หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 405 จุดจบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์กระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ฝ่ามือก็เริ่มมีเหงื่อออก
ราวกับว่าก่อนมา ก็พอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ นางก็ยังประหม่าด้วยสัญชาตญาณอยู่บ้าง ขนตาของนางสั่นไหว เขยิบกายชิดราวบันได “กิน กินอะไรกันก่อนดีหรือไม่?”
“ก็ดี”
‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ กล่าวอย่างอ่อนโยน
ทั้งสองจัดโต๊ะอาหารบนดาดฟ้าเรือฮว่าฝ่าง นั่งลงกินกับพื้น ในเวลานี้ทิวทัศน์กำลังพอดี อาทิตย์ใกล้อัสดง จวนถึงยามสนธยา แสงสีเหลืองส้มเรืองรองสาดส่องป่าท้อทอดยาวนับหมื่นหลี่ ราวกับเมฆสีชมพูที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงเงินแสงทองบนท้องฟ้า
สตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนอยู่ในแดนสวรรค์
ในบรรยากาศเช่นนี้ยากที่สตรีคนหนึ่งจะไม่หวั่นไหว
ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มิใช่สตรีธรรมดา นางมีจิตใจที่แกร่งดั่งเหล็กกล้า นางไม่เคยสัมผัสกับความรักระหว่างชายหญิงและไม่เคยหวั่นไหวกับบุรุษใด นอกจาก…
สตรีศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าลงนึกถึงการกระทำของนางในวันนี้ แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
นี่นางจริงๆ หรือ?
นางเสียสติไปแล้วหรือ?
นางจะเสี่ยงทำเรื่องเช่นนี้กับบุรุษได้อย่างไร?
ไม่รู้ว่าจวนซือคงและวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างไรบ้าง? งานแต่งงานจะลุล่วงไปอย่างราบรื่นหรือไม่?
ทูตหลีเคยถามนางว่า หากนางไม่อยากแต่งงาน เหตุใดไม่หาทูตศักดิ์สิทธิ์ไปแต่งงานแทน? ทูตศักดิ์สิทธิ์ภักดี เข้าอกเข้าใจซือคงอวิ๋นและนางมากกว่า และมีโอกาสน้อยที่จะทำผิดพลาด
สิ่งที่นางไม่ได้บอกทูตหลี คือนางอิจฉาสตรีผู้นั้น นางจึงอยากทำลายสตรีผู้นั้น
การอิจฉาคือการยอมรับว่าตนด้อยกว่าผู้อื่น ทว่าคิดดูดีๆ นางก็มิได้ด้อยไปกว่าสตรีผู้นั้นแต่อย่างใด นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สกุลหลาน ชาติกำเนิดของนาง สตรีผู้นั้นก็เปรียบได้เพียงแค่ฝุ่น ส่วนวรยุทธ์และกลอุบาย ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง สตรีผู้นั้นเกิดมาก็กินๆๆ จะทำสิ่งใดได้อีก?
นางมีก็แต่ความงดงามและได้พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาเร็วกว่าตนเท่านั้น
หากในตอนแรกทั้งสองปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉาพร้อมกัน เยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่สนใจสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งหมิงตูและหันไปแต่งงานกับแม่นางอ้วนที่มีดีแค่หน้าตาหรือ?
เมื่อเกิดความคิด สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกว่านางไม่จำเป็นต้องอิจฉาสตรีผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว
อย่างน้อยหลังจากคืนนี้ก็ไม่ต้องอิจฉาอีกต่อไป
รองเท้าขาดเพียงคู่หนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาจะยังแลตามองหรือ?
“เป็นอะไรไป? ไม่ถูกปากหรือ?”
‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ ถามด้วยความกังวล
สตรีศักดิ์สิทธิ์สติกลับคืนมา นางหลุบตาลงอย่างขวยเขิน แสดงท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พลางเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เปล่า”
‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ คลี่ยิ้ม ชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ แนะนำให้นางฟังทีละจาน “นี่คือปลากุ้ยอวี๋ เพิ่งจับขึ้นมาจากแม่น้ำ ปลากุ้ยอวี๋ในเดือนสามเดือนสี่จะตัวใหญ่น่ากินที่สุด เอาไปตุ๋นหรือนึ่งก็ไม่เลวทีเดียว ทว่ามีขาหมูตุ๋นน้ำแดงแล้ว ข้าก็เลยให้คนทำปลากุ้ยอวี๋นึ่ง เจ้าลองชิมสิ ถูกปากหรือไม่?”
