หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 430 เยี่ยนเสี่ยวซื่อผู้ไร้พ่าย!
ในตอนนั้นเอง อัญมณีประดับปิ่นปักผมบนศีรษะของอวี๋หวั่นก็สว่างวาบจนแสบตา จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังเสียดโสตประสาท หนอนพิษของสกุลซางซึ่งกำลังจะกัดอวี๋หวั่นเมื่อครู่ กลับถูกพลังอะไรสักอย่าง และกระเด็นลงไปกระแทกพื้น
“เกิดอะไรขึ้น” อวี๋หวั่นอยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนจิ่วเฉา มองเห็นเหตุการณ์ด้านหลังไม่ชัดเจน เธอรู้เพียงว่ามีแสงสว่างวาบ แล้วตนก็พ้นจากความตายมาได้อีกครั้ง
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังหนอนพิษพลังหยินของสกุลซาง จากนั้นก็มองไปยังปิ่นปักผมบนศีรษะของอวี๋หวั่น ผู้คนทั้งหมิงตูล้วนแต่เคารพบูชาศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าศิลานี้จะนำพาความเป็นสิริมงคลอันสูงสุดมาให้ เพราะฉะนั้นบนเครื่องประดับจำนวนไม่น้อยมักจะมีศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ประดับไว้
ก่อนหน้านีศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่าง จึงทำให้หนอนพิษของสกุลซางกระเด็นออกไป
“มันกลัวแสง!” เยี่ยนจิ่วเฉาพูด
“สะ…แสงอะไร?” อวี๋หวั่นชะงักไป
“แสงที่สว่างมากๆ” แสงนวลและอ่อนโยนอย่างแสงของไข่มุกราตรีนั้น หนอนพิษของสกุลซางไม่ชอบก็จริง แต่ไม่ถึงกับทำให้มันรู้สึกระคายเคือง เยี่ยนจิ่วเฉานึกบางอย่างออก จึงถามอวี๋หวั่นว่า “เจ้ามีศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวไหม?”
“มี เจ้านี่…กลัวศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือ?” อวี๋หวั่นรีบหยิบกำไลข้อมือออกมาจากแขนเสื้อ กำไลวงนี้เป็นของที่ท่านยายรองให้มา บนกำไลมีศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ประดับอยู่หลายก้อน
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา และเขวี้ยงใส่หนอนพิษสกุลซางเมื่อมันโจมตีพวกเขาอีกครั้ง
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่างวาบ มันส่องสว่างเส้นทางที่มืดสนิท หนอนพิษของสกุลซางกลัวแสงสว่างเป็นทุนเดิม ก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงจนทางเดินแลดูราวกับเวลากลางวัน สำหรับหนอนพิษของสกุลซางแล้ว นั่นไม่ต่างอะไรกับทะเลเพลิง อันตรายอย่างยิ่งยวด ทำให้มันไม่สามารถปล่อยออกมาได้แม้แต่พลัง
อวี๋หวั่นมองออกเช่นกันว่าหนอนพิษพลังหยินตัวนี้กำลังทรมาน “ที่แท้มันก็กลัวศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์”
มิน่าเล่าทั้งหมิงตูจึงเชิดชูและบูชาสตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้ แม้แต่หนอนพิษพลังหยินที่น่าสะพรึงกลัว ยังเอาชนะศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ด้วยซ้ำไป
หนอนพิษพลังหยินหันไปมาหลายทิศหลายทาง แต่ก็ไม่อาจหนีจากแสงสว่างของศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งส่องไปยังทุกอณูในทางเดิน มันค่อยๆ ถอยหลังไป หางขนาดมหึมาของมันกวัดแกว่ง และหันเข้าไปยังส่วนลึกของเขตหวงห้าม
“จะหนีรึ?” อวี๋หวั่นหยิบศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วโยนใส่หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางอย่างแรง
หางของมันโบกสะบัด และขยับหลบได้
อวี๋หวั่นหยินขึ้นมาอีกเม็ดหนึ่ง มันก็หลบได้อีก
อวี๋หวั่นกัดฟันกรอด “เจ้านี่นับว่าปราดเปรียวทีเดียว! ถ้าปล่อยมันรอดไปได้ น่ากลัวว่าถ้าจะหลอกล่อมันมาอีกครั้งคงจะไม่ง่ายแล้ว!”
ทันใดนั้นเอง สัตว์พิษตัวน้อยที่หลบอยู่ในอกเสื้อของอวี๋หวั่นก็ปราดออกมา แล้วพุ่งเข้าหาหนอนพิษพลังหยินของสกุลซางอย่างรวดเร็ว
มันรวบรวมพลังทั้งหมด แล้วพุ่งเข้าหาหนอนพิษของสกุลซางซึ่งกำลังพยายามจะหนี ชนเข้าจนมันพุ่งติดกำแพง
หนอนพิษของสกุลซางโทสะพลุ่งพล่าน
มันถูกศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงใส่จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทั้งยังถูกหนอนพิษไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจากที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งชนจนมันรู้สึกอดสูเหลือเกิน
หนอนพิษของสกุลซางวาดกงเล็บแหลมใส่สัตว์พิษตัวน้อยที่พุ่งเข้ามา
สัตว์พิษตัวน้อยเบี่ยงตัวหลบในทันใด!
หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางโจมตีอีกครั้ง!
สัตว์พิษตัวน้อยกระโดดหลบอีกครั้งหนึ่ง หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันทีที่กรงเล็บของมันกำลังจะเฉือนเนื้อของสัตว์พิษตัวน้อย สัตว์พิษตัวน้อยกลับล้มลงไป กระแทกกับพื้นครั้งหนึ่ง หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางเห็นเช่นนั้น จึงพุ่งเข้าไปเล่นงานอย่างไม่เกรงใจ
สัตว์พิษตัวน้อยตัวสั่นเทิ้ม มันยกศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวของมันขึ้นมา
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างวาบ หนอนพิษสกุลซางก็กรีดร้องออกมาแล้วกระเด็นไปกระแทกพื้น!
ครั้งนี้ หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางโมโหจริง
และแล้ว เรื่องเหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น
มันง้างกรงเล็บออก และจิ้มตาตนเองให้บอดทั้งสองข้าง
อวี๋หวั่นตะลึงงันในทันใด
หนอนพิษตัวน้อยซึ่งกำลังยกศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ถึงกับตื่นตะลึงไป
เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งเยือกเย็นมาตลอด ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะได้เห็นการกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนี้ของหนอนพิษพลังหยิน
อวี๋หวั่นคว้ามือของสามีตนเอาไว้ “นะ…น่า…น่ากลัวจริงๆ เลย…”
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด หรืออาจเรียกว่าทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นซากก็คงได้ มันจำเป็นต้องทำให้ตนเองตาบอด ไม่มีใครทำเช่นนี้ได้อีกแล้ว
หลังจากที่ตาบอดสนิทแล้ว มันก็ไม่กลัวแสงจากศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ประสาทสัมผัสอันสมบูรณ์แบบทำให้การเคลื่อนไหวของมันไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย มันสามารถสัมผัสทิศทางของอีกฝ่ายได้
มันตวัดกรงเล็บใส่สัตว์พิษตัวน้อย
สัตว์พิษตัวน้อยถูกตบเข้าไปในผนัง ติดแน่นจนขยับออกมาไม่ได้
จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหาเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่น พลังอันแข็งแกร่งของของราชันสัตว์พิษกดทับไปทั่วทั้งเส้นทาง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปในอากาศ ทำให้รู้สึกหายใจแทบไม่ออก
