หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 312 พี่จิ่วล้างแค้น
ตกกลางคืนอากาศเย็น
เยี่ยนอ๋องนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเงียบๆ พลางมองออกไปนอกเรือน
อิ่งลิ่วตัดแต่งต้นไม้ลานบ้านจนนับว่างดงาม ทว่าอย่างเยี่ยนอ๋องผู้สูงศักดิ์ มีหรือจะไม่เคยเห็นดอกไม้ต้นไม้ที่งดงามเช่นนี้
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้เข้าไปรบกวนเขาในทันที ทำเพียงยืนอยู่ด้านหลังบิดา มองไปยังแผ่นหลังของเขาเงียบๆ
ไม่พบกันหลายวัน เขาแลดูซูบผอมกว่าเดิม เขานั่งอยู่คนเดียว แม้แต่อาภรณ์ของเขาก็ยังแฝงไปด้วยเงาของความโดดเดี่ยว
ไม่รู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านพ่อ”
เยี่ยนอ๋องหลุดจากภวังค์ เขาหันมาช้าๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เจ้ามาแล้ว”
การที่เยี่ยนจิ่วเฉาหาที่นี่พบนั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาแม้แต่น้อย
ไม่ว่าอิงสือซันหรืออิ่งลิ่วบอกเขา หรือว่าเซียวเจิ้นถิงนำความไปแจ้งแก่จวนสกุลเห้อเหลียนก็ตาม
ขอเพียงเขาต้องการตามหา เขาก็จะหาพบ
เยี่ยนจิ่วเฉานำกล่องที่ถืออยู่ในมือวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “หนานจ้าวไม่มีขนมแป้งนึ่งของทางเหนือ นี่เป็นขนมแป้งนึ่งที่พ่อครัวซึ่งเคยไปต้าโจวทำ ไส้ถั่ว แป้งกุ้นฮวา โรยด้วยงาขาว”
จิตใจปวดร้าวก็มักจะอยากกินของหวานสักหน่อย เยี่ยนอ๋องกินไม่ลง แต่ลูกชายซื้อมาแล้ว เขาจึงพยายามกินจนหมด
เมื่อคิดเรื่องหนึ่งได้ เขาก็วางตะเกียบลง “ข้าจำได้ว่าตอนเด็กๆ เจ้าชอบกินขนมแป้งนึ่ง ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้…”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็หยุดชะงัก
อิ่งลิ่วบอกเขาแล้ว ฉงเอ๋อร์ถูกยาพิษ กินอะไรไม่รับรู้รสมาหลายปีแล้ว
ตอนนี้เขาสามารถรับรสเปรี้ยวและรสหวานได้ แต่ก็ไม่ใช่รสชาติที่คนทั่วไปรับรู้
ความรู้สึกผิดถาโถมขึ้นในใจของเยี่ยนอ๋อง “ฉงเอ๋อร์ เจ้าคงจะโกรธพ่อ”
“โกรธท่านเรื่องอะไร” เยี่ยนจิ่วเฉาถามกลับ
เยี่ยนอ๋องอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร
เขาไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะเดาไม่ออก
เยี่ยนจิ่วเฉารินชาให้เขาถ้วยหนึ่ง “ท่านอย่าคิดมาก เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านไม่ต้องเสียใจด้วย”
ท่านยังมีข้าอยู่
สองพ่อลูกพูดน้อย นั่งอยู่ด้วยกันนาน แต่สนทนากันไม่มาก เยี่ยนจิ่วเฉาให้เยี่ยนอ๋องพักผ่อน ส่วนตนเองก็เดินไปยังห้องของอิ่งลิ่วและอิ่งสือซัน
ทั้งสองคาดเดาได้ว่าเขาจะมา จึงรออยู่ในห้องนานแล้ว
“คุณชาย” พวกเขาประสานมือคำนับ
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อิ่งลิ่วเกาศีรษะ แล้วกระซิบถามว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
ทั้งสองไม่ได้รับข่าว จึงไม่รู้ว่าเซียวเจิ้นถิงและซั่งกวนเยี่ยนเข้ามาในเมืองหลวง ทั้งยังมาพักที่นี่
ทันทีที่เยี่ยนอ๋องพบกับซั่งกวนเยี่ยน หัวใจของอิ่งลิ่วแทบจะหล่นลงไปถึงตาตุ่ม!
