฝังเข็มของเธอไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ขณะที่ทั้งสองคุยกันเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวน จนกระทั่งทั้งสองเริ่มต้นช่วยเหลือเห้อเหลียนเป่ยหมิงอย่าสุดความสามารถ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเรียกอวี๋กังไปข้างๆ และถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อวี๋กังนึกถึงฉากในศาลา น่องของเขาก็อ่อนแรง “…แม่ทัพใหญ่ไม่ให้พวกเราตามเข้าไป เขาเข้าไปในศาลาด้วยตัวเอง เราไม่คาดคิดว่าแม่ทัพใหญ่จะถูกคนลอบสังหาร เมื่อหน่วยกล้าตายได้ยินการเคลื่อนไหว รีบตามไปดู แม่ทัพใหญ่ก็ถูกแทงเสียแล้ว…”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเป็นแม่ทัพใหญ่เทพแห่งหนานจ้าว เขาสังหารศัตรูมานับไม่ถ้วนในสนามรบ ไม่อาจกล่าวได้ว่าเขามีศัตรูเพียงไม่กี่คน ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถลอบทำร้ายเขาได้สำเร็จ กุญแจสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งหรือมีวรยุทธ์สูงเพียงใด ทว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้ปกป้องตัวเองเลยแม้แต่น้อย
นี่มันแปลกมากเลยมิใช่หรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้ประสบการณ์ เหตุใดถึงไม่ระแวดระวังถึงเพียงนี้?
อวี๋กังกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เราจับมือสังหารได้ถึงได้ทราบว่าเขาปลอมรูปลักษณ์เป็นคุณชายใหญ่…”
“รูปลักษณ์ข้า?” เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว
“อ้า ไม่ๆๆ!” อวี๋กังรีบโบกมือปฏิเสธ “คุณชายใหญ่คนก่อน”
“เห้อเหลียนเซิง?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
“อื้อ” อวี๋กังก้มหน้าลง คล้ายกับอับอายและแค้นเคืองที่เขาทำพลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาด
เยี่ยนจิ่วเฉาหาสนใจเรื่องนี้ไม่ จะเป็นคุณชายใหญ่หรือไม่ ก็ไม่สำคัญกับเขา เขาไม่มีทางอิจฉาบุตรชายของเห้อเหลียนเป่ยหมิง และเขาก็ไม่ต้องการขโมยทุกอย่างจากคนอื่น เขาปล่อยให้อวี๋กังกล่าวต่อไป
เมื่ออวี๋กังเห็นว่าเขาไม่ได้รำคาญใจจริงๆ ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แม้ว่าเราจะจับเขาได้ ทว่ายังมิทันได้ไต่สวน เขาก็กัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเสียแล้ว”
ดูเหมือนจะเป็นหน่วยกล้าตาย
ดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉาหยุดนิ่ง “แม่ทัพใหญ่เคยแอบไปพบกับเห้อเหลียนเซิงเช่นนี้มาก่อนหรือไม่?”
อวี๋กังส่ายหัว “อาจจะเคยพบ แต่ก็เห็นจากไกลๆ เท่านั้น บางทีอาจเพราะเหตุนี้ คุณชายใหญ่จึง…ไม่สิ ข้าหมายถึง…คนผู้นั้นนัดแม่ทัพใหญ่ออกมา และแม่ทัพใหญ่ก็ไปโดยไม่ลังเล”
เพราะคิดถึงมาก
เยี่ยนจิ่วเฉาถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่ทัพใหญ่ไปพบเห้อเหลียนเซิง?”
อวี๋กังกล่าว “ข้าไม่รู้”
อวี๋กังเป็นคนสนิทของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ทว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ นั่นคงเพราะยามที่เห้อเหลียนเซิงนัดหมายเห้อเหลียนเป่ยหมิงได้เน้นย้ำไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย เพราะเห้อเหลียนเซิงถูกไล่ออกจากสกุลเห้อเหลียน การดำรงอยู่ของเขาเป็นสิ่งต้องห้าม และมีเหตุผลที่จะหลบเลี่ยงจากสายตาทุกคน
สิ่งที่เยี่ยนจิ่วเฉาสงสัยก็คือ องครักษ์ของสกุลเห้อเหลียนคุ้มกันแน่นหนาถึงเพียงนี้ คนผู้นั้นติดต่อกับเห้อเหลียนเป่ยหมิงได้อย่างไร?
