หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 289 องค์ประมุขเยี่ยมเยียน หลงหลานหัวปักหักปำ
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 289 องค์ประมุขเยี่ยมเยียน หลงหลานหัวปักหักปำ
ช่วงเวลาเร่งรีบ หนานกงหลีไม่มีเวลาเลือกยาพิษ คว้ายาสารหนูขวดหนึ่งออกมาอย่างลวกๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะใช้จัดการคนแล้ว สารหนูนั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก แม้แต่ยอดฝีมือกินเข้าไปก็ยากจะรอด นับประสาอะไรกับเด็กที่อายุไม่เกินสามขวบ
หนานกงหลียิ้มมุมปากอย่างมีชัย
ขณะคิดเรื่องนี้ ชายในชุดดำกระโดดลงมาจากคานบ้าน และยกมือขึ้นคำนับ “องค์ชาย!”
เมื่อครู่นี้เขาเองก็อยู่ในห้องด้วย เด็กรับใช้พรวดพราดเข้ามา เขาไม่อาจหาที่ซ่อนตัวได้ จึงกระโดดขึ้นไปบนคาน
หนานกงหลีสัมผัสถึงได้ทันทีที่เข้ามาในห้อง จึงไม่แปลกใจที่เห็นเขากระโดดลงมาในตอนนี้
ชายในชุดดำเป็นคนสนิทของหนานกงหลี ช่วยหนานกงหลีจัดการเรื่องที่ไม่อาจให้ผู้ใดรับรู้ แม้ประมุขหญิงก็ไม่ทราบว่ามีบุคคลตัวฉกาจเช่นเขาอยู่ที่นี่
ชายชุดดำมองไปยังทิศทางที่เด็กรับใช้เดินจากไปและคาดเดาว่า “องค์ชายต้องการวางยาเด็กพวกนั้นหรือ? ข้างกายพวกเขามีหมอเทวดาอยู่ บุตรสาวจวนเห้อเหลียนก็รู้วิชาแพทย์ หากถูกพบ…”
หนานกงหลียิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ถูกพบแล้วอย่างไร? คนก็เป็นประมุขหญิงที่ส่งไป และของก็เป็นประมุขหญิงที่บอกให้ซื้อมา พวกเขาจะมาสงสัยข้าได้อย่างไร? แม้จะรู้ว่าข้าเคยสัมผัสสิ่งเหล่านั้น แต่ข้าเป็นบุตรของประมุขหญิง ประมุขหญิงก็ยังคงต้องการทำให้ตนเองบริสุทธิ์อยู่อีกหรือ?”
ชายชุดดำกล่าวว่า “องค์ชายหมายความว่า…จะทำให้พวกเขาสงสัยในตัวประมุขหญิง?”
หนานกงหลีหัวเราะเยาะ “ท่านแม่ซื่อสัตย์ต่อคนกลุ่มนั้น แต่กลับถูกตอบแทนด้วยความสงสัย เจ้าคิดว่าท่านแม่ของข้าจะรู้สึกผิดหวังกับพวกเขาบ้างหรือไม่เล่า?”
ชายชุดดำกล่าวอีกครั้ง “แต่หากไม่พบ แล้วเด็กเหล่านั้นกินเข้าไปจริงๆ เล่า?”
หนานกงหลีเล่นกับขวดยาในมือ “หากเด็กตาย ท่านแม่ของข้าไม่ยิ่งแก้ตัวไม่ออกหรอกหรือ? ชีวิตคนสามคน แม้พวกเขาไม่อยากแตกคอกันก็คงเป็นไปไม่ได้!”
ชายในชุดดำที่เข้าใจว่าด้วยเหตุนี้เองพยักหน้า แต่เมื่อนึกบางอย่างได้จึงเอ่ยด้วยความสงสัย “แล้วหาก…คนอื่นกินเข้าไปละ?”
หนานกงหลียิ้ม “คนอื่น? ในจื่อเวยเก๋อมีคนใดที่ไม่ใช่คนของพวกมันรึ? หากเป็นสาวใช้ตัวหนานั่นที่ต้องตาย ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกมันทุกข์ใจไปนานแสนนานแล้ว มีหรือพวกมันจะไม่คิดว่าสิ่งนี้เดิมทีมีไว้ให้ลูกๆ ของมัน? แค่ถูกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กินเข้าไปเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ จะไม่สงสัยท่านแม่แล้วตัดสัมพันธ์กับนางหรือ?”
“ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ประมุขหญิงก็จำต้องถูกกำหนดให้เป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง กระหม่อมขอคารวะ!” ชายในชุดดำกล่าวด้วยความจริงใจ
หนานกงหลี ไม่ใช่คนที่จะสับสนกับคำเยินยอ เขาโบกมืออย่างเฉยเมย “เอาละ ไม่จำเป็นต้องกล่าวเรื่องนี้ เจ้ามาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้ ที่คุกใต้ดินเกิดเรื่องหรือ?”
“มีเรื่องเล็กน้อย ทว่า…” ชายในชุดดำกล่าวถึงตรงนี้ ก็เผยรอยยิ้มมีนัย “หาใช่เรื่องเลวร้าย”
“อ้อ?”
“ฝ่าบาทโปรดตามข้ามา”
หนานกงหลีกับชายในชุดดำไปที่คุกใต้ดินของจวนประมุขหญิง
คุกใต้ดินของจวนประมุขหญิงนั้นเดิมใช้เพื่อกักขังข้ารับใช้ที่ทำผิดกฎ แต่ด้วยการสร้างบารมีและอำนาจ ข้ารับใช้ที่ดื้อด้านจึงถูกขับออกไปทั้งหมด ผู้ที่ยังอยู่จึงเหลือเพียงพวกที่ซื่อสัตย์ภักดี คุกใต้ดินจึงถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน
หลังกลับจากเผ่าปีศาจ หนานกงหลีก็ยึดคุกใต้ดินนี้เป็นของตัวเอง
ผู้ถูกจองจำหาใช่นักโทษ แต่เป็นหน่วยกล้าตายที่ถูกนำกลับมาจากเขตต้องห้ามของเผ่าปีศาจ
หน่วยกล้าตายมีต้นกำเนิดมาจากเผ่าปีศาจ และมีเพียงหน่วยกล้าตายของเผ่าปีศาจเท่านั้นที่เป็นหน่วยกล้าตายที่แข็งแกร่งมากที่สุดในใต้หล้า ทว่าหนานกงหลีก็ยังไม่พอใจ
เขาขโมยความลับการสร้างซิวหลัวจากเผ่าปีศาจ เอาเลือดพิษของซิวหลัว และสร้างซิวหลัวคนใหม่ในคุกใต้ดินอันมืดมิดไม่เห็นแสงตะวันแห่งนี้
หน่วยกล้าตายที่คลุ้มคลั่งมีถึงหนึ่งร้อยแปดสิบคน แต่มีน้อยกว่าห้าคนที่รอดชีวิตจริงๆ ในบรรดาห้าคนนั้นมีสองคนที่พลังวรยุทธ์หมดสิ้น มีสามคนที่เหลือรอดก็น่ายินดีมากแล้ว
หนานกงหลีมองหน่วยกล้าตายที่ถูกมัดติดกับเสาเหล็กและยังคงคลุ้มคลั่ง เขาหรี่ตาลง “ใกล้แล้ว ใช่หรือไม่?”
ชายในชุดดำยกมือคารวะ “ขอรับ องค์ชาย พวกเขาเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนเป็นซิวหลัวครึ่งหนึ่งแล้ว ในอีกสิบวันครึ่งเดือนพวกเขาจะกลายเป็นซิวหลัวที่แท้จริง”
หนานกงหลียกมุมปากเล็กน้อย “เป็นอย่างที่คิด เมื่อมีเลือดของซิวหลัวก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ซิวหลัวที่ทรงพลังทั้งสาม แค่คิดก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว ซิวหลัวที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลวร้าย แต่ยากที่จะควบคุมมากเกินไป แล้วยังต้องไปเอาใจด้วยตนเอง สามคนนี้ถูกปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งลงหนอนพิษตั้งแต่แรก
พวกมันจะเชื่อฟังเขาโดยไม่ต้องจองจำ
หากซิวหลัวคนแรกเชื่อฟัง เขาก็จะเก็บมันไว้
หากไม่เช่นนั้น เขาจะปล่อยให้ทั้งสามฆ่าเขาเสีย!