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าเมื่อสามีภรรยาที่จากกันไปนับสิบปีกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง จะเป็นอย่างไร ซั่งกวนเยี่ยนร่ำไห้เช่นนั้น เห็นได้ชัดว่านางทรมานมากเท่าใด ท่านอ๋องไม่ได้ร้องไห้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้เสียใจ
อิ่งลิ่วมองไปยังร่างที่ซูบผอมของท่านอ๋อง และคิดว่าหัวใจของเขาคงแหลกสลายไปแล้ว
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนวิปลาสอย่างหนานกงเยี่ยน อิ่งลิ่วเกลียดนางเหลือเกิน!
อิ่งสือซันไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอิ่งลิ่ว แม้ว่าเขาจะสงสารท่านอ๋อง และรู้สึกเสียดายแทนคุณชาย แต่หัวใจของเขาก็ยังคงไร้ความรู้สึก
สีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังคงไร้ความรู้สึกยินดียินร้ายดังเคย เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หลายวันมานี้คงได้อะไรมาบ้างสินะ?”
อิ่งสือซันตอบว่า “สกุลเห้อเหลียนตอนนี้ไม่มี แต่ท่านอ๋องกับหนานกงเยี่ยนมีความคืบหน้าอยู่บ้างขอรับ”
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย “ว่ามา”
อิ่งสือซันขยายประสาทสัมผัสไปถึงขีดสุด เมื่อมั่นใจแล้วว่าโดยรอบไม่มีใครแอบฟัง จึงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หนานกงหลีไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอ๋องขอรับ หนานกงซีก็ไม่ใช่ ในปีนั้นที่เมืองเยี่ยน เด็กที่ฮูหยินเหยาพบเข้านั้น…เป็นตัวปลอมขอรับ!”
……
ยามสนธยา โคมไฟเริ่มติดขึ้น
เยี่ยนอ๋องเดินไปตามถนนที่มีผู้คนขวักไขว่
นี่เป็นเทศกาลโคมซึ่งหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว ปีที่แล้วจัดในวันชีซี[1] แต่เนื่องจากภัยแล้ง ปีนี้จึงเลื่อนไปจัดในวันจงหยวน[2]
เป็นเพราะผู้คนตั้งตารอนานกว่าปกติ เทศกาลโคมไฟในครั้งนี้จึงคึกคักมากกว่าเดิม
เยี่ยนอ๋องซื้อขนมแป้งนึ่งหนึ่งกล่อง เมื่อเดินกลับไปที่เดิม พวกเขาก็หายไปแล้ว เยี่ยนอ๋องมองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นร่างอรชรงดงามสวมอาภรณ์สีม่วงอ่อนยืนอยู่หน้าแผงขายโคมไฟดอกบัว
เขาเดินเข้าไปด้วยความดีใจ ขยับเข้าไปแนบชิดนาง จับมือของนาง และส่งขนมแป้งนึ่งให้ “เยี่ยน(艳)เอ๋อร์!”
สตรีตรงหน้าหันมา มองเขาด้วยความตกตะลึง
“อ้าว!” เยี่ยนอ๋องสีหน้าเปลี่ยนไป รีบปล่อยมือของนาง ขนมแป้งนึ่งร้อนๆ หล่นลงบนพื้น เขาผงะถอยไป แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความละอายใจ “ข้าจำคนผิด ขอโทษด้วย!”
เยี่ยนอ๋องเดินจากไปด้วยความกระดากอาย
หนานกงเยี่ยนมองไปยังแผ่นหลังที่ห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วถามองครักษ์ว่า “เขาคือใคร?”
องครักษ์ตอบว่า “ทูลตี้จี เขาคือเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว เป็นน้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเยี่ยนเบ้ปาก “เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าชื่อเยี่ยน(雁)เอ๋อร์?”
