หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 463 หลัวช่าน้อยที่แข็งแกร่งที่สุด
ขณะที่อวี๋หวั่นนำยาโลหิตกลับไปที่ห้อง หลัวช่าน้อยกินของที่ไข่ดำทั้งสามซ่อนไว้จนหมดเกลี้ยง ไข่ดำน้อยทั้งสามน้ำตาคลอนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ต้องพูดว่าเสียใจเพียงใด
การแบ่งปันน้องชายเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การแบ่งให้จนหมดเกลี้ยงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เรือแห่งมิตรภาพพลิกคว่ำ!
เมื่อเห็นอวี๋หวั่นเข้ามาในห้อง ไข่ดำน้อยทั้งสามก็โผสู่อ้อมแขนด้วยความน้อยอกน้อยใจ ใบหน้าเล็กแนบกับท้องอ้วนของเธอเบาๆ ขณะที่กำลังจะอ้าปากฟ้อง พวกเขาก็ถูกเท้าเล็กในท้องมารดารัวเตะเข้าที่ใบหน้า
โกรธแล้วนะ!
อวี๋หวั่นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ใช่พวกเขากินขนมหวาน พวกเขาก็แอบเอามาซ่อน และแล้วในที่สุดขนมที่ซ่อนไว้ไม่เหลือแล้ว ขณะที่อวี๋หวั่นทั้งโกรธทั้งขำ ก็ยังรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
หลัวช่าน้อยไม่ชอบกินของพวกนี้ไม่ใช่หรือ? ไยถึงกินหมดในคราวเดียว?
สิ่งที่เธอประหลาดใจคือการเปลี่ยนแปลงของหลัวช่าน้อย เหตุใดหลังจากได้รับบาดเจ็บรสนิยมการกินถึงเปลี่ยนไป?
หรือเพราะทนหิวมานานจนกินไม่เลือก?
อวี๋หวั่นยื่นยาโลหิตที่เธอนำมาให้ มันก็กินอย่างมีความสุข
คงหิวมานานเกินไป เป็นเช่นนั้นกระมัง?
อวี๋หวั่นปลอบโยนไข่ดำน้อยที่ไม่เหลือขนมที่ตนซุกซ่อนจนสงบลง ก่อนจะให้ห้องครัวทำขนมกุ้ยฮวามาให้ทั้งสามกิน แล้วเธอก็ไปที่ห้องของชุยเฒ่าพร้อมกับหลัวช่าน้อยในอ้อมแขน
คราวนี้ชุยเฒ่าสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เขากำลังเตรียมยาให้ซือคงเย่และราชาหลัวช่า คนชราทั้งสองอายุมากแล้วแต่ก็ยังไม่กินขม ช่างน่ากลัดกลุ้ม!
ชุยเฒ่าตักน้ำผึ้งหนึ่งช้อน เมื่อหันไปก็เห็นอวี๋หวั่นเดินเข้ามาพร้อมกับหลัวช่าน้อยในอ้อมแขน
“ตื่นแล้วหรือ?” ตอนแรกเขาผงะไป จากนั้นก็พยักหน้าราวกับนึกได้ “อื้ม ก็ได้เวลาตื่นแล้ว”
อวี๋หวั่นก้าวข้ามธรณีประตู อุ้มหลัวช่าน้อยวางลงบนเตียงรักษา “ข้าตรวจดูแล้ว ไม่เป็นไรมาก ท่านดูให้มันอีกทีหนึ่งสิ”
ชุยเฒ่าวางงานในมือลง เช็ดมือด้วยผ้าแห้ง จากนั้นจึงเดินไปหาหลัวช่าน้อย
เขาแตะหน้าผากของหลัวช่าน้อย และส่งเสียงอืมอย่างพึงพอใจ “ไม่ร้อนแล้ว”
เขาเปิดเสื้อของหลัวช่าน้อยและคลายผ้าพันแผลออก ปากแผลปิดสนิทหายดีแล้ว จนสามารถถอดออกได้
“กรรไกร” เขากล่าวกับอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นเปิดตู้ยา หยิบกรรไกรที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วยื่นให้
เมื่อหลัวช่าน้อยเห็นกรรไกรอันแหลมคม พลันกระโดดโหยงตั้งท่าขู่ แยกเขี้ยวยิงฟัน จ้องถมึงทึงมองชุยเฒ่าไม่วางตา!