เยี่ยนจิ่วเฉาใช้ร่างของตนกำบังอวี๋หวั่นไว้
หนอนพิษของสกุลซางสัมผัสได้ว่ามีบุรุษคนหนึ่งขวางหน้าเลือดพลังหยินบริสุทธิ์ สำหรับมันแล้ว นี่ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด บุรุษผู้นี้ไม่มีแม้แต่วรยุทธ์ มันสามารถพุ่งทะลุร่างของอีกฝ่ายได้เสียด้วยซ้ำ จากนั้นค่อยพุ่งทะลุร่างที่มีเลือดพลังหยินบริสุทธิ์ จากนั้นก็ดื่มเลือดของนาง
เมื่อหนอนพิษของสกุลซางคิดได้เช่นนั้น มันก็ลงมือทำในทันใด
มันอ้อมไปยังด้านหลังของเยี่ยนจิ่วเฉา และพุ่งไปยังตำแหน่งหัวใจของเขาอย่างไร้ความปรานี
ทว่าหนอนพิษของสกุลซางก็มิได้พุ่งทะลุร่างของเขา แรงกดซึ่งไม่รู้ว่าปรากฏจากที่ใดก็เข้ามาขวางไว้ คล้ายกับเกราะกำบังซึ่งไร้รูปร่าง ปกป้องบุรุษผู้นั้นไว้
จากนั้น เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก แรงกดนั้นก็ขยายออกไปโดยรอบ ทำให้กลิ่นอายของหนอนพิษของสกุลซางสลายไปสิ้น หนอนพิษสกุลซางที่คิดจะต่อต้านก็ไม่ทันได้ลงมือ กรงเล็บของมันก็ถูกตัดขาด
หนอนพิษสกุลซางกรีดร้องด้วยความทรมาน มันดิ้นทุรนทุราย หมายจะลุกขึ้นสู้ แต่ขยับได้เพียงไม่กี่ครั้งก็แน่นิ่งไปอย่างฉับพลัน
อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ มันไม่ขยับแล้วละ? เยี่ยนจิ่วเฉา! ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม!”
“ข้าไม่เป็นไร” เยี่ยนจิ่วเฉากำบังอวี๋หวั่นไว้ระหว่างตนกับกำแพง มือข้างซ้ายดันกำแพง มือข้างขวาจับท้องของอวี๋หวั่น
เห็นชัดๆ ว่าฆ่าตายได้ในพริบตาเดียว แต่กลับค่อยๆ เล่นจนตาย ทำเอาพวกเขาตกใจกลัวแทบแย่ หนอนพิษพลังหยินของสกุลซางจิ้มตาตนเองบอดไปโดยเปล่าประโยชน์
“สนุุกไหม?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
“ท่านหมายถึงอะไร?” อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร” เยี่ยนจิ่วเฉาปล่อยเธอ
อวี๋หวั่นลูบท้อง แล้วบอกว่า “เมื่อครู่เหมือนว่าลูกจะดิ้น ดิ้นแรงมากๆ ลูกต้องกลัวมากเป็นแน่”
เยี่ยนจิ่วเฉายกยิ้มมุมปาก หรี่ตาเล็กน้อย “ตอนนี้เล่า?”
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้น “ตอนนี้หรือ? หลับไปแล้วหรือเปล่า? ไม่ดิ้นแล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก เดินไปยังหนอนพิษพลังหยินของสกุลซางซึ่งยังคงขยับไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง แล้วจับหนอนพิษของสกุลซางขึ้นมา “มีขวดหยกไหม?”
“มี” อวี๋หวั่นว่าพลางหยิบขวดหยกใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อ ดึงจุกขวดแล้วส่งให้เยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาจับหนอนพิษของสกุลซางใส่เข้าไป
อีกด้านหนึ่ง สัตว์พิษตัวน้อยก็แกะตัวเองออกจากกำแพงได้สำเร็จ มันกระโดดขึ้นไปเกาะอวี๋หวั่น มองไปยังขวดในมือของอวี๋หวั่น ยกกรงเล็บขึ้นมา แล้วยกเท้าขึ้นเตะหลายครั้ง!