องครักษ์กล่าวว่า “เขาบอกว่าเขาจำคนผิดขอรับ”
หนานกงเยี่ยนเลิกคิ้ว “ใครจะไปเชื่อ!”
องครักษ์ “…”
“เยี่ยนเอ๋อร์!” หนานกงเยี่ยนเลียนเสียงของเขา แล้วก็หัวเราะออกมา “น่าฟังจริงๆ”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ!”
หนานกงเยี่ยนสะดุ้งตื่นจากความฝัน นางมองไปยังห้องขังเย็นๆ แล้วมองไปยังนางกำนัลซึ่งเขย่านางจนตื่น จากนั้นก็นึกได้ว่าตนอยู่ในห้องขังของคุกหลวง
“เจ้ามาได้อย่างไร” หนานกงเยี่ยนถาม
นางกำนัลคนนี้เป็นคนสนิทของฮองเฮา ตามรับใช้ข้างกายฮองเฮาตลอดเวลา
“ฮองเฮาเป็นห่วงตี้จี จึงให้ข้ามาดู ท่านผอมลง เมื่อครู่ข้าเรียกท่านแล้ว แต่ท่านไม่ตื่น จึงคิดว่าท่านหมดสติไป และเรียกหมอหลวงมาโดยพลการ” นางกำนัลกล่าว ความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
หนานกงเยี่ยนมองนางด้วยความประหลาดใจ “สีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
นางกำนัลกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ยินดีด้วยเพคะ ท่านตั้งครรภ์แล้ว!”
หนานกงเยี่ยนคิดว่าตนฟังผิดไป “เจ้า…เจ้าว่าอย่างไรนะ”
นางกำนัลกล่าวว่า “หมอหลวงบอกว่าท่านมีชีพจรของคนตั้งครรภ์ ยินดีด้วยเพคะ! ข้าเพิ่งจะกราบทูลฮองเฮา ฮองเฮาทรงทราบเรื่องแล้ว ต้องดีใจมากเป็นแน่ ฝ่าบาทก็ต้องดีใจมากเช่นกัน!”
องค์ประมุขและฮองเฮารักนางมาก ย่อมต้องดีใจที่นางตั้งครรภ์ แต่คนแรกที่ปรากฏขึ้นในสมองของหนานกงเยี่ยนกลับไม่ใช่ฮองเฮาและองค์ประมุข
“ราชบุตรเขยรู้ข่าวแล้วหรือยัง?” หนานกงเยี่ยนคว้ามือนางกำนัล
รอยยิ้มของนางกำนัลชะงักในทันใด นางส่ายหน้าพลางตอบว่า “ยังเพคะ”
หนานกงเยี่ยนครุ่นคิด ความคิดหนึ่งแล่นปราดเข้ามาในสมองของนาง นางจับมือของนางกำนัลแน่น “ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน…เจ้าให้ข้าออกไป ข้าจะไปบอกข่าวนี้กับเขา! ข้าตั้งท้องลูกของเขา…เขาเป็นพ่อ…เขาจะต้องดีใจ…เขาต้องดีใจอย่างแน่นอน…”
ว่ากันว่าพยัคฆ์ที่ดุร้ายไม่กินลูกของตน ต่อให้เยี่ยนอ๋องใจร้ายกับนาง แต่ในท้องของนางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ เขาจะไม่กลับมาหานางเชียวหรือ?
เขาทำใจออกห่างจากหนานกงหลีและหนานกงซีได้ ก็เพราะพวกเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา
เลือดข้นกว่าน้ำ
เขารักเยี่ยนจิ่วเฉามากเท่าใด ก็ย่อมต้องรักลูกในท้องของนางมากเท่านั้น
นางกำนัลกล่าวด้วยความลำบากใจว่า “เอ่อ…ฝ่าบาท…ข้าไม่สามารถปล่อยท่านออกไปได้…ถ้ามีใครรู้เข้า…”
หนานกงเยี่ยน “จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้! ตราบใจที่ยังมีเสด็จแม่ เสด็จแม่จะปกป้องข้า! แล้วก็จะไม่มีผู้ใดลงโทษเจ้า!”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ ตอนนี้ข้าตั้งท้องอยู่ เจ้าคิดจะขัดคำสั่งข้า อยากให้ข้าแท้งรึ?”
