หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 400.1 ชีวิตสุขสบายของหวั่นอ้วน (1)
หลังจากที่สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไปที่วิหาร ก็ไม่อาจประคองตน กระอักเลือดล้มลงกับพื้น
“สตรีศักดิ์สิทธิ์!”
ทูตศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านทางมารีบผลักประตูเข้าไปพยุงสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ล้มจมกองเลือดขึ้นมา
อาการของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สู้ดีนัก นางก็กระอักเลือดไม่หยุด
ทูตศักดิ์สิทธิ์ตกใจมาก พาสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปบนเตียง “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไป…ไปที่บ่อน้ำเย็น…” สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
ทูตศักดิ์สิทธิ์ตอบรับด้วยใบหน้าซีดเผือด อุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปที่บ่อน้ำเย็นของวิหาร
เดิมทีสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทำร้ายจนบาดเจ็บมากแล้ว หลังจากซือคงอวิ๋นรักษาบาดแผลให้ นางก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อครู่…นางเหม่อลอย เส้นลมปราณผกผันเลวร้าย เกือบกลายเป็นบ้า
“สตรีศักดิ์สิทธิ์…” หลังจากทูตศักดิ์สิทธิ์พาสตรีศักดิ์สิทธิ์ลงไปในสระน้ำเย็น ก็คุกเข่าอยู่ข้างสระว่ายน้ำรอคำสั่ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์กุมหัวใจที่เจ็บปวดและเอ่ยว่า “เจ้าถอยไป!”
ทูตศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความเป็นห่วง “ท่านเจ็บหนักถึงเพียงนี้ ต้องการให้ข้าน้อยไปแจ้งคุณชายรองหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น!” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเด็ดขาด “ออกไป!”
“แต่…” ทูตศักดิ์สิทธิ์ยังมีสิ่งที่อยากเอ่ย ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หลับตาลงแล้ว ซึ่งหมายความว่านางได้ตัดสินใจแล้ว
ทูตศักดิ์สิทธิ์อดสงสัยไม่ได้ คุณชายรองซือคงเป็นคู่หมั้นของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกที่สตรีศักดิ์สิทธิ์มีต่อเขา แต่อย่างไรก็หมั้นหมายแล้ว เมื่อก่อนหากพบปัญหาใดที่แก้ไม่ได้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มักคิดถึงคุณชายรองเป็นคนแรก เหตุการณ์ที่ถูกมือสังหารสร้างความโกลาหลที่สกุลหลานก็เช่นกัน สตรีศักดิ์สิทธิ์จับตัวประกันมา ไม่ได้พาไปสกุลซือคงแล้วหรือ?
เมื่อครู่ที่ออกไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดตนเอ่ยถึงคุณชายรอง สตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงดูอารมณ์ไม่ดีนัก?
ทูตศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าใจและไม่คาดหวังว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้คำตอบกับตน จึงถอยออกไปอย่างนบนอบ
ร่างกายส่วนใหญ่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์จมอยู่ในสระน้ำเย็น อาการบาดเจ็บของนางร้ายแรงกว่าที่คิด เดิมทีก็ไม่น่าเป็นถึงขั้นนี้ ทว่านางละเมิดข้อห้ามของผู้ฝึกวรยุทธ์ เสียสมาธิในยามที่ไม่ควร
ในหัวของนางฉายภาพใบหน้าอันงดงามดุจเทพเซียนภายใต้คืนเดือนหงายอย่างไม่อาจควบคุม กำลังภายในที่ถูกสระน้ำเย็นสะกดลงไปในที่สุด กลับไหลย้อนสู่เส้นเลือดดังเดิม นางพลันกระอักเลือดสลบไปในบ่อน้ำเย็น
…
อวี๋หวั่นใช้เวลาสองวันอยู่ในจวนซือคงอย่างน่าเบื่อหน่ายยิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอออกไปเดินเตร่กลางค่ำคืนไม่หลับไม่นอน นำมาซึ่งความระแวดระวังของสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ นางถูกย้ายไปอยู่ห้องที่ห่างไกลที่สุด ที่นั่นห่างจากห้องของซือคงอวิ๋นถึงสิบเจ็ดสิบแปดกำแพง เป็นไปไม่ได้ที่จะพบกันโดยบังเอิญอีก
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า กังวลว่าคุณชายรองจะหลงใหลความงามไร้ผู้ใดเทียมของฮูหยินเช่นข้าหรือ?” ขณะที่นอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้หวายในเรือน อวี๋หวั่นถามฮวาจือด้วยความสงสัยใคร่รู้ ในตอนท้าย ก็ไม่ลืมเอ่ยถึง ‘ส้ม’
ภายนอกฮวาจือเป็นสาวใช้ของซือคงอวิ๋น ทว่าแท้จริงแล้วเป็นคนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของซือคงอวิ๋น ยามนี้กลับมีหน้าที่ดูแลรับใช้อวี๋หวั่น
ฮวาจือปอกส้มไปพลาง เหลือบมองสตรีอ้วนที่นอนอยู่บนเก้าอี้หวายไปพลาง เพิ่งผ่านมาสองวัน นางจำไม่ผิดกระมัง? ใบหน้าก็กลมขึ้นกว่าเดิม อ้วนท้วนเช่นนี้ กล้าดีอย่างไรบอกว่าตนงดงามไร้ผู้ใดเทียม?
