หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 315 ลูกลิงทั้งสาม
ลมยามราตรีพัดเย็นสบาย
เด็กน้อยทั้งสามส่งเสียงเอะอะอยู่ในห้องของเยี่ยนอ๋องมาครึ่งชั่วยามแล้ว พวกเขากลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง กระโดดไปกระโดดมาอยู่ที่พื้น สุดท้ายก็นอนอยู่บนพรมขนเสือนุ่ม ผล็อยหลับไป
หลังจากเยี่ยนอ๋องเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับเข้าห้องไป ก็พบว่าเด็กทั้งสามนอนก้นโก่งกรนเบาๆ อยู่บนพรมหนังเสือ
เนื้อแน่นๆ ของพวกเขาบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง น้ำลายใสไหลย้อยที่มุมปาก
เยี่ยนจิ่วเฉาตอนเด็กไม่เป็นเช่นนี้ เขานอนได้เรียบร้อย ไม่มีผู้ใดสอนเขา แต่ไม่ว่าเขาจะเล่นซุกซนในตอนกลางวันมากเท่าใด ตกกลางคืนเขาก็จะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย
เด็กสามคนนี้ท่านอนประหลาดเหลือเกิน ไม่รูู้ว่าได้จากใครมา
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เยี่ยนอ๋องก็ยังรักพวกเขา
เยี่ยนอ๋องเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ค่อยๆ อุ้มเด็กน้อยขึ้นไปวางบนเตียงทีละคน จัดท่านอนของพวกเขาให้ดี น่าเสียดายที่ทันทีที่เขาหันหลัง เด็กทั้งสามก็พลิกไปพลิกมาไปคนละทิศละทางเสียแล้ว
เจ้าลูกลิงก้อนนี้เป็นอะไรกัน…
เยี่ยนอ๋องห่มผ้าให้พวกเขา
พรึ่บ!
ต้าเป่ายกขาขึ้นถีบผ้าห่ม
เยี่ยนอ๋องห่มผ้าให้ใหม่
จากนั้นผ้าห่มก็ถูกเอ้อร์เป่าถีบอีก
เยี่ยนอ๋องมิได้รังเกียจรังงอน จับผ้าขึ้นมาห่มให้พวกเขาอีก จนกระทั่งทั้งสามหลับลึก ฟ้าผ่าก็ไม่มีทางรู้ตัว เยี่ยนอ๋องจึงลุกขึ้นยืน ดับเทียนบนโต๊ะ เหลือไว้เพียงแสงตะเกียงริบหรี่
แสงจันทร์ส่องสว่างบดบังแสงดาว รอบกายเงียบสงัด
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กทั้งสามทำให้หัวใจอันว่างเปล่าของเยี่ยนอ๋องกลับมาเต้นอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “ข้าไปซื้อเอง!”
พูดจบ ก็มีเสียง ‘แกร็ก’ ดังขึ้น ประตูเปิดออก
หลังจากนั้นก็มีเสียงควบม้า ซึ่งค่อยๆ เบาลงและหายไปที่หัวมุมถนน
นั่นเป็นเสียงของเซียวเจิ้นถิง เยี่ยนอ๋องไม่รู้ว่าเขารีบไปซื้ออะไร แต่เดาได้ว่าเกี่ยวข้องกับซั่งกวนเยี่ยน
เยี่ยนอ๋องนึกภาพนางตอนตั้งท้องในปีนั้นไม่ออก เขาไม่เพียงเสียใจ แต่ยังโกรธเกลียดหนานกงเยี่ยน นางไม่เพียงทำให้พวกเขาต้องพรากจากกัน แต่นางยังพรากความทรงจำของเขาไปด้วย
ชีวิตที่เหลือของเขา จะใช้สิ่งใดเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินต่อไปเล่า?
“ท่านพ่อ?”
อวี๋หวั่นเรียกเยี่ยนอ๋องให้หลุดจากภวังค์
เยี่ยนอ๋องชะงักไป และพบว่าตนเองเดินเข้ามาในเรือนของเซียวเจิ้นถิงและซั่งกวนเยี่ยนโดยไม่รู้ตัว
ซั่งกวนเยี่ยนนอนไม่หลับ อีกทั้งในห้องยังร้อนเกินไป จึงนำอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยออกมานั่งด้านนอก อวี๋หวั่นออกมานั่งเป็นเพื่อนนาง
อวี๋หวั่นนั่งหันหน้าเข้าหาลานบ้าน เพราะฉะนั้นจึงเห็นเยี่ยนอ๋องก่อน
แต่แม้ว่าเสียงของเธอจะเบา ทว่าก็ทำให้ซั่งกวนเยี่ยนหันหน้าไปมอง
อดีตสามีภรรยามาพบกันอีกครั้งอย่างเหนือความคาดหมาย
ดวงตาทั้งสองคู่สบกันชั่วขณะหนึ่ง ร่างของทั้งสองก็นิ่งไป
เยี่ยนอ๋องอ้าปากพะงาบ ไม่รู้ว่าควรอธิบายว่าตนเข้ามาทำอะไรกลางดึก
เป็นอวี๋หวั่นที่รีบลุกขึ้นยืน เธอมองเยี่ยนอ๋อง แล้วบอกว่า “ท่านพ่อ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ”
“ข้า…” เยี่ยนอ๋องลังเล
อวี๋หวั่นมองซั่งกวนเยี่ยน ซั่งกวนเยี่ยนแลดูคล้ายกับมีสิ่งที่อยากพูดกับเยี่ยนอ๋องแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
เยี่ยนอ๋องมาถึงที่นี่ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ย่อมมีจิตใต้สำนึกของเขาเป็นแรงผลักดัน
เซียวเจิ้นถิงออกไปซื้อของกินให้ซั่งกวนเยี่ยน อวี๋หวั่นเชื่อว่าทั้งสองคนจะไม่ทำเรื่องไม่เหมาะสม เรื่องที่ค้างคาก็ควรพูดออกไปเสีย อวี๋หวั่นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะไปดูพวกต้าเป่าสักหน่อย”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “ได้”
อวี๋หวั่นวางเข็มและด้ายลง แล้วเดินไปยังเรือนฝั่งตรงข้าม
ประตูใหญ่ของเรือนทั้งสองฝั่งเปิดกว้าง แสงจากด้านในเล็ดลอดออกมา ส่องแสงสลัวระคนกันบนพื้นถนนมืด
ซั่งกวนเยี่ยนลุกขึ้นยืนคำนับแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง”
เยี่ยนอ๋องจำเรื่องในอดีตไม่ได้ แต่จำได้ว่านางไม่ใช่คนมากพิธีกับสามี เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าหลายปีมานี้เขากลายเป็นคนอื่นไปแล้ว
ในใจของเยี่ยนอ๋องชอกช้ำเหลือเกิน แต่กลับไม่เผยความรู้สึกทางสีหน้า “เจ้าตั้งท้องอยู่ ไม่ต้องมากพิธีหรอก นั่งลงเถิด”
ซั่งกวนเยี่ยนไม่นั่ง นางยังคงทำตามธรรมเนียม นางต้องรอให้เยี่ยนอ๋องนั่งลงก่อน
แต่เยี่ยนอ๋องกลับยืนรอนาง
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจนั่งลง
เยี่ยนอ๋องนั่งลงบนม้านั่งหินฝั่นตรงข้ามกับนาง ไม่ใช่ตำแหน่งที่อวี๋หวั่นเคยนั่ง ตำแหน่งนั้นใกล้กับนางมากเกินไป ไม่เหมาะสมกับสถานะของพวกเขาทั้งสอง
ทั้งสองนั่งอยู่เงียบๆ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก
ครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน หัวใจของพวกเขาประหนึ่งถูกคลื่นลูกใหญ่โหมซัด ซั่งกวนเยี่ยนร่ำไห้อย่างหนัก จนพูดไม่เป็นภาษา ตอนนี้นางใจเย็นลงแล้ว แต่กลับยังไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
“ข้าขอโทษ”
“ข้าขอโทษ”
ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ซั่งกวนเยี่ยนบอกว่า “เป็นข้าที่ต้องขอโทษท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้ทำอะไรผิด อาหวั่นบอกข้าหมดแล้ว ท่านอ๋องไม่ได้เต็มใจทำเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ข้ากล่าวโทษท่าน ภายหลังจึงรู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ท่านอ๋องเป็นคนที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด ถ้าหาก…”
ประโยคต่อมา ซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้กล่าวออกไป
ถ้าหากอะไร?
ถ้าหากข้ายืนกรานไม่แต่งงานใหม่ ก็คงต้องบากหน้าแบกรับความทุ่มเทที่เซียวเจิ้นถิงมีต่อเยี่ยนจิ่วเฉา?
ถ้าหากตอนนั้นรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ นางคงตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนั้นต่อไป
แต่เขา ‘ตาย’ แล้ว หัวใจของนางก็แหลกสลาย จะแต่งงานใหม่หรือไม่แต่งงานใหม่แล้วอย่างไร? ขอเพียงให้ลูกมีชีวิตอยู่ต่อไป ให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเพียงคนเดียวยังคงอยู่บนโลกนี้ ให้นางทำสิ่งใดนางก็ยอม
ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด “เขาไม่ได้บังคับข้า เป็นข้าเอง…ที่แต่งงานใหม่”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “ข้ารู้ เจ้าไม่อยากติดค้างเขา แต่ก็ไม่อยากเชื่อใจเขาอย่างที่เชื่อใจข้า”
ซั่งกวนเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมาทันใด
เยี่ยนอ๋องกล่าวว่า “ใต้หล้านี้ มีเพียงพ่อแท้ๆ ที่สามารถรักลูกได้โดยปราศจากเงื่อนไข เขารักเจ้า และหายาถอนพิษมาให้ฉงเอ๋อร์ เจ้ากังวลว่าวันดีคืนดีเขาอาจไม่หายามาให้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องเหนี่ยวรั้งหัวใจของเขาไว้”
คำพูดนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบาย ทว่าทุกคำล้วนเปรียบประหนึ่งใบมีดกรีดลงบนหัวใจของเขา
เรื่องที่เขาทำไม่ได้ เซียวเจิ้นถิงทำได้
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเซียวเจิ้นถิง แต่กลับรักและเอ็นดูเขามานานเพียงนี้ เขาเอาชนะบิดาบังเกิดเกล้าได้แล้ว
“เขาดีกับเจ้าไหม?” เยี่ยนอ๋องพยายามระงับความปวดร้าวในใจ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าปกติ
ซั่งกวนเยี่ยนพยักหน้า “ดี เขาดีกับฉงเอ๋อร์ด้วย”
บอกไม่ถูกว่าเซียวเจิ้นถิงหรือเยี่ยนอ๋อง ใครดีกับพวกเขาสองแม่ลูกมากกว่ากัน และไม่มีความจำเป็นต้องเปรียบเทียบ พวกเขาล้วนเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและเก่งกาจที่สุดในโลก ความโชคดีที่สุดในชีวิตของสองแม่ลูก ก็คือการได้พบกับพวกเขา
“ฉงเอ๋อร์เขา…”
“คนที่เขายกย่องที่สุดในใจก็ยังคงเป็นท่าน”
อาจไม่ใช่เพราะไม่เคยรู้สึกประทับใจในตัวเซียวเจิ้นถิงมาก่อน แต่ในหัวใจอันไร้เดียงสาของเขาก็รู้ดีว่าเซียวเจิ้นถิงได้ครอบครองหัวใจของซั่งกวนเยี่ยนไปแล้ว หากเขากับเซียวเจิ้นถิงกลายเป็นพ่อลูกที่รักกันมาก เช่นนั้นชีวิตของเยี่ยนอ๋องก็คงเหลือเพียงความโดดเดี่ยวและโศกเศร้า
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวว่า “เขาไม่เคยบอกข้าว่าเขาพบความผิดปกติในโลงศพของท่าน เขาเชื่อมาตลอดว่าท่านยังอยู่ เขารอท่านมาตลอด”
ถ้าเขาบอกเล่า? เจ้าก็จะรอข้าเหมือนกันไหม?
คำพูดนี้ เยี่ยนอ๋องไม่ได้พูดออกไป เพราะต่อให้พูดไปก็ไร้ความหมาย
ตั้งแต่วินาทีทีเขากลายเป็นราชบุตรเขยของหนานกงเยี่ยน พวกเขาก็ไม่มีทางกลับมาหาเขาอีก
กรึก
ซั่งกวนเยี่ยนทำเลื่อมมุกหลุดมือร่วงลงบนพื้น
ซั่งกวนเยี่ยนจึงเอนกายลงไปหมายจะเก็บ
เยี่ยนอ๋องรวดเร็วกว่า เขาเก็บเลื่อมมุกลูกนั้นขึ้นมา
ซั่งกวนเยี่ยนกำลังเย็บชุดให้ลูกในท้อง ชุดของเด็กน้อยทั้งสามนางทำเสร็จแล้ว แต่ขนาดเล็กไปสักหน่อย เมื่อครู่อวี๋หวั่นช่วยนางแก้แล้ว
ซั่งกวนเยี่ยนยื่นมือออกไปรับ
“ข้าเอง”
เยี่ยนอ๋องกลับหยิบชุดที่ปักไปได้เพียงครึ่งเดียวในมือของนางมา
ปลายนิ้วเรียวสวยจับเข็มแล้วสอดด้ายเข้าไปในเลื่อมมุก เขาเย็บตามรูปแบบที่นางเย็บเอาไว้ จนเลื่อมมุกถูกเย็บติดกับผ้า
ซั่งกวนเยี่ยนจำได้ว่าก่อนที่นางจะออกเรือน นางมักจะถูกมามาลงโทษเพราะเย็บปักถักร้อยได้ย่ำแย่เหลือเกิน
ครั้นตั้งท้องเยี่ยนจิ่วเฉา นางพยายามเย็บชุดตู้โตวให้ลูก แต่กลับไม่ทันระวังจนถูกเข็มตำ สุดท้ายก็เป็นเขาที่เย็บ
ให้แทน
ชุดตู้โตวชุดนั้นนางยังเก็บเอาไว้ แต่ว่าเขาคงจำไม่ได้แล้ว
“เยี่ยนเอ๋อร์ ”
เซียวเจิ้นถิงถือห่านย่างมันเลื่อมน่ากินสองตัวเข้ามา ประจวบเหมาะกับเยี่ยนอ๋องซึ่งกำลังตัดด้าย และส่งชุดที่เย็บเสร็จให้ซั่งกวนเยี่ยนพอดี
ซั่งกวนเยี่ยนมอง แล้วยิ้มออกมา “ฝีมือการเย็บผ้าของท่านอ๋องดีเหลือเกิน ดีกว่าข้าเสียอีก”
“เยี่ยนอ๋อร์!” เซียวเจิ้นถิงมีสีหน้าน้อยใจ
ซั่งกวนเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มด้วยความประหลาดใจ “ท่านกลับมาแล้ว”
ภรรยาอยากกินห่านย่างตอนกลางดึก เขาออกไปหาถึงเจ็ดแปดร้าน กว่าจะซื้อห่านย่างที่น่ากินที่สุดมาได้ แต่เมื่อกลับมากลับพบว่าภรรยานั่งยิ้มแย้มอยู่กับเยี่ยนอ๋องในลานบ้าน เขาอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
เยี่ยนอ๋องมองไปยังห่านย่างในมือของเซียวเจิ้นถิง และรู้ว่าเขาออกไปกลางดึกเพื่อหาซื้อของกินมาให้ซั่งกวนเยี่ยน เยี่ยนอ๋องเหลือบมองหน้าท้องที่นูนออกมาของซั่งกวนเยี่ยน แล้วละสายตาไป เขาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ดึกมากแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ซั่งกวนเยี่ยนวางชุดลง มือดันเก้าอี้ลุกขึ้นคำนับเล็กน้อย “คำนับท่านอ๋อง”
ห่านย่างที่ซั่งกวนเยี่ยนอยากกิน ในที่สุดก็ได้กินแล้ว นางกินสองน่องในรวดเดียว จนตนเองก็ตกใจเช่นกัน
เซียวเจิ้นถิงซื้อมาสองตัว ตัวหนึ่งให้ซั่งกวนเยี่ยน อีกตัวหนึ่งนำไปให้อาหวั่น
เมื่อเขากลับมาจากห้องของอาหวั่น ซั่งกวนเยี่ยนก็ไม่อาจต้านทานต่อความง่วง
เซียวเจิ้นถิงไม่ได้รีบร้อนขึ้นเตียง เขาค่อยๆ ย่องไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดตู้ออก หยิบตะกร้าใส่อุปกรณ์เย็บปักถักร้อยของซั่งกวนเยี่ยนมา
ไม่ได้แค่ปักผ้าเองหรอกหรือ?
ข้าก็ทำได้
ขั้นแรก ต้องสนเข็ม!
มือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาจับเข็ม อีกข้างหนึ่งจับด้าย
สนเข็ม
สนเข็ม
สนเข็มมมมมมม!
……………………………….