ชายในชุดดำพูดอย่างตื่นเต้น “พวกเขาไม่เพียงแต่ใช้เลือดของซิวหลัวเท่านั้น แต่ยังใช้ยาเม็ดชั้นเลิศของสำนักราชครูด้วย พวกเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าซิวหลัวคนแรก!”
หนานกงหลีเผยรอยยิ้มพึงใจ “ทำได้ดีมาก”
ท่านแม่จะเลิกยุ่งกับพวกคนในจื่อเวยเก๋อในไม่ช้า และซิวหลัวคนใหม่ก็จะมาถึงในไม่ช้าเช่นกัน วันดีๆ ของพวกมันจะสิ้นสุดลง
ท่านแม่อย่าได้โทษข้า ข้าทำสิ่งนี้เพื่อความรุ่งเรืองของท่าน
หนานกงหลีพอใจกับแผนการ แต่ไม่รู้เลยว่าจะมีแขกที่ไม่คาดคิดมาที่จวน
องค์ประมุขตัดสินใจไปเยี่ยมพวกเด็กๆ หลังอาหารค่ำ
อย่างไรก็เป็นจวนประมุขหญิง หากเขาบอกว่ามาหาบุตรสาว ก็จะทำให้นางหน้าชื่นตาบานมากเกินไปหน่อย แต่หากบอกว่ามาหาเด็กๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัว หากไม่บอกว่ามีความสัมพันธ์ระดับใด ก็จะเป็นบุตรสาวที่แย่ง ‘ท่านปู่’ ของเด็กๆ ไป
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่เหมาะจะมาเยี่ยม
ทว่าองค์ประมุขกำลังเดินไปเดินมาในห้องตำรา ความกังวลในใจก็ก่อตัวขึ้นอย่างมาก
ขันทีหวังเป็นคนที่มากประสบการณ์ มองเห็นความคิดขององค์ประมุข จึงรีบร้อนกล่าว “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่าราชบุตรเขยฟื้นแล้ว…ท่านต้องการไปที่จวนประมุขหญิงหรือไม่? อาการป่วยของราชบุตรเขยหนักหนา ไม่อาจแบกรับความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง อาจต้องรบกวนให้พระองค์เดินทางไปหาด้วยตนเองสักครา เพื่อสอบสวนความจริงในยามนั้นให้กระจ่าง”
จริงสิ เขาสามารถไปสอบปากคำราชบุตรเขยได้!
ประมุขตอบตกลงไปตามน้ำ
คืนนั้นประมุขพาขันทีหวังขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนประมุขหญิง
ประมุขยังจำได้ว่าเด็กๆ ชอบกินฝูหยวนจื่อเจ้าเก่า จึงเดินทางอ้อมไปซื้อฝูหยวนจื่อสามถ้วยเล็กโดยเฉพาะ
คนของจวนประมุขหญิงไม่กล้าหยุดยั้งองค์ประมุข
องค์ประมุขมาที่นี่เพื่อตรวจสอบคดี จำไม่ต้องบอกให้คนของจวนประมุขหญิงรับรู้ และให้ขันทีหวังนำทางเดินไปยังจื่อเวยเก๋อ
ยามที่องค์ประมุขเสด็จมาถึงจื่อเวยเก๋อพร้อมกับฝูหยวนจื่อร้อนๆ สามถ้วย ก็บังเอิญพบกับเด็กรับใช้ที่กำลังไปส่งถังหูลู่ให้กับไข่ดำ
เด็กรับใช้มอบถังหูลู่ให้กับคุณชายน้อยทั้งสาม และกำลังจะกลับไปหาประมุขหญิง แต่เมื่อเขาหันกลับมาก็พบกับองค์ประมุขกะทันหัน
เขาตกใจรีบร้อนคุกเข่าลง “ฝ่าๆๆๆ…ฝ่าบาท!”
องค์ประมุขคร้านจะสนใจเขา รีบสาวเท้าก้าวผ่านไป
เด็กรับใช้เหงื่อผุดพราย
เหตุใดฝ่าบาทถึงมาที่นี่? แม้แต่สุ้มเสียงสักนิดก็ไม่มี!
องค์ประมุขรอพบหน้าเด็กน้อยแทบไม่ไหว เขาเร่งฝีเท้าเดินไป ก็เห็นไข่ดำทั้งสามนั่งอยู่บนธรณีประตู
ไข่ดำจับไม้ถังหูลู่ และอ้าปากเล็กๆ เผยให้เห็นฟันขาวที่กำลังจะกัดแทะ
“ต้าเป่า เอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่า!”
องค์ประมุขเดินไปด้วยใบหน้าอ่อนโยนยิ้มแย้ม
เขายังไม่รู้ว่าคนใดคือคนใด แต่ทั้งสามคนอยู่ที่นั่น พวกเขาทั้งหมดถูกเรียกไม่ผิด
เด็กทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เบิกตากลมโตมองเขากะพริบตาปริบๆ
ด้วยสถานะที่เป็นถึงประมุขไม่จำเป็นถือของเอง แต่เพราะเป็นสิ่งที่นำมามอบให้เด็กน้อยทั้งสาม เขาจึงถือด้วยตนเองมาตลอดทาง
เขาเปิดกล่องอาหารร้อนระอุ และนำฝูหยวนจื่อสามถ้วยเล็กออกมา “ดูสิข้าเอาสิ่งใดมาพวกเจ้า?”
รสชาติของฝูหยวนจื่อจะดีหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่ถ้วยเล็กๆ ที่ใส่ฝูหยวนจื่อนั้นประณีตยิ่งนัก มีนกกระเรียนบิน เสือขาวและเต่า
สายตาของไข่ดำทั้งสามถูกดึงดูดในพริบตา
เสี่ยวเป่า “ว้าว!”
เอ้อร์เป่า “ว้าวๆ!”
ต้าเป่า : ว้าวๆๆ!
ไข่ดำทั้งสามไม่ต้องการถังหูลู่แล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้ ทั้งสามครุ่นคิดและส่งถังหูลู่ในมือของพวกเขาไป
นี่คือการแลกเปลี่ยน ถังหูลู่ของพวกเขาแทนฝูหยวนจื่อขององค์ประมุข
ท่านแม่บอกว่า นี่คือการตอบแทนซึ่งกันและกัน
องค์ประมุขไม่แย่งของชอบของผู้อื่น อีกอย่างเขาก็อายุมากแล้ว ไม่ชอบทานของหวาน
แต่ไข่ดำทั้งสามยืนกรานจะเป็นเด็กดีมีมารยาท หากองค์ประมุขไม่ต้องการถังหูลู่ พวกเขาก็จะไม่กินฝูหยวนจื่อ
พวกเขาทั้งสามมองไปที่ฝูหยวนจื่อ ซู้ด~
ไยถึงมีเด็กที่เฉลียวฉลาดและน่ารักได้ถึงเพียงนี้? องค์ประมุขไม่อาจกลั้นหัวเราะ ยอมรับถังหูลู่มาอย่างใจกว้าง
ทั้งสามโอบรับชามฝูหยวนจื่อที่มี ‘รูปลักษณ์แตกต่างกัน’ และใช้ช้อนตักกินอย่างเอร็ดอร่อย
พวกเขากิน องค์ประมุขก็กินด้วย
ขันทีหวังกล่าวอย่างรีบร้อน “ฝ่าบาท ให้กระหม่อมชิมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ยามที่องค์ประมุขจะเสวยสิ่งใด ต้องมีคนทดสอบยาพิษก่อน นี่คือกฎ
องค์ประมุขจ้องมองมาที่เขา “เหตุใดรึ? เจ้าสงสัยว่าถังหูลู่นี้ไม่ชอบมาพากล? ข้าว่าเจ้าคงอยู่ในวังมานานเกินไปแล้ว กลายเป็นคนช่างระแวงสงสัย สิ่งนี้จะมีพิษได้เยี่ยงไร?”
องค์ประมุขกัดไปในคำหนึ่ง
ตาเหลือก ขากระตุก!
ฉิบหาย!
มีพิษจริงๆ!
……………………………