หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 391 การขู่บังคับ สกุลซือคง
หลานเจียวผู้นี้เป็นวรยุทธ์หรอกหรือ? สิ่งนี้มากเกินความคาดหมายของอวี๋หวั่น ดูไปแล้วที่สตรีผู้นี้สามารถบีบบุตรภรรยาเอกสกุลหลานออกไปแล้วขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเสียเอง คงไม่ใช่ได้มาเพียงเพราะการล่อหลอกด้วยเสน่หา
ดวงตาของอวี๋หวั่นเปล่งประกาย “คืนราชันสัตว์พิษให้ข้า!”
ยามเธอกล่าวเช่นนี้ พัดที่ถือก็หักกลางมือ
หลานเจียวไม่ได้เห็นหญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพียงปรายมองนางที่พูดพล่ามอย่างไม่แยแส การมองเพียงปราดเดียวนี้ ทำให้หลานเจียวถึงกับตกตะลึง
สายตาของหลานเจียวจับจ้องใบหน้าของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นรู้ดีว่านางกำลังประหลาดใจกับสิ่งใด นางรู้สึกว่าใบหน้านี้ดูคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย ราวกับเคยพบที่ใดสักแห่ง แต่ก็ยังนึกไม่ออก
หลานเจียวนึกไม่ออกและไม่พยายามที่จะนึกต่อ นางได้ราชันสัตว์พิษแล้ว ก็อารมณ์ดีไม่น้อย พลันผุดรอยยิ้มพึงใจ “เจ้าทำร้ายคนของข้า ข้าเพียงแค่ต้องการการชดใช้เล็กน้อยเท่านั้น”
อวี๋หวั่นพูดอย่างเย็นชา “เจ้าช่างพูดจามั่วซั่วไม่สนความจริง ผู้ใดเป็นฝ่ายลงมือก่อนกันแน่? หากไม่ทำร้ายนาง ข้าคงตายคามือนางไปแล้ว! หรือเจ้าต้องการให้ข้าอยู่เฉยๆ รอให้นางตีอย่างนั้นหรือ?”
ทูตศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความโกรธ “นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการแย่งกู่กับข้าหรอกรึ?”
อวี๋หวั่นกอดอกกล่าว “ข้าซื้อขายอย่างเป็นธรรม หากเจ้าไม่เต็มใจ ก็จ่ายราคาสูงกว่าสิ ส่วนคนขายจะเต็มใจขายให้กับผู้ใด นั่นก็เป็นทางเลือกของเขา หรือเพียงแค่ต่อรองราคาในสิ่งของอย่างเดียวกัน เจ้าก็จะเอาเรื่องข้าถึงตาย? เสียแรงที่พวกเจ้าสกุลหลานเป็นถึงตระกูลโด่งดังอันดับหนึ่งในหมิงตู ที่แท้กระทั่งเรื่องนี้กลับยังไร้การศึกษาหรอกหรือ?”
จำเป็นต้องบอกว่า หลังจากอยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉามานาน ปากของอวี๋หวั่นก็เริ่มคมคายมากขึ้น
ทูตฟังวาจาตอกกลับของอวี๋หวั่นจนพูดไม่ออก
หากนี่เป็นผู้นำตระกูลทั่วไป คงอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ทว่าหลานเจียวเป็นใคร? นางเป็นสตรีที่แย่งได้แม้กระทั่งพี่เขยของตัวเอง ทั้งยังแย่งมาหน้าตาเฉย เป็นสตรีที่ไร้ยางอายในหัวใจอย่างแท้จริง
หากคาดหวังให้นางละอายกับคำพูดของอวี๋หวั่น นั่นคงไร้เดียงสาเกินไป
หลานเจียวโบกมือข้างหนึ่ง
สาวใช้ข้างกายเข้าใจความหมาย หยิบขวดหยกในร้านมาให้นาง
หลานเจียวใส่สัตว์พิษตัวน้อยลงในขวดหยก
อวี๋หวั่นจ้องมองการกระทำของนาง พลันขมวดคิ้ว “คนแซ่หลาน! เจ้าอย่าหน้าด้านหน้าทนนัก! แย่งชิงสิ่งของคนมากมายถึงเพียงนั้น เจ้าไม่กลัวถูกแก้แค้นหรือ?”
เมื่อพูดถึงการแย่งชิง อวี๋หวั่นก็นึกถึงเหยียนหรูอวี้และหนานกงเยี่ยนในอดีต อย่างน้อยทั้งสองก็ยังกระทำอย่างลับๆ แต่บุตรอนุสกุลหลานผู้นี้กลับแย่งชิงไปอย่างเปิดเผยและชอบธรรม ในที่สุดอวี๋หวั่นก็เข้าใจแล้วว่าการไร้ยางอายอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร
ในหมิงตู ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการเคารพยำเกรง ส่วนชื่อเสียงนั้นเป็นเพียงร่มที่พวกอ่อนแอสร้างขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง มันอาจใช้ได้ในต้าโจวและหนานจ้าว แต่ใช้ไม่ได้ในหมิงตู
ผู้ใดหมัดแข็งแกร่ง ผู้นั้นก็เป็นกฎบ้านเมือง
ดังนั้นการใช้เหตุผลกับหลานเจียวจึงเป็นไปไม่ได้ สิ่งใดที่นางชื่นชอบ ถึงต้องแย่งชิงนางก็จะทำ ต่อให้วันนี้อวี๋หวั่นกับทูตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีปัญหากัน ขอเพียงเกี้ยวของหลานเจียวผ่านข้างกายอวี๋หวั่นไป และสัมผัสได้ถึงลมหายใจของราชันสัตว์พิษ นางก็จะลงมือแย่งมันไปแน่นอน!
อวี๋หวั่นก็เข้าใจในเรื่องนี้แล้ว จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะโต้เถียงกับหลานเจียว ทำเพียงมองหลานเจียวเนือยนิ่ง และกล่าวคำต่อคำ “ข้าจะพูดครั้งสุดท้าย คืนกู่มาให้ข้า ไม่เช่นนั้น เจ้าจะเสียใจ”
หลานเจียวทำเหมือนได้ยินเรื่องตลก หัวเราะจนไหล่สั่นไหว “สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดกับใคร? เจ้าคงไม่ใช่คนหมิงตูกระมัง? เจ้ามาจากที่ใด? เห็นแก่ที่เจ้ามอบราชันสัตว์พิษให้ข้า ผู้นำตระกูลเช่นข้าจะจดจำชื่อของเจ้าไว้”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าไม่คู่ควร!”
หลานเจียวใช้กำลังภายใน ปล่อยฝ่ามือตบพุ่งแหวกอากาศไป!
ซิวหลัวซึ่งเดิมทีถูกบุรุษชุดดำกดจนไม่อาจเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็หลุดพ้นจากพันธนาการ ใช้ร่างกายกำบังอวี๋หวั่น รับแรงตบเข้าที่หลังอย่างรุนแรง
หลานเจียวมองบุรุษชุดดำด้วยสายตาเย็นชา
บุรุษชุดดำคำนับด้วยความละอายใจ
เขาก็นึกไม่ถึงว่าตนเองกดราชาซิวหลัวที่เพิ่งผ่านขั้นมาไม่นานจนเป็นเช่นนั้นแล้ว อีกฝ่ายกลับยังมีกำลังพอที่จะเคลื่อนไหว
แต่ราชาซิวหลัวก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว
หลานเจียวพยักหน้า
บุรุษชุดดำออกตัว หมายจะปลิดชีวิตชายที่ขัดขวางถึงสองครั้งสองครา แต่คาดไม่ถึงว่าคานหามหรูหราที่ถูกแบกโดยซิวหลัวสิบหกคนกำลังผ่านมาทางนี้
แน่นอนว่าบนใบหน้าของซิวหลัวไม่ได้ถูกเขียนว่าซิวหลัว แต่อวี๋หวั่นอยู่กับซิวหลัวของเธอมานาน และคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อคนแบบเดียวกับเขาเข้ามาใกล้ เธอจึงแทบจะแยกออกได้โดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ เธอจึงตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
เธอไม่เคยพบเห็นซิวหลัวจำนวนมาก หรือซิวหลัวที่แบกคานหามให้คนนั่งมาก่อน คนที่นั่งมานั้นต้องมีสถานะความสำคัญระดับใด?
“คุณชายซือคง!” หลานเจียวที่ไม่เห็นผู้ใดในสายตาเมื่อวินาทีก่อนหน้า สีหน้ากลับเปลี่ยนไปแทบในทันทีที่คานหามนั้นปรากฏตัว นางหมุนตัวกลับไปคำนับอย่างสุภาพอ่อนน้อม และกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายซือคงจะเดินทางมา ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ”
ผ้าม่านโปร่งสีทองห้อยลงมาเป็นชั้นๆ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของคนบนนั้นได้อย่างชัดเจน ทว่ากลิ่นอายของเชื้อพระวงศ์วางอำนาจล้ำลึกไร้รูปร่าง เผยผ่านม่านตกกระทบบนตัวของคนทุกคน
อวี๋หวั่นไม่ได้ยินคนในขบวนคานหาม แต่ก็เดาได้ว่าเขากำลังทำท่าทางสื่อความอย่างไร เพราะคนในขบวนหามเอ่ยปากว่า “คุณชายของข้าถามท่านผู้นำตระกูลหลาน ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลานเจียวแย้มยิ้ม “อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อซื้อกู่ให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าซื้อมาแล้ว นี่ก็กำลังจะกลับจวน”
คนในขบวนหามผู้นั้นกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ลาก่อน”
หลานเจียวค้อมกายด้วยความเคารพ “เชิญคุณชายซือคง”
ขบวนหามจากไปอย่างยิ่งใหญ่
คนที่นั่งอยู่บนนั้นเป็นคนสกุลซือคงสินะ น่าเสียดายที่เห็นตัวไม่ชัด
อวี๋หวั่นรวบรวมความคิด ไตร่ตรองว่าหลานเจียวที่ไร้ยางอายใช้อำนาจบาตรใหญ่ผู้นี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่ารอให้คนสกุลซือคงมาเก็บกวาดปัญหาให้นาง ผู้ใดจะคิดว่าหลานเจียวไม่ใช่คนหน้าอย่างหลังอย่าง บอกว่ากลับจวน ก็กลับจวนทันทีจริงๆ
“นับว่าเจ้าโชคดี!” หลานเจียวปรายตามองอวี๋หวั่นอย่างเย็นชา ก่อนจะกลับไปขึ้นรถม้า รอกระทั่งคุณชายซือคงหายลับไปสุดถนน จึงให้เหล่าองครักษ์กลับจวนอย่างเกรียงไกร
ดูแล้วความเกรงกลัวของนางหลานที่มีต่อสกุลซือคงนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่คิด สิ่งนี้อนุมานได้ว่าอำนาจควบคุมของสกุลซือคงในหมิงตูนั้นทรงพลังเพียงใด
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นพยุงซิวหลัวที่บาดเจ็บขึ้นมา
เป็นเธอที่ประมาท คิดไม่ถึงว่าซิวหลัวก็สามารถเรียนรู้ได้ ต่อให้เป็นคนฉลาดสักเพียงใด ก็ยังต้องเรียนหนังสือจึงจะสามารถสอบเป็นจอหงวนได้ ไม่อาจมุ่งหวังให้คนที่ไม่เข้าเรียนสักวัน ไม่อ่านหนังสือสักเล่ม สามารถเขียนบทความยอดเยี่ยมที่ชวนให้คนตบโต๊ะชื่นชม
เส้นทางของซิวหลัวก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
เธอทราบมาตลอดว่า ซิวหลัวของเธอเป็นซิวหลัวที่เก่งกาจมีพรสวรรค์สูงส่ง เพียงแต่พวกเธอล้วนทำตัวเป็น ‘ผู้ปกครอง’ ที่ธรรมดาสามัญยิ่งนัก
ซิวหลัวกอดศีรษะด้วยความอับอาย
เขาไม่ได้ปกป้องอาหวั่นให้ดี อาหวั่นถูกคนรังแก
และไม่ได้ปกป้องสัตว์พิษตัวน้อย สัตว์พิษตัวน้อยถูกคนแย่งไป
อวี๋หวั่นดึงมือที่กอดกุมศีรษะของเขาออก “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”
อวี๋หวั่นพาซิวหลัวและเหล่าซาลาเปาน้อยที่นั่งรออย่างเชื่อฟังบนแผงลอยกลับไปยังที่พักชั่วคราว ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลานเจียวก็กลับจวนไปพร้อมกับราชันสัตว์พิษตัวใหม่ที่เพิ่งได้มา
“นี่ช่างเป็นลาภลอยเสียจริง” ระหว่างทางกลับจวน หลานเจียวอดไม่ได้ที่จะยกขวดหยกเก็บสัตว์พิษตัวน้อยขึ้นมาตรวจสอบอยู่หลายครั้ง
สาวใช้คนสนิทถามว่า “ท่านผู้นำตระกูล ราชันสัตว์พิษตัวนี้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?”
หลานเจียวเข้ามาในลาน สาวใช้คนหนึ่งเดินมาเก็บเสื้อคลุมแทนนาง นางสาวเท้าเข้าห้อง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยสถานะของตระกูลหลานในวันนี้เวลานี้ สมบัติล้ำค่าชิ้นใดที่ปรารถนาไม่มี หากไม่ยอดเยี่ยม มีหรือข้าจะลงแรงไปแย่งมาจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง?”
ยามกล่าวว่าแย่ง ใบหน้าของหลานเจียวไร้ร่องรอยของความละอายใจ ทว่ากลับเป็นความภาคภูมิใจในตนเอง “นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีสิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในมือ เมื่อครู่หากไม่ใช่คุณชายซือคงปรากฏตัว ข้าก็อยากจะถามจริงๆ ว่าเด็กนั่นมาจากที่ใด”
สาวใช้คนสนิทถาม “นางไม่ใช่คนหมิงตูจริงหรือ?”
หลานเจียวพูดอย่างเย็นชา “หากเป็นหมิงตู มีหรือจะกล้าทำให้ผู้นำตระกูลเช่นข้าต้องขุ่นเคือง?”
สาวใช้คนสนิทรีบร้อนกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลกล่าวมีเหตุผล”
“ไม่ว่านางเป็นใคร ให้ข้าได้สมบัติชิ้นนี้ก็เป็นความโชคดีของนางแล้ว” หลานเจียวอ้าปากหาว ยื่นขวดหยกให้กับสาวใช้คนสนิท “ข้าว่ามันคงจะหิวแล้ว เด็กนั่นเพิ่งซื้อกู่มากมายมาเป็นอาหารมัน เจ้าเอามันลงไป เลี้ยงดูมันให้ดี ข้าจะไปหานายท่าน”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากหลานเจียวจากไป สาวใช้คนสนิทก็นำราชันพันสัตว์พิษที่ล้ำค่าที่สุดในจวนสกุลหลานออกมา เพราะถูกเลี้ยงไว้ในจวนสกุลหลานอย่างดีมาระยะเวลาหนึ่งจึงมีระดับสูงยิ่งกว่าที่ขายตามร้าน ทว่าไม่รู้เพราะเหตุผลใด สัตว์พิษตัวน้อยจึงไม่ยอมกินเลยสักคำ
“ไม่หิวหรือ?” สาวใช้คนสนิทพึมพำ
สาวใช้คนสนิทเปลี่ยนชนิดของราชันพันสัตว์พิษมาสิบเจ็ดหรือสิบแปดตัวแล้ว แต่สัตว์พิษตัวน้อยก็ยังไม่ยอมกิน
สัตว์พิษตัวน้อยอดอาหาร
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร
ราชันสัตว์พิษสามารถอดอาหารได้เป็นเวลานาน แต่นั่นก็ต่อเมื่อไม่สามารถหาอาหารได้ หากมีอาหารแล้วไม่กิน กล่าวโดยทั่วไปคือใกล้สิ้นอายุขัย มันไม่สามารถกินได้อีกต่อไป
“มันเป็นแค่ทารกสัตว์พิษ จะใกล้สิ้นอายุขัยได้อย่างไร?” หลานเจียวตะคอกกลับ หลังจากได้ยินรายงานจากสาวใช้คนสนิท และตัดสินใจไปดูมันด้วยตัวเอง
หลานเจียวมา แต่สัตว์พิษตัวน้อยก็ยังคงไม่กิน
………………………………