ปลายนิ้วของเยี่ยนจิ่วเฉาเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ สองสามครั้ง “มีผู้ใดส่งจดหมายมาที่จวนหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ” อวี๋กังกล่าวอย่างมั่นใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาไปที่ห้องตำราของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
ขณะนั้น จิ้งจอกหิมะตัวน้อยก็เดินมาพร้อมกับขนนกในปาก มันกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉาและใส่ขนนกลงไปในฝ่ามือของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบขนนกมาดู พบว่ามันเป็นขนของนกพิราบ
นกพิราบสื่อสารหรือ?
แต่อีกฝ่ายบอกว่าตนเองเป็นเห้อเหลียนเซิง ก็ต้องเป็นเห้อเหลียนเซิงเช่นนั้นหรือ? เห้อเหลียนเป่ยหมิงเชื่ออย่างง่ายดาย เกรงว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ปลอมแปลงรูปลักษณ์เป็นเห้อเหลียนเซิงเท่านั้น แต่ยังเลียนแบบลายมือของเห้อเหลียนเซิงด้วย
เยี่ยนจิ่วเฉาถามอวี๋กังเกี่ยวกับเห้อเหลียนเซิงและเห้อเหลียนเป่ยหมิงอีกครั้ง จนกระทั่งอวี๋กังไม่มีอะไรจะกล่าวต่อ เยี่ยนจิ่วเฉาก็หมุนตัวเดินกลับไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่มีดยังไม่ถูกดึงออกมาจากร่างของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าสีหน้าชุยเฒ่าไม่ปกติ “มีอะไรหรือ?”
ชุยเฒ่าลูบเครา พลางทอดถอนใจ “มีดนี้ข้าไม่อาจดึงออกมาได้อย่างลวกๆ”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ถามว่าเพราะเหตุใด ชุยเฒ่ากล่าวว่าไม่อาจดึงออกมาได้อย่างลวกๆ ไม่ได้กล่าวว่าดึงออกมาไม่ได้ นี่ก็หมายความว่าดึงได้ เพียงแต่มีเงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น
“บอกมาเถิด ว่าต้องการสิ่งใดอีก?” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย
ชุยเฒ่าเกาหัว คำกล่าวที่ว่าฉลาดมากมักเป็นทุกข์ก็ดูมีเหตุผล ซื่อจื่อน้อยผู้นี้เติบโตมาอย่าทุลักทุเลได้คงเพราะฉลาดเกินไป จนถูกเทพเจ้าเกลียดชัง
ชุยเฒ่ากระแอมเบาๆ “ในสถานการณ์เช่นนี้ ห้ามเลือดได้อย่างเดียวไม่เพียงพอ เขาต้องเติมเลือด เพื่อให้ยาบำรุงเลือดมีประสิทธิภาพสูงสุด เขา…เขาต้องการเห็ดหลินจือแดงหนึ่งช่อ”
“โอ้” การแสดงออกของเยี่ยนจิ่วเฉาสงบนิ่งราวกับว่าสิ่งที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงต้องการไม่ใช่ยาของเขา แต่เป็นสิ่งที่เขายอมเสียได้ “ไม่ใช่ว่ามีเห็ดหลินจือแดงอยู่แล้วหรือ?”
“แต่นั่นมันคือตัวยาพิเศษของเจ้านะ!” ชุยเฒ่าตกตะลึงปากอ้าตาค้าง พวกเขาเดินทางมาไกลถึงที่นี่ ไม่ใช่เพื่อหายาของเยี่ยนจิ่วเฉาหรือ? ตอนนี้ในที่สุดก็ได้มาแล้ว แต่กลับให้คนอื่นใช้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “เห็ดหลินจือแดงหาใหม่ได้ อย่างไรเสียอีกสักพักข้าก็ยังไม่ตาย”
ชุยเฒ่ามองอวี๋หวั่นอย่างลำบากใจ
อวี๋หวั่นก็มองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา
มองเพียงครั้งเดียว อวี๋หวั่นก็เข้าใจเขาได้ทันที
ตอนนี้ อวี๋หวั่นรู้สึกแล้วว่าเขามีลุงใหญ่จริงๆ
…………………………………………