หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 392 พี่จิ่วออกตัว
หลานเจียวแน่ใจว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่ใช่สตรีพิษ ในเมื่อไม่ใช่สตรีพิษ ซื้อหนอนกู่มากมายขนาดนั้นกลับไป หากไม่ได้นำไปเป็นอาหารเจ้าสิ่งนี้ก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลแล้ว ซื้อไปมากมายเช่นนั้น ต้องหิวแย่แล้วเป็นแน่ แล้วเหตุใดมันถึงไม่ยอมกินละ?
หลานเจียวใช้ราชันพันสัตว์พิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในจวนสกุลหลาน แต่สัตว์พิษตัวน้อยก็ทำเพียงหันหลัง ยื่นก้นกู่น้อยๆ ให้นาง!
“นี่ก็ไม่ใช่ราชันร้อยสัตว์พิษระดับต่ำ แต่เป็นราชันพันสัตว์พิษที่มีพิษสูงและมีรสชาติยอดเยี่ยม มันควรรีบพุ่งเข้าไปกินให้พอถึงจะถูก…” หลานเจียวไม่เข้าใจว่าผิดพลาดตรงไหน หรือในมือของเด็กหญิงคนนั้นจะครอบครองหนอนกู่อวบอ้วนงดงามอยู่ ดังนั้นของจวนสกุลหลานเหล่านี้จึงไม่อยู่ในสายตาเจ้านี่?
“ไปนำราชันสัตว์พิษหลากสีที่เตรียมไว้สำหรับสตรีศักดิ์สิทธิ์มา” หลานเจียวสั่งการ
สาวใช้คนสนิทตกใจ “ท่านผู้นำตระกูล จะใช้ไม่ได้นะเจ้าคะ นั่นเป็นสมบัติที่บ่มเพาะเลี้ยงดูมานานหลายปี และเป็นสมบัติจวนสกุลหลานของพวกเรา!”
ราชันสัตว์พิษหลากสีก็เป็นราชันพันสัตว์พิษตัวหนึ่ง แต่กลับดำรงอยู่ได้อย่างพิเศษยิ่งในหมู่ราชันพันสัตว์พิษ มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ อาจใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถกลายเป็นราชันหมื่นสัตว์พิษได้แล้ว
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? ราชันสัตว์พิษหลากสีแม้จะดี แต่ก็เทียบไม่ได้กับตัวที่อยู่ตรงหน้าเจ้า” ก่อนจะพบกับสัตว์พิษตัวน้อย หลานเจียวยังคิดว่าราชันสัตว์พิษหลากสีดี เป็นราชันสัตว์พิษที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาในชีวิต จนกระทั่งได้พบกับมัน นางจึงได้เข้าใจว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเกิดมาเป็นราชา
หลานเจียวกล่าวต่อว่า “ราชันสัตว์พิษหลากสีใช้เวลาไม่ถึงสามปีก็ถูกขัดเกลาจนกลายเป็นราชันพันสัตว์พิษ แต่เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าตัวน้อยนี่เกิดมาก็เป็นราชันหมื่นสัตว์พิษแล้ว บนร่างกายไร้ร่องรอยของการใช้ยาช่วยฝึก กล่าวคือมันไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่แล้ว หากเราใช้ประโยชน์จากมันให้ดีละก็ ขอบเขตพลังของมันย่อมกว้างขวางเกินประมาณ”
หลานเจียวกล่าวเช่นนี้ สาวใช้คนสนิทก็เข้าใจแล้ว แต่นางยังเจ็บปวดอยู่ดี ราชันสัตว์พิษหลากสีตัวนั้นเป็นที่โปรดปรานของสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
หากสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้วพบว่าราชันสัตว์พิษหายไป ต้องโกรธเป็นแน่
นางคิดได้ ไหนเลยหลานเจียวจะเดาไม่ออก?
อีกอย่างสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นบุตรสาวของนาง นางจะไม่เข้าใจนิสัยใจคอของบุตรสาวนางหรือ?