“ข้าน้อยไม่กล้า!”
หนานกงเยี่ยนนัยน์ตาเป็นประกาย “เจ้ารีบเอาป้ายคำสั่งมาให้ข้าเร็ว!”
“…เพคะ! ”
นางกำนัลส่งป้ายคำสั่งสำหรับออกจากวังให้หนานกงเยี่ยน สลับเสื้อผ้ากับหนานกงเยี่ยน ให้นางกำนัลอยู่ในคุกหลวง ส่วนนางก็ปลอมตัวเป็นนางกำนัลออกมา
เยี่ยนอ๋องซื้อเรือนในเมืองหลวงไว้หลายหลัง หนานกงเยี่ยนรู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง เพียงแต่นางไม่มั่นใจว่าเยี่ยนอ๋องจะอยู่ที่เรือนหลังไหน
นางนั่งรถม้าออกมาเพียงลำพัง วนอยู่บนถนนใหญ่อยู่หลายครั้ง ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงของเด็กทั้งสามดังมาจากถนนซื่อสุ่ย
ที่นี่อยู่ห่างจากจวนสกุลเห้อเหลียนมาก เจ้าเด็กพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่าเยี่ยนอ๋องจะต้องอยู่แถวนี้
หนานกงเยี่ยนบอกให้สารถีหยุดรถม้า นางเดินตามเสียงโหวกเหวกของเด็กๆ ไปที่หัวถนนของถนนซื่อสุ่ย
ครั้งนี้อวี๋หวั่นพาเด็กน้อยทั้งสามมาเล่นที่เรือนของเยี่ยนอ๋องแล้ว
เธอยังต้องไปหยิบของที่เรือนฝั่งตรงข้าม จึงไม่ได้ลงกลอนประตู
หนานกงเยี่ยนผลักประตูเข้าไป
“อ๊าาาาา! ไม่เอาๆ!”
เป็นเสียงของเสี่ยวเป่าที่งอแงไม่ยอมอาบน้ำ
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเป็นเด็กสกปรก” เอ้อร์เป่าพูดด้วยท่าทางรังเกียจ
“เจ้านั่นแหละเด็กสกปรก!”
“ข้าไม่ได้สกปรก! เจ้านั่นแหละ! ”
“ต้าเป่าเจ้าบอกมา! ใครเป็นเด็กสกปรก”
“เจ้านั่นแหละๆๆ! แบร้ๆๆ!” เอ้อร์เป่าแลบลิ้นปลิ้นตา
เสี่ยวเป่ายังไม่ยอม “แบร้ๆๆ!”
ทั้งเรือนมีแต่เสียงเอะอะของพวกเขา
หนานกงเยี่ยนลูบท้องที่ยังไม่นูนออกมา ความอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของนาง
นางไม่ต้องอิจฉาผู้อื่นอีกต่อไป นางตั้งครรภ์ลูกของราชบุตรเขยแล้ว
นางหาห้องหนังสือพบแล้ว
นี่เป็นที่ที่ราชบุตรเขยชอบที่สุด
ราชบุตรเขยนั่งอยู่เงียบๆ ที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง ดังที่เขาเคยทำครั้นอยู่ในจวนประมุขหญิง
เพียงแค่เห็นด้านหลัง หนานกงเยี่ยนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
นางจับท้อง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ราชบุตรเขย”
ราชบุตรเขยมิได้สนใจนาง
เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา
นั่นทำให้หนานกงเยี่ยนรู้สึกเย็นวาบในใจ แต่นางก็ไม่ได้ถอดใจ ตอนนี้นางไม่ใช่แม่หม้ายผู้โดดเดี่ยวอีกต่อไป นางมีลูกแล้ว
เขารักลูกที่สุดไม่ใช่หรือ?