“อย่ากลัวเลย ไม่ได้จะทำร้ายเจ้า” อวี๋หวั่นลูบหัวของเขาเบาๆ
หลัวช่าน้อยยังคงจ้องไปที่ชุยเฒ่าอย่างระแวดระวัง ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้
“ข้าทำเอง” อวี๋หวั่นรับกรรไกรมา
สิ่งที่เหมือนกันคือกรรไกร ทว่าหลัวช่าน้อยกลับไม่ได้ขัดขืนต่ออวี๋หวั่น ทั้งยังยกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นท้องของตนอย่างเชื่อฟัง
“ข้าจะตัดไหมที่เย็บแผล” อวี๋หวั่นพูดอย่างแผ่วเบา
หลัวช่าน้อยมองท้องของตนอย่างบ้องแบ๊ว
ทันทีที่อวี๋หวั่นตัด——
หลัวช่าน้อยเจ็บจนขนชี้ตั้ง แลบลิ้นตาเหลือก!
ชุยเฒ่าย่ามใจขบขันบนความทุกข์ “เหอะๆๆ ผู้ใดให้เจ้าไม่ให้ข้าตัดละ?”
หลังจากตัดไหม หลัวช่าน้อยก็เหยียดมือเล็กไปหาอวี๋หวั่น และนอนลงในอ้อมแขนของอวี๋หวั่นอย่างเจ็บปวด หากสังเกตดีๆ จะพบว่าท่าทีนี้เหมือนกับไข่ดำน้อยที่ถูกแย่งขนมหมดทุกประการ
อวี๋หวั่นหัวใจอ่อนยวบกับความน่ารัก ก้มศีรษะลงแตะหน้าผากเล็กๆ ของมัน “อยากไปหาราชาหลัวช่าหรือไม่?”
หลัวช่าน้อยยังไม่ทันตอบ ชุยเฒ่าก็กระแอม “อย่าเพิ่งเลยดีกว่า พวกเขากำลังสู้กันอยู่”
ในคำพูดคือการต่อสู้ ทว่าเป็นการต่อสู้ที่ไม่ใช้กำลังภายใน
ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส เน่ยตันและยาโลหิตในร่างกายอยู่ในขั้นที่กำลังหลอมรวมกับกู่ตัน พวกเขาไม่สามารถใช้กำลังภายใน และไม่ได้รับอนุญาตให้ลุกจากเตียง ดังนั้นทุกๆ วันจึงกลายเป็นเช่นนี้——
สิ่งแรกหลังจากลืมตา โยนหมอนใส่กัน
สิ่งที่สองหลังจากลืมตา เตะแผลอีกฝ่าย
สิ่งที่สามหลังจากลืมตา ร่วมมือกันปกปิดเรื่องการต่อสู้
…อธิบายความหมายของการทะเลาะที่สุดท้ายก็กลับมาดีกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ยามที่อวี๋หวั่นพาหลัวช่าน้อยไปที่ห้องของอาม่า ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันจบแล้ว ผิวที่เคยขาวซีดของพวกเขากลายเป็นสีแดงระเรื่อ สิ่งที่น่ากล่าวถึงก็คือ การต่อต้านกู่ตันในร่างกายทั้งสองทำให้ความสามารถในการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก ยามนี้ทั้งคู่ดูอ่อนแอไม่ต่างจากการได้รับบาดเจ็บทั่วไป
อวี๋หวั่นพบว่าใบหน้าของตาทวดมีรอยข่วน ลำคอของราชาหลัวช่าถูกสับจนกลายเป็นสีเขียว และขนขาของทั้งสอง ที่น่าสงสัยว่าจะถูกอีกฝ่ายดึงจนหมดเกลี้ยง
มุมปากของอวี๋หวั่นกระตุก “…”
เฮ้อ อย่างไรก็เป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหมิงตู ต่อสู้เช่นนี้ ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือ?