เขากล่าวไปพลาง คีบส่วนท้องของปลาใส่ลงในชามของสตรีศักดิ์สิทธิ์พลาง
สตรีศักดิ์สิทธิ์เกลียดที่คนอื่นคีบอาหารให้นางที่สุด แม้จะเป็นตะเกียบที่ยังไม่ได้ใช้ก็ตาม ซือคงอวิ๋นก็เคยละเมิดข้อห้ามของนางเพราะเหตุนี้ นางสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที ทว่ายามนี้คนที่เอาอกเอาใจนางแทนที่ด้วยบุรุษตรงหน้า นางไม่เพียงแต่ไม่รำคาญ กลับยังสัมผัสถึงความหอมหวานของการถูกทะนุถนอมดูแล
นางคีบขึ้นมาชิม
“อร่อยหรือไม่?”
‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ ถาม
สตรีศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเบาๆ
‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ ยิ้มอย่างรู้ใจ คีบหนังขาหมูที่อ้วนที่สุดอีกชิ้นหนึ่ง “ลองนี่สิ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ชอบเนื้อสัตว์มันเยิ้ม ไม่กินเนื้อแดง
แต่…
เป็นอาหารที่เขาคีบให้ เช่นนั้นก็กินทั้งหมดเลยแล้วกัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ชิมด้วยความยินดี
รสชาติดีหรือไม่ ยังไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วน เขาก็คีบอาหารอื่นๆ มาให้นางอีก สตรีศักดิ์สิทธิ์ตกลงไปสู่ดินแดนที่นุ่มละมุนของเขา
ในโลกนี้…เหตุใดถึงมีบุรุษที่เอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเช่นนี้?
ในตอนท้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ดื่มสุราหนึ่งจอกอย่างงัวเงีย
ไม่ค่อยดีแล้ว
ในสุราไม่มียา ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์คอไม่แข็ง ไม่นานก็เอาข้อศอกหนุนหน้าผากและฟุบนอนลงบนโต๊ะ
“เจ้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉาตัวปลอมถามหยั่งเชิง
“ข้า…เหนื่อยนิดหน่อย” สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างงุนงง
“ข้าจะพยุงเจ้ากลับไปที่ห้อง” เยี่ยนจิ่วเฉาตัวปลอมยื่นมือออกมา
สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบรับอย่างเมามาย ยื่นมือให้เขาพยุงตนกลับไปที่ห้อง
สุรายังไม่หมดฤทธิ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคงงัวเงียเล็กน้อย การตอบสนองก็เชื่องช้า ไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้
แน่นอนต่อให้เข้าใจ ก็ไม่อาจแก้ไขได้ทันเวลาแล้ว นางถูกดูแลอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ค่อยใคร่ครวญในเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อปลอมตัวจึงลืมเรื่องนี้ไป จำได้เพียงต้องปลอมชีพจรของตน ทูตหลีเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ทูตหลีไม่รู้ว่านางออกมาเพื่อหลอกล่อเยี่ยนจิ่วเฉา ยังคิดว่านางมาเพื่อสังหารคน
“เจ้าไม่ใช่นาง!!!”
แท้จริงแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาตัวปลอมไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของอวี๋หวั่น แต่เขารู้ว่าอวี๋หวั่นมีสามีแล้ว!
สิ่งที่ควรปลอมไม่ได้ปลอม สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องปลอมกลับทำ
ชั่วครู่หนึ่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ แต่ประโยคว่า ‘เจ้าไม่ใช่นาง’ ราวกับเป็นค้อนกระตุ้นความทรงจำ ทำให้นางสร่างเมาขึ้นมาค่อนหนึ่ง
นางถูกจับได้แล้วหรือ?
จะทำอย่างไรดี?
“ท่าน…ท่านฟังข้าอธิบายก่อน…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น! เจ้าบอกข้าตามตรง! เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายหนีความตาย แต่กลับถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะด้วยวาจาขุ่นเคืองอย่างรุนแรงจนเกือบสร่างเมา และอาจเพราะตื่นตระหนกจนลืมตัว นางรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายแตกต่างจากก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ก็ไม่นับว่าไพเราะน่าฟังนัก ทว่าอย่างน้อยก็แปลกใหม่ ยามนี้กลับดูคุ้นๆ ราวกับเคยได้ยินที่ใดมาก่อน
เหตุใดถึงนึกไม่ออกนะ?
สตรีศักดิ์สิทธิ์กดศีรษะที่ปวดตุบๆ ของนาง
ให้ตาย หากรู้แต่แรกก็ไม่ดื่มแล้ว!
เยี่ยนจิ่วเฉาตัวปลอมดึงดาบที่แขวนอยู่บนผนังออกมา ชี้ไปที่นาง “พูดมาก! เจ้าเป็นใครกันแน่! เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นนาง?!”