หลานเจียวยิ้มอย่างเอาแต่ใจ “วางใจเถอะ มีเจ้าตัวน้อยนี่ ต่อให้ราชันสัตว์พิษหลากสีสิบตัว สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เสียดาย”
“แต่…” เมื่อสาวใช้คนสนิทนึกบางอย่างขึ้นได้ ก็พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ราชันสัตว์พิษหลากสีมีผู้ดูแลเยว่เฝ้าดูแลมาตลอด เขาออกไปเมื่อเช้านี้ ยังไม่กลับมาเลย”
หลานเจียวขมวดคิ้ว มองท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิทนอกหน้าต่าง “ดึกดื่นเช่นนี้แล้ว ยังจัดการเรื่องไม่เสร็จอีกหรือ? ยังไม่ต้องสนใจเขาก่อน เจ้าไปที่เรือนของเขา บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า ให้นำราชันสัตว์พิษหลากสีมา ส่วนเขาข้าจะส่งคนไปถามเอง”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทได้รับคำสั่ง ไม่กล้าลังเลอีก หันตัวกลับไปที่เรือนของผู้ดูแลเยว่เพื่อนำราชันสัตว์พิษหลากสีมา
ทันทีที่ราชันสัตว์พิษหลากสีเข้ามาในห้อง หลานเจียวก็รู้สึกได้ว่าสัตว์พิษตัวน้อยในขวดหยกกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างชัดเจน
ความดึงดูดใจของราชันสัตว์พิษหลากสีที่มีต่อสัตว์พิษตัวน้อยนั้นไม่น้อยไปกว่าเลือดหยินบริสุทธิ์ น้ำลายของสัตว์พิษตัวน้อยสอออกมาจนแทบทำตนเองจมน้ำตาย
หลานเจียวสวมถุงมือไหมสีเงิน ใส่ราชันสัตว์พิษหลากสีเข้าไป
ราชันสัตว์พิษหลากสีส่งกลิ่นหอมเย้ายวนทั่วเรือนร่าง
สัตว์พิษตัวน้อยกัดเล็บกู่น้อยอย่างแข็งใจ
จะ จะอดใจไม่ไหวแล้ว!
ซู้ด~
การทำให้ราชันสัตว์พิษเชื่อง ก่อนอื่นต้องให้อาหารมัน ทำให้มันติดใจในรสชาติหอมหวาน จากนั้นก็ค่อยๆ ทำให้มันแยกออกจากตนเองไม่ได้ แน่นอนว่าหลานเจียวไม่ได้ทำให้มันเชื่องเพื่อตนเอง แต่เพื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์
ประโยชน์ของราชันสัตว์พิษมีมากมาย สามารถฆ่าคน และสามารถล้างพิษ ยามจำเป็นก็ยังสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของตนเองได้
“กินสิ เจ้าตัวเล็ก” หลานเจียวกล่าวอย่างยั่วยวน
สัตว์พิษตัวน้อย : อยากกินๆๆ!
สัตว์พิษตัวน้อย : กินไม่ได้ๆๆ!
สัตว์พิษตัวน้อยหันหลังกอดหางกู่น้อยของตนเอง ฝืนทนจนแทบร้องไห้
ยามนี้หลานเจียวมองออกแล้ว เจ้าตัวน้อยนี่ไม่ได้ไม่อยากกิน แต่เพราะไม่ต้องการกิน มันกำลังปฏิเสธตัวเอง
หนอนกู่ในวัยทารกไม่มีสติปัญญาของตัวเอง เป็นสัตว์ที่เชื่องง่ายที่สุด แต่เจ้าตัวน้อยนี่เพิ่งโตได้ไม่เท่าไร ก็จิตใจเข้มแข็งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หลานเจียวยิ้มเยาะ ใช้ปลายนิ้วสะบัดขวดหยก “เจ้าตัวเล็ก เจ้าอย่าให้ข้าต้องใช้กำลัง!เข้ามา!”
หลานเจียวให้สาวใช้คนสนิทนำกล่องเหล็กมา
หนอนกู่ชอบหยกเกลียดเหล็ก การกักขังไว้ในกล่องเหล็กจะทำให้พวกมันรู้สึกอึดอัดไม่สบาย หากเปลี่ยนเป็นคน ก็เหมือนถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินอันเย็นเยียบ พร้อมกับกรอกน้ำยาที่ทำให้คลื่นเหียนอาเจียน
สัตว์พิษตัวน้อยดิ้นรน
“หากไม่ทำให้เจ้าได้ลิ้มลองรสขมสักหน่อย เจ้าก็คงไม่รู้ความเก่งกาจของข้า” หลานเจียวเมินเฉยการขัดขืนต่อต้านของมัน และโยนเข้าไปในกล่องเหล็กอย่างไร้ความปรานี
กลิ่นคาวเหล็กอันหมองหม่นพุ่งเข้าโจมตีสัตว์พิษตัวน้อยทุกอณู สัตว์พิษตัวน้อยหดตัวเป็นลูกกลมเล็กอย่างทุกข์ทรมาน
สิ่งที่หลานเจียวต้องการทำไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ในเมื่อจะสั่งสอนเจ้าตัวเล็กนี่สักหน่อย เช่นนั้นก็สั่งสอนให้ถึงที่สุด ให้ชีวิตนี้มันไม่กล้าต่อต้านอีก
หลานเจียวขอให้ใครบางคนหาไก่ที่แข็งแรงสองสามตัวและขังไว้ในสุ่มไก่ชั่วคราวจากนั้นโยนกล่องเหล็กที่มีสัตว์พิษตัวน้อยอยู่ในนั้นเข้าไป
หนอนกู่มีศัตรูตามธรรมชาติ นั่นก็คือไก่
แม้ว่ากู่ที่แข็งแกร่งจะสามารถเอาชนะศัตรูตามธรรมชาติได้ แต่ทารกสัตว์พิษที่ยังไม่โตเต็มวัย ทั้งยังถูกกลิ่นไอเหล็กกดควบคุมพลัง นี่ช่างเหมือนกับการทำลายวรยุทธ์ของยอดฝีมือ และหักกระดูกซ้ำอีกครั้ง วางเขาไว้ที่ปากเสือดุร้าย เขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?
สัตว์พิษตัวน้อยหวาดกลัว วิ่งสะเปะสะปะชนทุกทิศทาง
จนกรงเล็บหักข้างหนึ่ง
หลานเจียวใช้ปลายนิ้วเคาะกล่องเบาๆ “ยอมรับแต่โดยดีเถอะ เมื่อไรที่เจ้าเชื่อฟัง เมื่อนั้นข้าจะปล่อยเจ้าออกไป”
สัตว์พิษตัวน้อยพุ่งชนผนังกล่องจนหัวแตกเลือดไหล
หลานเจียวหัวเราะเยาะก่อนเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นกลับมาถึงที่พักในเมืองหมิงตู
ทันทีที่ซาลาเปาน้อยทั้งสามเข้ามาในเรือนก็พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของท่านพ่อ ถูหัวเล็กไปมากับอกท่านพ่ออย่างเสียอกเสียใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มบุตรชายขึ้นมา ทั้งสามแย่งกันเอื้อมมือน้อยไปกอดคอของเขา
ท่าทีของบุตรชายดูผิดปกติ เยี่ยนจิ่วเฉาถามว่า “เป็นอะไรไป? ไม่ได้ไปซื้อถังหูลู่มาแล้วหรือ?”
“ไม่มีถังหูลู่” เสี่ยวเป่ากล่าวอย่างเจ็บปวด
“ผู้ใดรังแกพวกเจ้าหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
“คนเลว” เอ้อร์เป่าพูด “พวกเขารังแกซิวหลัว”
ทั้งสามยังไม่รู้เรื่องสัตว์พิษถูกชิงตัวไป เห็นเพียงซิวหลัวกระอักเลือดออกมาเท่านั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาให้ซาลาเปาทั้งสามไปหาอาเว่ย ทั้งสามเดินคอตกจากไป
อวี๋หวั่นพาซิวหลัวกลับไปที่ห้องของเธอ พร้อมกับเรียกชุยเฒ่ามารักษาอาการซิวหลัว
เมื่อนางหลานกับพวกฉิวปิ่งได้ยินการเคลื่อนไหวก็รีบมายังห้องของซิวหลัว
ไม่มีใครคาดคิดว่าซิวหลัวจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชุยเฒ่าจับชีพจรซิวหลัวแล้วก็ทำเสียงจุ๊ๆ “ไยจึงบาดเจ็บเช่นนี้? พวกเจ้าไปเจอใครมา?”
“สกุลหลาน” อวี๋หวั่นกล่าว
ชุยเฒ่าฝังเข็มให้ซิวหลัวไปพลาง สงสัยไปพลาง “ก็ออกไปเพียงครู่เดียวเช่นนี้ เหตุใดถึงพบกับคนสกุลหลานได้? ไม่ใช่กล่าวว่าพวกเราอยู่ห่างไกลกับสกุลหลานหรอกหรือ?”
“คนของสกุลหลานมาซื้อของ ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าจะพบกับพวกเขา” อวี๋หวั่นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในร้านให้ฟัง
ชุยเฒ่าขมวดคิ้ว “กล่าวเช่นนี้ พวกเขายังแย่งราชันสัตว์พิษไปด้วยหรือ?”
ราชันสัตว์พิษเป็นของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานจ้าว ในหนานจ้าวอาจเป็นเพียงเครื่องเรือนและความศรัทธาอย่างหนึ่งเท่านั้น ทว่าในหมิงตูกลับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่าอย่างแท้จริง นางหลานแย่งมันไป ไม่ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือเพื่อใช้เอาอกเอาใจสกุลซือคง ล้วนไม่เสียประโยชน์ทั้งสิ้น
ทว่าระดับความไร้ยางอายของคนสกุลหลานก็ยังทำให้คนอย่างชุยเฒ่าต้องตะลึงไปพักหนึ่ง เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายถึงเพียงนี้มาก่อน แย่งของคนข้างถนน จะต่างอะไรกับโจรผู้ร้าย?
“ว่าไปแล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณชายใหญ่สกุลซือคงผู้นั้น หากไม่ใช่เพราะเขาปรากฏตัวขึ้นโดยบังเอิญ ข้ากับซิวหลัวก็ไม่รู้ว่าจะถูกหลานเจียวกระทำเช่นไรแล้ว”
อวี๋หวั่นเพียงกล่าวความรู้สึกลึกๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ด้านข้างกลับหรี่ตาลงเล็กน้อย
นางหลานเกิดในหมิงตู ย่อมเข้าใจสถานะของสกุลซือคงดีกว่าทุกคนที่นี่ นางอธิบายให้พวกเขาฟังว่า “คุณชายใหญ่สกุลซือคงที่อาหวั่นพบโดยบังเอิญน่าจะเป็นบุตรคนโตของผู้นำตระกูลซือคง ซือคงฉางเฟิง ยามที่ข้าถูกขับไล่ออกจากหมิงตู เขายังเด็ก ข้าเคยเห็นเขาจากไกลๆ ในความทรงจำเขาเป็นเด็กที่ต่างจากคนอื่นถึงสิบส่วน แต่ส่วนนิสัยเขาเป็นอย่างไรนั้นข้าไม่รู้”
ในหมู่ชาวบ้านก็มีคนพูดถึง แต่นางหลานไม่ได้ติดต่อกับเขาด้วยตนเอง จึงไม่กล้าหูเบา
“เรื่องของสกุลหลานในตอนแรก แม้สกุลซือคงจะไม่ได้ทำสิ่งใด แต่สุดท้ายก็เปิดตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ก็นับว่าผลักเรือไปตามน้ำ” นางหลานกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อบอกอาหวั่นว่า ไม่จำเป็นต้องซาบซึ้งต่อสกุลซือคงนัก
คุณชายซือคงแค่ผ่านมาโดยบังเอิญ ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยเธอกับซิวหลัว
อวี๋หวั่นพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ท่านยายรอง”
เยี่ยนจิ่วเฉามองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนกลุ่มหนึ่งอยู่ปรึกษาหารือกันในห้องว่าจะไปจวนสกุลหลานได้อย่างไร รวมถึงแผนการใหญ่ที่จะบังคับให้หลานเจียวยอมมอบเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์และราชันสัตว์พิษ แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับออกจากห้องไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก กระโดดปลายเท้าใช้วิชาตัวเบาหายไปในความมืดยามค่ำคืน
…………………………