อวี๋หวั่นถอยหลังหนึ่งก้าวและมองไปที่หลัวช่าน้อยในอ้อมแขน “ไว้พวกเราค่อยมาหาพวกเขาวันอื่น ตกลงไหม?”
หลัวช่าน้อยมองอวี๋หวั่นด้วยความแปลกใจ มันไม่เข้าใจว่าอวี๋หวั่นพูดอะไร เขาเอียงหัว พยักหน้า แสร้งทำเป็นฟังรู้เรื่อง!
อวี๋หวั่นกลับมาที่ห้องของตนพร้อมกับหลัวช่าน้อยในอ้อมแขน เมื่อนึกบางสิ่งขึ้นได้ เธอจึงไปหาชุยเฒ่าอีกครั้ง
“มีอะไรอีก?” ชุยเฒ่าถามเสียงลากยาว
อวี๋หวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดถึงสิ่งที่ตนสงสัย “ร่างกายของท่านตาทวดและราชาหลัวช่าต่างมีปฏิกิริยาปฏิเสธกู่ตัน แต่เหตุใดหลัวช่าน้อยไม่เป็น? นี่ก็ไม่ใช่ยาโลหิตดั้งเดิมของมัน”
“ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน” ชุยเฒ่าขมวดคิ้ว “ตามหลักนอกจากยาโลหิตของตนแล้ว ก็ไม่น่ามีอันใดที่ลงตัวพอดีเช่นนี้ แต่ยาโลหิตครึ่งหนึ่งของราชาหลัวช่ากับเน่ยตันครึ่งหนึ่งของทวดเจ้า กลับไม่ก่อให้เกิดอาการต่อต้านแม้แต่น้อย ไม่รู้เพราะมันโชคดีหรือโชคเข้าข้างเรา?”
อวี๋หวั่น “…”
ไม่ได้มีความหมายเดียวกันหรือ?
“เจ้าไปถามฉิวปิ่งเถอะ!” แม้ว่าชุยเฒ่าจะเป็นหมอเทวดา แต่บางเรื่องเขาไม่เคยเข้าไปสัมผัส
อวี๋หวั่นพาหลัวช่าน้อยไปที่ห้องของอาม่า
ดูเหมือนหลัวช่าน้อยจะชอบให้อวี๋หวั่นอุ้มมาก เวลาอยู่ในอ้อมแขนเธอ มันเชื่อฟังยิ่งนัก
“อาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?” อวี๋หวั่นถาม
อาม่าวางหนังสือคัมภีร์โบราณที่อ่านได้ครึ่งหนึ่งลงและกล่าวว่า “สองวันมานี้ข้าก็กำลังหาคำตอบอยู่ ข้าคิดว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับวิชาวรยุทธ์ที่พวกเขาทั้งสองฝึกฝน”
อวี๋หวั่นชะงักและกล่าวว่า “ท่านหมายถึงวิชาอายุวัฒนะและวิชาอสูรโลหิตหรือ?”
อาม่าพยักหน้า “ถูกต้อง วิชาทั้งสองเดิมทีมาจากเผ่าพ่อมด วิชาอายุวัฒนะสามารถยับยั้งวิชาอสูรโลหิต แล้วยังสามารถช่วยฟื้นฟูวิชาอสูรโลหิตด้วย ข้ากล้าเดาว่าเพราะเน่ยตันครึ่งหนึ่งของซือคงเย่ ระงับการปฏิเสธยาโลหิตที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายของหลัวช่าน้อย หากเริ่มแรกใช้ยาโลหิตของราชาหลัวช่า ก็อาจไม่เป็นเช่นนี้”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยพึมพำ “พอถึงคราท่านตาทวดของข้าใจอ่อน ก็กลับโชคดีเช่นนี้หรือ?”