เยี่ยนจิ่วเฉาบอกว่า “สัตว์พิษของสกุลซางหายไป ไม่นานพวกเขาต้องรู้เรื่องแน่ รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด”
“อื้ม!” อวี๋หวั่นพยักหน้า
ทั้งสองเดินกลับไปทางเดิม ออกจากทางเข้า เดินผ่านป่าไผ่ ผ่านระเบียงทางเดินและเรือนเล็ก กลับไปยังห้องของฮูหยินผู้เฒ่าซาง
สัตว์พิษตัวน้อยออกไปหาอาเว่ย และพาอาเว่ยไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าซาง
ฮูหยินผู้เฒ่าซางตื่นนอนแล้ว กำลังจะเรียกอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉามาสนทนากันสักหน่อย
อาเว่ยหยิบโสมที่เตรียมไว้ออกมา อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “ไม่ใช่โสมต้นนี้ เจ้าหยิบมาผิดแล้ว”
“ผิดก็ผิด ไม่เป็นไรหรอก” ฮูหยินผู้เฒ่าซางกล่าวประนีประนอม มีสิ่งใดบ้างที่สกุลซางขาดแคลน? ไหนเลยจะไม่มีโสมพันปีสักต้น?
อวี๋หวั่นมีสีหน้าจริงจัง “ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่รู้ โสมต้นนั้นเป็นโสมที่สามีข้าขุดขึ้นมาเองกับมือ ไม่ว่าอย่างไรก็ดึงดันจะนำมาให้ท่านให้ได้ ยังไม่รีบกลับจวนไปเอามาอีก?”
ประโยคสุดท้าย แน่นอนว่าพูดกับอาเว่ย
“ขอรับ!” อาเว่ยโค้งคำนับครั้งหนึ่ง แล้วเดินผ่านอวี๋หวั่นพร้อมกับรับขวดหยกไปอย่างแยบยล
อาเว่ยออกจากสกุลซาง และตรงไปยังสกุลซือคงทันที
ทว่าสิ่งที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่อาเว่ยออกไป ประมุขสกุลซางก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาพบว่าที่ป่าไผ่มีร่องรอยคล้ายกับถูกคนเข้ามา จึงเดินไปตามทางเดิน และพบว่ายาในห้องปรุงยาถูกขโมยไป เส้นทางเดินถล่มลงมา พวกเขาจึงค้นหาตลอดทาง และพบว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของสกุลซางหายไปแล้ว
ประมุขสกุลซางกำลังจะเดินไปดูนายน้อยสามและประมุขสกุลซือคงเดินหมาก องครักษ์คนหนึ่งก็กระวีกระวาดเข้ามาแล้วกระซิบข้างหูเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
ประมุขสกุลซางขมวดคิ้ว แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ? ราชันสัตว์พิษหายไปแล้ว?”
เขาเหลือบมองประมุขซือคงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย ทว่าประมุขซือคงก็ยังคงเดินหมากโดยปราศจากท่าทีผิดปกติ “เสี่ยวจิ่ง ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแล้ว”
ประมุขสกุลซางเบนสายตากลับมา ลอบกำหมัดแน่น แล้วกระซิบถามว่า “ใครทำกัน?”
องครักษ์ตอบว่า “ไม่กระจ่างขอรับ คนที่เข้าไปในทางเข้าป่าไผ่ และขโมยยาในห้องปรุงยา ข้าน้อยสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกัน ข้าน้อยพบสิ่งนี้ด้านในขอรับ”
เขาพูด แล้วแบมือออกมา เผยให้เห็นศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ก้อนเล็กก้อนหนึ่ง
“แล้วก็” องครักษ์พูดต่อ “บ่าวของคุณชายรองซือคงออกไปแล้วขอรับ”
……………….