ไม่ส่องกระจกดูบ้างหรือ?!
อวี๋หวั่นนอนเอนกายอาบแดดบนเก้าอี้หวายอย่างสบายๆ
มิน่าละ ท่านยายอวิ๋นเฟยถึงทำเช่นนี้เวลาไม่มีอะไรทำ ช่างสุขสบายยิ่งนัก
อวี๋หวั่นยื่นมืออวบอ้วนให้ฮวาจือ
ฮวาจือมองมือเล็กขาวนวลผุดผ่อง รู้สึกว่ามือของทารกก็ไม่ต่างไปมากกว่านี้แล้ว นางมุมปากกระตุก วางส้มที่ปอกแล้วลงในมือของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นแม้มองยังไม่มอง พลันฉีกส้มกลีบหนึ่งใส่ปาก “อย่าหยุดสิ ปอกต่อไป”
ปากของฮวาจือแทบชักกระตุก เจ้าเป็นตัวประกัน จะทำตัวให้เหมือนตัวประกันหน่อยได้หรือไม่? คนที่รู้ก็บอกว่าเป็นตัวประกัน แต่คนที่ไม่รู้คงมองว่าเป็นบุตรีจวนซือคงเลยกระมัง!
ฮวาจือหงุดหงิดเหลือทน “ข้าขอพูดตามตรง เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะวางยาพิษเจ้าหรือ?”
“ไป๋หลี่เซียงน่ะรึ?” อวี๋หวั่นหันไปถาม
“ไป๋หลี่เซียงอันใด?” ฮวาจือไม่เคยได้ยินมาก่อน
“โอ้” อวี๋หวั่นนอนกลับไปอย่างเกียจคร้าน ตราบใดที่ไม่ใช่ไป๋หลี่เซียง สัตว์พิษตัวน้อยล้วนแก้พิษได้
ว่าไปแล้ว หลังจากสัตว์พิษตัวน้อยถูกซือคงฉางเฟิงพาตัวไป ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย คงไม่ได้หิวจนผอมโซแล้วกระมัง?
ซือคงฉางเฟิงดูไม่เหมือนคนชั่วร้าย แต่ใครทำให้สัตว์พิษตัวน้อยมีความรักใคร่ต่อเธอลึกซึ้งดั่งมหาสมุทร หากไม่ได้พบเจ้านายคนนี้ มันกินสิ่งใดไม่ลงเป็นแน่
ณ เรือนซือคงฉางเฟิง
เด็กรับใช้ล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในห้องหนังสือของซือคงฉางเฟิง “แย่ แย่ แย่แล้ว!”
“มีเรื่องอันใด?” มือที่กำลังวาดภาพของซือคงฉางเฟิงชะงัก
เด็กรับใช้กล่าวอย่างทุกข์ทรมานขมขื่น “ทารกสัตว์พิษตัวนั้น!”
“มันเป็นอย่างไร?” ซือคงฉางเฟิงถาม
“มันกินหมดอีกแล้ว!” เจ้าตัวเล็กนั่นตั้งแต่เกิดมาไม่ได้กินอะไรเลยหรือ? ไยถึงกินได้เช่นนี้? อาหารของราชันหมื่นสัตว์พิษถูกมันแย่งกินจนมด!
“กิน กินหมดอีกแล้วสินะ” ซือคงฉางเฟิงกระแอมเบาๆ “เช่นนั้นก็กินเก่งนิดหน่อย…”
กินเก่ง? เป็นกู่หิวตายกลับชาติมาเกิดเสียมากกว่า!!!
เด็กรับใช้บ่นว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่มีอาหารเลี้ยงแล้ว”
ซือคงฉางเฟิงวางพู่กันลง “ข้า…จะไปที่เขาหมิงซานอีกครั้ง จับหนอนกู่กลับมาสักหน่อย”
เอ่ยจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป เพียงขาข้างหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตู เขาก็กระแอมในลำคอและถามเด็กรับใช้ว่า “เมื่อเช้ามันกินไปเท่าใด?”
เด็กรับใช้ทำมือแสดงจำนวนด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ซือคงฉางเฟิงรู้สึกเพียงหน้ามืด เอามือกดกุมหน้าผาก
…
อวี๋หวั่นนั่งหดหู่ใจหายเรื่องสัตว์พิษตัวน้อยอยู่บนเก้าอี้หวายครู่หนึ่ง หันกลับมาก็ง่วงนอนเสียแล้ว เธอหลับตาเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ผ้าห่ม เอาหนากว่านี้สักหน่อย”
ฮวาจือหัวเราะเยาะ “เจ้าไม่คิดว่าตนเองเป็นคนนอกจริงๆ”
อวี๋หวั่นพูดอย่างเมินเฉย “เช่นนั้นก็ให้นายเจ้าปล่อยข้าไป หรือไม่เจ้าก็ดูแลรับใช้ข้าให้ดี มัวพูดพล่ามอันใด?”
ฮวาจือโกรธแทบหงายหลัง!
ฮวาจือเข้าไปนำผ้าห่มในห้องมาให้อวี๋หวั่น เมื่อนางกลับมาก็พบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ปรากฏตัวออกมาถึงสองวัน นางรีบคุกเข่าคำนับ “ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์”
อวี๋หวั่นได้ยินเสียงของนางก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น
ฮวาจือมองไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ และมองไปยังอวี๋หวั่น ขณะที่ลังเลว่าจะนำผ้าห่มไปคลุมให้ดีหรือไม่ ก็ได้ยินอวี๋หวั่นเอ่ยเบาๆ “มัวทำอะไรอยู่? คนที่หนาวไม่ใช่เจ้าใช่หรือไม่?”
ฮวาจือเดินไปข้างหน้า นำผ้าห่มมาคลุมให้อวี๋หวั่น
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทำมือให้นางถอยไป ฮวาจือเข้าใจพลันเดินออกจากเรือน
อวี๋หวั่นยังคงหลับตาสงบนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งยังรู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ข้างๆ พลันรู้สึกอึดอัด เธอลืมตามองสตรีศักดิ์สิทธิ์ปราดหนึ่ง “มีเรื่องอันใด?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กวาดมองอาหารบนโต๊ะ และแก้มที่เต็มไปด้วยเนื้อของเธอ ไม่รู้เหตุใด จู่ๆ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย นางเมินหน้าหนีและกล่าวว่า “เอาแต่กินทั้งวัน จนอ้วนเช่นนี้แล้ว”
เดิมทีอวี๋หวั่นคิดจะตอบกลับไปว่า ‘ข้าไปกินข้าวบ้านเจ้า หรือดื่มน้ำแกงบ้านเจ้ารึ’ เมื่อคำพูดถึงริมฝีปาก ก็นึกได้ว่าตนกินข้าว ดื่มน้ำแกงบ้านว่าที่สามีของนางในอนาคตจริงๆ พลันหมดความมั่นใจ กระแอมและพึมพำว่า “ข้าอ้วนข้ามีความสุข! เจ้ามายุ่งอันใด?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเย็นชา “ฮึ เจ้าไม่กลัวว่าเจ้ากินจนอ้วนเช่นนี้แล้วสามีจะไม่โปรดปรานเจ้าหรือ?”
อวี๋หวั่นตอบกลับทันควัน “สามีข้าไม่มีทางไม่ชอบข้า ต่อให้ข้าจะอ้วนเป็นลูกกลมๆ แต่ก็เป็นลูกที่สวยที่สุดในสายตาของเขา!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หน้าแดง “ไร้ยางอาย!”
อวี๋หวั่นมองนางด้วยหางตา กล่าวด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้าพูดความจริง! สามีและข้าผ่านเรื่องทุกข์ยากมาด้วยกันมากมาย ไยเขาจะสนใจว่าข้าจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร?”
แล้วอีกอย่าง เขาก็มีความสุขที่เธอกิน!
อ๋องเผ่าปีศาจตัวปลอม คุณชายตัวจริงที่สูญเสียความทรงจำ สิ่งที่ต้องทำทุกวันคือวัดรอบเอวของอวี๋หวั่น หากผอมลงนิ้วหนึ่ง เขาจะไล่พ่อครัวออก
สตรีศักดิ์สิทธิ์เชิดคาง “ไร้สาระ จะมีบุรุษในโลกที่ไม่สนใจรูปลักษณ์ของสตรีได้อย่างไร?”
“ไม่เชื่อก็ช่าง!” อวี๋หวั่นคร้านจะเถียงกับนาง เดินคนละทางยากจะเห็นพ้อง มีคนบางคนนางไม่เคยพบ และก็มีคำบางคำที่นางไม่มีทางเชื่อ
สตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่เชื่อจริงๆ หรือ?
หากเป็นก่อนหน้าที่หลานเม่ยทำพลาด คำตอบของสตรีศักดิ์สิทธิ์คือใช่โดยไม่ต้องคิด ทว่ายามนี้นางไม่แน่ใจอีกแล้ว
สตรีศักดิ์สิทธิ์บีบนิ้วและกล่าวว่า “ในเมื่อเขาเป็นห่วงเจ้ามากถึงเพียงนั้น ไยไม่รีบมาช่วยเจ้า?”
“ไม่สิ ข้าว่าเจ้าแปลกๆ” อวี๋หวั่นลุกขึ้นนั่งมองสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างฉงนแปลกใจ “เขาเป็นบุรุษเช่นไรเกี่ยวอันใดกับเจ้า?”
…………