หลัวช่าน้อยจ้องมองอวี๋หวั่นอย่างงวยงง
อวี๋หวั่นจิ้มหน้าผากเล็กๆ ของมัน “ต้องจดจำท่านปรมาจารย์ซือคงไว้ให้ดี รู้หรือไม่? หากครานี้มิใช่เพราะเขา เจ้าคงลำบากแล้ว”
หลัวช่าน้อยไม่เข้าใจ เอาแต่พยักหน้า
เป็นดังที่คาดไว้ หลังจากพยักหน้า อวี๋หวั่นก็ส่งหอมฟอดใหญ่ให้เป็นรางวัล
หลัวช่าน้อยมองท้องฟ้า ราวกับได้เรียนรู้ทักษะใหม่
หลัวช่าน้อยยังไม่หายดี การกอดการหอมเป็นรางวัลที่มันชื่นชอบ ชี้ที่ใดก็กอดที่นั่น ช่างสุขสมอารมณ์หมายยิ่งนัก
ขณะที่อวี๋หวั่นอุ้มมันไปเดินเล่นที่สวนเล็กๆ ก็พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาที่กลับมาจากการฝึกฝน
หลัวช่าน้อยยังคงหวาดระแวงเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ไม่น้อย เพียงชั่วพริบตามันแยกเขี้ยวใส่เยี่ยนจิ่วเฉาอย่างดุร้าย แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย เขาเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดึงปกหลังเสื้อของหลัวช่าน้อยขึ้นมา
หลัวช่าน้อยดิ้นพล่าน!
อวี๋หวั่นกระซิบ “ระวัง แผลของมันยังไม่หายดี”
หลัวช่าน้อยหันมา จ้องหน้าเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความโมโห ราวกับบอกว่า หากแน่จริงก็รอให้ข้าหายดีก่อนเถอะ!
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดอย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วก็โยนหลัวช่าน้อยออกไป!
หลัวช่าน้อยกรีดร้อง ขณะที่เกือบจะล้มลง ร่างเล็กของมักก็พลิกตัวกลางอากาศ ราวกับปลาหลี่อวี๋แหวกว่าย กระโดดขึ้นอย่างปราดเปรียว
ทว่าพื้นที่กลับไม่เป็นใจ มันกระแทกกับลำต้นของต้นไม้เหนือหัว แลบลิ้น ตกลงมา
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่หยุดแค่นี้ ขยับปลายนิ้วปล่อยกำลังภายในออกมา
หลัวช่าน้อยที่น่าสงสารมึนหัวจนล้มลงกับพื้น แต่ยังไม่ทันได้หายใจก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นกำลังภายใน ย่อมรุนแรงกว่าการกระทำที่ไม่ตั้งใจเช่นเมื่อครู่อยู่ไม่น้อย หากประมาทเพียงเล็กน้อย เน่ยตันอันใหม่ในตัวของหลัวช่าน้อยที่รวมกันได้ในที่สุดอาจแตกเป็นเสี่ยง
อวี๋หวั่นมองด้วยความตื่นตระหนก เธออยากจะหยุดเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว กำลังภายในนั้นราวกับมีตา พุ่งปะทะลงร่างของหลัวช่าน้อยอย่างรวดเร็ว!
อวี๋หวั่นใบหน้าถอดสี “หลัวช่าน้อย!”
หลัวช่าน้อยถูกแรงโจมตี เกิดเสียงดังปัง
แต่…ความสยดสยองที่จินตนาการกลับไม่ได้เกิดขึ้น ตำแหน่งที่หลัวช่าน้อยยืนอยู่ถูกกำลังภายในทำลายร้างจนเกิดหลุม มันยืนหอบหายใจอยู่ในนั้น ท่าทางจนตรอก กัดฟันมองเยี่ยนจิ่วเฉา
ร่างของมันปล่อยกลิ่นอายวิชาอายุวัฒนะ
อวี๋หวั่นตกตะลึง เมื่อครู่หลัวช่าน้อยใช้วิชาอายุวัฒนะหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?
…………………