นางค่อยๆ เดินเข้าไปพลางเอ่ย “ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนผิดเอง ช้าพูดอย่างไรท่านก็คงไม่ให้อภัยข้า ข้ามาวัน
นี้ ไม่ได้เพื่อขอให้ท่านให้อภัยข้า ข้าแค่อยากบอกท่านว่าข้าตั้งท้อง”
นางพูดไป น้ำตาไหลรินไม่หยุด
นางกัดฟันก้าวไปด้านหน้า “ข้าตั้งท้องลูกของเราทั้งสอง ท่านจะไม่ให้อภัยข้าก็ได้ แต่ท่านอย่าได้รังเกียจเด็กคนนี้
เลย ท่านคงไม่อยากให้เขาเกิดมากำพร้าพ่อ
ข้าสัญญาว่า หลังจากนี้จะฟังท่านทุกอย่าง ขอเพียงท่านยินดีที่จะอยู่กับข้าและลูก ข้าไม่ขอรับตำแหน่งประมุขหญิงแล้วก็ได้ ข้าจะไปอยู่กับท่านที่ต้าโจว เป็นพระชายาของเยี่ยนอ๋อง”
นี่เป็นความจริงจากใจของนาง แต่ในสถานการณ์ที่บีบคั้น หนานจ้าวเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ต่อให้นางอยากอยู่ต่อก็ทำไม่ได้ นอกจากคำก่นด่าสาปแช่งของผู้คน นางก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ตอนนี้ยังมีท่านแม่ปกป้องนาง แต่วันใดท่านแม่ไม่อยู่แล้ว นางจะใช้วิธีใดไปสู้กับตี้จีองค์โตที่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในครอบครองกันเล่า?
เช่นนั้นไม่สู้หนีไปกับเขาผู้นี้ดีกว่าหรือ
“ท่าน…ท่านพูดสิ”
ราชบุตรเขยไม่ได้กล่าวอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นทำให้หนานกงเยี่ยนรู้สึกร้อนรน “ท่านใจจืดใจดำเสียจนไม่สนใจแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเชียวหรือ?”
ทันทีที่นางพูดจบ เก้าอี้ของเขาก็ขยับในที่สุด
เขาค่อยๆ หันมา เผยให้เห็นใบหน้างดงามทว่าเย็นเยียบ
เมื่อหนานกงเยี่ยนมองใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดเจน นางก็พลันตกใจ “ยะ…เยี่ยนจิ่วเฉา?”
นางก้าวถอยหลังไป จ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง “เจ้า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน มองด้านหลังยังคล้ายกันถึงเพียงนี้ ท่าทางและความสง่างามยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
เยี่ยนจิ่วเฉาลุกขึ้นยืน ใบหน้าเย็นชาของเขาก้าวเข้ามาหานาง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ามีอะไรนะ?”
หัวใจของหนานกงเยี่ยนเต้นครึกโครม แต่เมื่อคิดถึงลูกในท้อง นางก็เกิดความกล้าหาญขึ้นมา เขาเกลียดนางแล้ว
อย่างไร? ในท้องของนางก็เป็นน้องของเขา ไม่เหมือนกับหนานกงหลี เด็กที่อยู่ในท้องของนางนี่สิ จึงจะมีค่าอย่างแท้จริง!
นางยืดอก แล้วกล่าวด้วยความทระนงว่า “ข้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอ๋องอยู่ในท้อง! ทางที่ดีเจ้าอย่าผลีผลาม!”
“ชิ~” เยี่ยนจิ่วเฉากระดิกนิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
อิ่งสือซันเดินออกมาจากมุมมืด
หนานกงเยี่ยนใจหายวาบ นางยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ถูกอิ่งสือซันตบเข้าเต็มแรง
หนานกงเยี่ยนถูกตบด้วยมือที่มีพลังภายใน ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นผ่านท้องของนาง ของเหลวอุ่นๆ ไหลลงจากขาของนาง
นางกระเด็นลงไปบนพื้น!
นางยื่นมือออกมาจับกระโปรง แต่กลับพบว่ามันเต็มไปด้วยเลือด
หนานกงเยี่ยนตื่นตะลึง!
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปหยุดที่เบื้องหน้าของนาง แล้วมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา “ตอนนี้ยังมีอยู่หรือไม่?”
………………………………….
[1] วันชีซี ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน
[2] วันจงหยวน หรือวันสารทจีน ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน