หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 356.1 ความจริงเกี่ยวกับปาน (1)
เพราะอะไรกัน?
อวี๋หวั่นมองเขาเนือยนิ่ง
หากเป็นเมื่อก่อน อวี๋หวั่นไม่มีทางเชื่อคำพูดที่ออกจากปากเขา ทว่ายามนี้ ไม่ว่าเพราะความสัมพันธ์ระหว่างหวั่นเฟิงกับเจียงไห่ หรือแผนร้ายของฮองเฮาที่แดงออกมา ตำแหน่งการเป็นศัตรูเปลี่ยนแปลงไป สัญชาตญาณบอกอวี๋หวั่นว่าเขาไม่มีทางใช้คำเท็จลวงหลอกเธอ
ราชครูไม่ได้คิดใช้คำเท็จลวงหลอกอวี๋หวั่นแน่ ว่ากันว่ายามใกล้ตาย คำพูดคำจาล้วนออกจากใจ แต่เขาไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ และไม่ใช่ว่าบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับอวี๋หวั่นถูกลบล้าง แม้คนที่เขาเกลียดที่สุดจะเป็นฮองเฮา แต่อวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังเป็นศัตรูของเขาอยู่ดี
เพียงแต่ เขาเกรงว่าชีวิตอาจไม่มีวันข้างหน้าอีกแล้ว เขาต้องการใช้ความดีอันเล็กน้อยนี้ ให้อวี๋หวั่นช่วยเขาสักครั้ง หวังว่าวันหน้าอวี๋หวั่นจะสามารถดูแลหวั่นเฟิงได้
“คราแรกข้าไม่ได้คิดจะบอกความลับนี้แก่เจ้า แม้แต่หนานกงหลีข้าก็ไม่ได้บอก แต่ข้าเห็นแก่หวั่นเฟิง ข้าจะบอกเจ้าสักครั้ง” ราชครูกล่าวคำเว้นคำ “เผ่าปีศาจ”
อวี๋หวั่นมองเขาอย่างสับสน
ราชครูอธิบายว่า “คิดว่าเจ้าก็คงเคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตี้จีองค์โตกับเผ่าปีศาจ เผ่าปีศาจยอมเสนอกระทั่งของศักดิ์สิทธิ์”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว “เรื่องนี้ข้ารู้ มันเกี่ยวข้องกับปานของข้าอย่างไร? เจ้าอย่าบอกนะว่าพ่อของข้าไม่ใช่เห้อเหลียนเป่ยอวี้ แต่เป็นราชาเผ่าปีศาจ!”
ราชครูสำลักอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าเด็กหวั่นเฟิงถึงสนิทกับเธอถึงเพียงนี้ เจ้าพวกตัวเล็กสองคนนี้น่าเกลียดเหมือนกันอย่างกับแกะ! ในสมองนี่มีอะไรอยู่บ้าง! ! !
ราชครูกล่าวว่า “แม่ของเจ้ามีสัญญาแต่งงานกับเผ่าปีศาจ ในวันนั้นที่สัญญาการแต่งงานมีผล นางได้ถูกทำเครื่องหมายเผ่าปีศาจไว้ นางเป็นคนของเผ่าปีศาจแล้ว”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างครุ่นคิด “ดังนั้นเด็กที่นางให้กำเนิดก็จะมีเครื่องหมายนั้นด้วย? แต่เหตุใดน้องชายของข้าถึงไม่มีเล่า?”
ราชครูกล่าว “เครื่องหมายของสตรีจะถูกส่งต่อแก่สตรีเท่านั้น”
ทันใดนั้นอวี๋หวั่นก็ตระหนักได้ มิน่าละ เถี่ยตั้นและเด็กชายทั้งสามถึงไม่มี หากในอนาคตเธอให้กำเนิดเด็กหญิงกับเยี่ยนจิ่วเฉา เด็กหญิงคนนั้นจะไม่มีปานเหมือนเธอหรือ?
อวี๋หวั่นลูบหลัง เธอเกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจอย่างไร้สาเหตุ ความรู้สึกนี้ยากจะอธิบายได้เล็กน้อย
ราชครูกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตี้จีองค์โตเป็นเจ้าสาวที่ราชาเผ่าปีศาจกำหนดไว้ ราชาเผ่าปีศาจจะตามหานาง”
…
หลังออกจากสำนักราชครู อวี๋หวั่นก็เดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ซิวหลัวก็เดินมองซ้ายมองขวาตามหลังเธอ และหยิบของเล่นชิ้นเล็กๆ จากแผงขายเป็นครั้งคราว
“นี่ เจ้าหยิบของข้า——”
ตุบ!
อวี๋หวั่นโยนก้อนเงินไปบนแผงหาบเร่โดยไม่หันกลับไปมอง พ่อค้าหาบเร่ได้เงินก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยิน! มาบ่อยๆ นะ!”
ซิวหลัวหยิบของมา อวี๋หวั่นก็โยนเงินไป ไม่ต้องหันไปมองก็โยนได้อย่างแม่นยำทุกก้อน
แท้จริงแล้วในใจของเธอกำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่
คำพูดของราชครู เธอไม่เข้าใจนัก
อะไรคือท่านแม่ของเธอเป็นเจ้าสาวที่ราชาเผ่าปีศาจกำหนด ราชาเผ่าปีศาจจะต้องตามหานางจนพบอย่างแน่นอน? นี่มันผ่านมากี่ปีแล้ว? ราชาเผ่าปีศาจอะไรนั่นยังไม่ยอมปล่อยท่านแม่ของเธอไปอีกหรือ?
บัดนี้ท่านแม่ของเธอได้สถานะตัวตนที่แท้จริงคืนแล้ว หากจะหาจริงๆ ไม่มาที่ประตูจวนแล้วหรือ?
ยังไม่พบทูตจากเผ่าปีศาจอะไรนั่นหรือ?
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจ อวี๋หวั่นก็พบว่าเส้นทางของเธอถูกคนขวางไว้
อวี๋หวั่นก้าวไปทางขวา คิดจะหลบทาง แต่คนผู้นั้นก็ก้าวไปทางขวาเช่นกัน
อวี๋หวั่นก้าวไปทางซ้าย คนผู้นั้นก็ก้าวไปทางซ้าย
อวี๋หวั่นรู้สึกถึงความผิดปกติ หันมองอีกฝ่ายอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย บุรุษชุดดำอายุราวๆ สามสิบ เรียวคิ้วเย็นชา รูปร่างสูงใหญ่ กำลังมองเธอด้วยสายตาที่ราวกับเห็นเธอเป็นเหยื่อ
ดวงตาของอวี๋หวั่นวูบไหว
หลังจากซื้อของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมามากมาย มือสองข้างของซิวหลัวที่แทบจะกอบไม่ไหว เมื่อสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของอวี๋หวั่น ก็รีบแวบกายมาบังด้านหน้าอวี๋หวั่น!
บุรุษชุดดำกวาดตามองซิวหลัวขึ้นลง พลันหรี่ตา “ซิวหลัว?”
คนผู้นี้ดูออกว่าเขาเป็นซิวหลัว ดูแล้วคงไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดา อวี๋หวั่นเดินออกจากด้านหลังซิวหลัว และมองไปที่เขา “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องมาขวางทางข้า?”
บุรุษชุดดำยิ้มและพูดว่า “ไม่พบหลายปี รูปร่างหน้าตาของฮูหยินไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย”
หลายปี?
ปฏิกิริยาแรกของอวี๋หวั่นคือพวกเขาทั้งสองรู้จักกัน?
ปฏิกิริยาที่สองคือ เมื่อหลายปีก่อนเธอยังเป็นเด็กอยู่เลยไม่ใช่หรือ? อะไรคือรูปร่างหน้าตาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย?
แทบจะในพริบตา การคาดเดาที่อาจหาญก็เข้ามาในใจอวี๋หวั่น อีกฝ่ายจำคนผิด
บุรุษชุดดำยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? ก็ใช่ ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็ก”
แน่นอน เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นท่านแม่
บุรุษชุดดำมองใบหน้าของอวี๋หวั่นและอุทานว่า “เจ้าทำได้อย่างไร? หลายปีที่ผ่านมาเจ้าไม่แก่ลงสักนิด?”
นั่นเพราะข้ายังไม่แก่ไง เจ้าโง่!
บุรุษชุดดำกล่าวอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าให้กำเนิดบุตรสาว”
ข้าก็คือบุตรสาวคนนั้น ขอบคุณ…
ยามแรกบุรุษชุดดำสงสัยอยู่บ้างว่าตนเองจำคนผิด เพราะคนตรงหน้าเขายังอ่อนเยาว์ยิ่งนัก แทบจะเหมือนกับเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีผิด แต่ท่าทีอีกฝ่ายคล้ายกับยอมรับอยู่ตลอด ตนช่างเหมือนแมวตาบอดที่วิ่งไปชนหนูตายยิ่งนัก
รอยยิ้มของบุรุษชุดดำจางลง “หนีไปนานถึงเพียงนั้น ก็ควรกลับไปกับข้าได้แล้ว”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเฉยเมย “กลับไปที่ใด? ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ?”
บุรุษชุดดำทำเสียงฮึดฮัด “เลิกเสแสร้ง และอย่าคิดว่าสังหารทูตดำคนหนึ่งแล้วจะหนีไปได้อีกครั้ง”
นี่มันเรื่องอะไรกัน? อวี๋หวั่นเข้าใจทุกคำพูด แต่เมื่อนำมารวมกัน เหตุใดชวนให้คนฟังไม่รู้เรื่องเช่นนี้?
บุรุษชุดดำขู่ว่า “เจ้าจะตามข้าไปดีๆ หรือจะให้ข้าบังคับเจ้าไป”
อวี๋หวั่นกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าทำได้ก็ลองดู!”
ทันใดนั้นซิวหลัวก็ปล่อยพลังภายในที่ทรงพลังออกมา แต่บุรุษชุดดำกลับยิ้มเยาะ สะบัดแขนเสื้อ กระดิ่งทองแดงส่งเสียงไพเราะดังกังวานติดต่อกัน
กรุ๊งกริ๊ง!
ขนของซิวหลัวลุกซู่ วิ่งหนีกระเจิดกระเจิง!
นี่คือกระดิ่งทองแดงที่อาม่าใช้ขับไล่ซิวหลัวออกไปในคืนนั้น ที่แท้คนผู้นี้ก็สามารถ——
มีบางอย่างแวบขึ้นในใจของอวี๋หวั่น
บุรุษชุดดำเผยยิ้ม “เชิญเถิด ฮูหยิน”
อวี๋หวั่นก้าวถอยหลัง
บุรุษชุดดำเอื้อมมือไปหาอวี๋หวั่น
ขณะที่เขากำลังจะจับข้อมืออวี๋หวั่น ซิวหลัวที่ถูกขับไล่ไปด้วยกระดิ่งทองแดงก็วิ่งตึกๆๆ กลับมาอีกครั้ง!
ความประหลาดใจฉายทั่วดวงตาของบุรุษชุดดำ
ซิวหลัวเกลียดกระดิ่งทองแดงยิ่งนัก เหตุใดยังยอมกลับมา? หรือเพราะสตรีผู้นี้น่ะหรือ?
บุรุษชุดดำสั่นกระดิ่งทองแดงอีกครั้ง ซิวหลัวกลอกตาและแลบลิ้นอย่างรังเกียจ แต่กลับไม่หนีอีกต่อไป และพุ่งเข้าจู่โจมเขาแทน
บุรุษชุดดำเหยียดยิ้มเย็นชา
ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของซิวหลัวยังหัวเราะได้ อวี๋หวั่นเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี เป็นอย่างที่คาดไว้ ขณะที่มือของซิวหลัวบีบคอของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ชักแส้ออกมาฟาดไปบนร่างกายของซิวหลัว เพียะ!
“ฮื้อ”
ซิวหลัวถูกหวดเจ็บแสบ
อวี๋หวั่นรีบก้าวไปข้างหน้า จับแขนของซิวหลัวดูจุดที่เพิ่งถูกแส้ฟาดเมื่อครู่ มันดูราวถูกถ่านเผาไม่มีผิด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” อวี๋หวั่นถาม
ซิวหลัวหดหัวด้วยความหวาดกลัว
บุรุษชุดดำลูบแส้ยาวที่ส่องแสงเย็นรางๆ ในมือของเขา “นี่คือแส้ซิวหลัว ใช้สำหรับตีซิวหลัว แล้วก็ยังมีตาข่ายซิวหลัว”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทูตดำสี่คนก็กระโดดลงจากท้องฟ้าพร้อมกับเหวี่ยงตาข่ายขนาดใหญ่ลงมา
ซิวหลัวและอวี๋หวั่นถูกคลุมอยู่ใต้ตาข่าย
ดวงตาของอวี๋หวั่นค่อยๆ มืดลงและสลบไป
ตาข่ายประเภทนี้ไม่มีผลอะไรกับยอดฝีมือทั่วไป แต่สำหรับซิวหลัวกลับเป็นเหมือนแท่งเข็ม พลังภายในก็ถูกกดระงับไว้ ความคลุ้มคลั่งในเส้นเลือดพลุ่งพล่าน ดวงตาทั้งสองเป็นสีแดง สูญเสียการรับรู้ควบคุมตนเอง
ทูตดำทั้งสี่เดินมาด้านหลังบุรุษชุดดำ
บุรุษชุดดำจ้องมองซิวหลัวที่ปกป้องอวี๋หวั่นไว้แน่นในอ้อมแขน และพูดด้วยความประหลาดใจ “อดทนได้นานถึงเพียงนี้”
ซิวหลัวที่อยู่ใต้ตาข่ายซิวหลัวมักจะสูญเสียสติไปอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นสัตว์ร้ายภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ซิวหลัวตนนี้ไม่รู้อย่างไร กลับยังคงรักษาร่องรอยของการตื่นรู้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ต้องทราบว่าการรักษาความตื่นรู้ภายใต้ตาข่ายซิวหลัวเป็นสิ่งที่เจ็บปวดหนักหนาและเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
………………