น้ำเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูขึ้นเรื่อยๆ สตรีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าตนอยู่ห่างจากคำตอบเพียงแค่หน้าต่างกระดาษบางๆ แต่เพราะอาหารมึนเมา นางจึงไม่อาจทะลุผ่านกระดาษแผ่นนั้นไปได้
ตอนนี้เองสตรีศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เห็นบางอย่างแปลกๆ ใต้แก้มของเขา
หน้ากากผิวมนุษย์เผยอออกมา
นั่นมัน…
คิ้วของสตรีศักดิ์สิทธิ์กระตุก ใช้พลังแวบไปตรงหน้าอีกฝ่าย แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะถือดาบ ก็ไม่อาจหยุดสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้เข้าใกล้
สตรีศักดิ์สิทธิ์ดึงหน้ากากหนังมนุษย์ออก
ภายใต้หน้ากากนั้น ปรากฏใบหน้าที่นางเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึง
นี่ไม่ใช่ความจริง…
เป็นไปไม่ได้…
ต้องมีหน้ากากอีกแน่
สตรีศักดิ์สิทธิ์รีบยกมือขึ้นจับพัลวัน
อีกฝ่ายถูกนางดึงทึ้งจนใบหน้ากลายเป็นสีม่วง “เจ้าทำอะไร? เจ้าสตรีบ้าผู้นี้!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถดึงมันออก และไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย ใบหน้านี้เป็นของจริง…เป็นซือคงอวิ๋นจริงๆ…
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองดูใบหน้าที่อยู่ติดกับนาง จากนั้นก็มองหยดเลือดสีแดงบนผ้าปูที่นอน รู้สึกเพียงธาตุทั้งห้าแตกกระจาย ฟ้าผ่าโครมครามกลางวันแสกๆ ทั้งร่างตกตะลึงแน่นิ่ง
นางทรุดก้นลงบนเก้าอี้
“เจ้ากล้าดึงหน้าข้า ดูซิว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าได้หรือ!” ซือคงอวิ๋นยกดาบขึ้นพุ่งเข้าหาสตรีศักดิ์สิทธิ์
เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่แม้กระทั่งยกมือ นางเพียงระเบิดพลังภายในอัดเขาลอยปลิวกระแทกกำแพง
แผ่นหลังเขาพลันรู้สึกเจ็บ ร่วงสู่พื้นอย่างแรงจนดั้งจมูกหัก
แต่ด้วยพลังนี้ทำให้เขาสังเกตเห็นลมหายใจของสตรีศักดิ์สิทธิ์
“เจ้า…เจ้าคือ…” ซือคงอวิ๋นก็ตกตะลึง ร่างกายที่ยืนตรงได้ในที่สุด ก็ล้มลงไปกองกับพื้น
อะไรกัน? มิใช่สตรีผู้นั้นหรอกหรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์?
“ไย ไย ไย…ไยถึงเป็นเจ้า?” ซือคงอวิ๋นพูดตะกุกตะกัก ไม่รู้เพราะความรู้สึกผิดหรือความโกรธเคือง “เจ้าควรอยู่ที่งานแต่งมิใช่หรือ? เหตุใดถึงออกมาที่นี่?”
หากเขาไม่ใช่บุตรชายของสกุลซือคง สตรีศักดิ์สิทธิ์คงใช้ดาบฟันสังหารเขาไปแล้ว!
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเย็นชา “คำพูดนี้ควรเป็นข้าที่ถามเจ้า!”
ไม่อยู่ร่วมหอกับสตรีนั่นที่จวนซือคงดีๆ กลับมาปลอมตัวเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา…
ตอนนี้ นางกลายเป็นรองเท้าขาดคู่นั้นไปแล้ว!!!
แน่นอน ซือคงอวิ๋นไม่อาจเดาสิ่งที่สตรีศักดิ์สิทธิ์คิดต่อเยี่ยนจิ่วเฉา และยังคิดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์รู้ทันแผนของตน จึงตามมาขัดขวางเขาโดยเฉพาะ
ซือคงอวิ๋นระงับความรู้สึกผิดและกล่าวอย่างหยาบคาย “ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานกับเจ้า อีกเดี๋ยวข้า…ทำอะไรเสร็จ…ก็จะกลับจวนไปแต่งงานกับเจ้า เจ้าร้อนใจอันใด? ต้องปลอมตัวเป็นนางเพื่อจับข้าหรือ? เจ้าออกมาเช่นนี้ หากผู้ใดรู้เข้าจะทำอย่างไร?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงกับสำลัก “เจ้า…”
บุรุษผู้นี้กล่าววาจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?!
รู้ว่าเขาไม่ได้เรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นถึงเพียงนี้!
ซือคงอวิ๋นเหลือบมองนาง พลันเชิดคางขึ้นแล้วกล่าวว่า “ไยมองข้าเช่นนี้? เจ้าอยากจะบอกว่า ‘เจ้าก็ไม่ได้ออกมาหรือ? ใครจะทำให้เกิดความวุ่นวายก็ยังไม่แน่?’ หึ ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าเตรียมการสมบูรณ์แบบนานแล้ว ไม่มีทางที่คนจะรู้ว่าข้าไม่อยู่ที่จวน”
ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์หม่นลง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
……………………………