หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 474.1 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ขโมยไข่! พ่อลูกพบหน้า! (1)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 474.1 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ขโมยไข่! พ่อลูกพบหน้า! (1)
การตัดสินใจของซือคงเย่ได้รับความเห็นชอบจากทุกคน การเดินทางไปเผ่าพ่อมดอันตรายนัก อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หาย ทุกคนไม่อยากพาเขาไปเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้ ทั้งชีวิตของเขาก็ปกป้องผู้คนมามากพอแล้ว หากไม่ใช่เพราะสกุลซือคง เขาคงทอดทิ้งหมิงตูไปกับหลานอีนานแล้ว ผิดต่อหลานอีมาแล้ว อย่างน้อยก็ไม่อยากทำผิดต่อบุตรสาวของเขากับหลานอีอีก
ซือคงเย่เก็บข้าวของ เขามีสัมภาระไม่มาก มีเพียงเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไม่กี่ชุดระหว่างทาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือป้ายวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี เขาห่อด้วยผ้าแล้วแบกไว้บนหลังอย่างแน่นหนา
ศิษย์วิหารเจาหยาง เขาพาจิงหงติดตามไปเพียงผู้เดียว
“ปรมาจารย์” ซือคงฉางเฟิงเดินเข้ามาหาเขา ไม่รู้เหตุใด ปรมาจารย์ไม่ได้นำสัมภาระไปมากนัก แต่เขากลับสังหรณ์ว่าปรมาจารย์จะไม่กลับมาที่หมิงซานอีก “ท่าน…จะกลับมาหรือไม่?”
ซือคงฉางเฟิงพูดความสงสัยในใจออกมา
ซือคงเย่กล่าวว่า “ข้าไม่รู้”
เขาอยู่เพื่อสกุลซือคงมาหลายปีแล้ว ช่วงชีวิตที่เหลือ เขาอยากอยู่เพื่อหลานอีและลูกของตนเท่านั้น
พวกนางอยู่ที่ใด เขาก็อยู่ที่นั่น
ซือคงเย่หันกลับไปมองดูวิหารเจาหยางที่อาบไล้ด้วยแสงยามเช้า ดวงตาของเขาไม่มีความลังเลที่จะจากไปอีกแล้ว ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มโล่งใจ “หมิงซาน เป็นของเจ้าแล้ว”
“ปรมาจารย์——” ซือคงฉางเฟิงรู้สึกเพียงราวกับหน้าอกถูกคนฉีกออก เขาหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจควบคุม เขาเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รับการดูแลจากบิดาผู้ให้กำเนิดและแม่เลี้ยง มีเพียงปรมาจารย์และหมิงซานเป็นที่พักพิงให้แก่เขา แม้ว่าปรมาจารย์จะไม่ได้พบเขาบ่อยนัก แต่ก็มักให้คำแนะนำแก่เขาโดยปราศจากข้อกังขา เป็นเขาเองที่โง่เขลาเบาปัญญา ไม่อาจสืบทอดมรดกวิชาของปรมาจารย์
ในใจของเขา ปรมาจารย์เป็นคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าบิดา
เขาไม่อยากให้ปรมาจารย์จากไป
ซือคงเย่กลับไม่กล่าวสิ่งใด เพียงตบไหล่ของเขาและหันไปอำลาศิษย์คนอื่นๆ
อีกด้านหนึ่ง สัตว์พิษตัวน้อยและราชันหมื่นสัตว์พิษก็ต้องถูกแยกจากกัน เช่นเดียวกับสัตว์พิษตัวน้อยที่ต้องไปปกป้องอวี๋หวั่น ราชันหมื่นสัตว์พิษก็ต้องปกป้องนายของตน
มันและนายต่างก็อายุมากแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตคนหรือกู่ ก็ต้องอยู่เคียงข้างเจ้านาย
สัตว์พิษตัวน้อยกอดกรงเล็บใหญ่ของราชันหมื่นสัตว์พิษ ถูไปมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
ราชันหมื่นสัตว์พิษขับราชันพันสัตว์พิษหลายร้อยตัวเข้าไปในขวดหยกหลายขวด เพื่อเป็นอาหารให้กับสัตว์พิษตัวน้อยยามหิวโหย
ต่อมาก็เป็นอวี๋เซ่าชิง นางเจียง และเด็กๆ ทั้งสาม เดิมทียังกังวลว่าจะทำอย่างไรกับบิดามารดาและบุตรทั้งสาม ทว่ายามนี้ตาทวดจะเดินทางไปหนานจ้าว ที่นั่นเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ซือคงเย่ย่อมมีความสุขที่เป็นเช่นนั้น ได้อยู่กับอาซูน้อยและเด็กทั้งสาม เขามีความสุขยิ่งกว่าผู้ใด
ทว่าอวี๋เซ่าชิงกลับยืนยันที่จะไปกับอวี๋หวั่น ไม่ว่าบุตรสาวบุตรเขยจะไปที่หนานจ้าวก็ดี หรือเผ่าปีศาจก็ดี เขาล้วนไม่อาจอยู่เคียงข้างพวกเขา คราวนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็จะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ลำพัง
อย่างไรเสีย เขาก็เป็นยอดฝีมือระดับหัวกะทิที่สามารถเอาชนะหลัวช่าโลหิตถึงยี่สิบตัวได้ด้วยมือเปล่า บุตรสาวต้องการเขา!
เขามีปณิธานมั่นคง อวี๋หวั่นไม่อาจปฏิเสธ ทำได้เพียงตกลงให้เขาร่วมทางไปด้วย
ส่วนเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ถึงงอแงทำตัวเป็นเด็กไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้ใดให้นางเจ็บป่วย ร่างกายอ่อนแอบอบบางเล่า อวี๋หวั่นกังวลว่าการเดินทางจะทำให้นางไม่สบาย ไม่ว่าพูดอย่างไรก็จะให้นางกับซือคงเย่กลับไปที่หนานจ้าว
เมื่อเห็นนางเจียงมุ่ยปากเล็กๆ อย่างน้อยอกน้อยใจ อวี๋หวั่นก็กระซิบเบาๆ “ท่านตาทวดไม่ค่อยถนัดดูแลเด็กๆ มีท่านแม่อยู่ ข้าค่อยวางใจหน่อย”
ดังนั้นนางเจียงพร้อมกับไข่ดำน้อยทั้งสามจึงนั่งรถม้ากลับไปที่หนานจ้าวทั้งน้ำตา
คนที่รู้จะบอกว่าพวกเขากลับบ้าน คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าพวกเขาถูกใครทอดทิ้งมา
เวลาเที่ยงวัน คนสองกลุ่มเดินทางออกจากหมิงตูมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน ราวๆ ช่วงเย็น ทั้งสองกลุ่มต่างก็มาถึงที่พักที่แรกของตน กลุ่มของอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในป่า ซือคงเย่ตั้งกระโจมที่ริมลำธาร
จิงหงไปจับปลาที่ลำธารเพื่อทำปลาย่าง หลังจากพวกเขากินเสร็จ ซือคงเย่ก็พาไข่ดำน้อยทั้งสามกลับไปที่กระโจมของตน ส่วนเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ก็พักที่กระโจมอีกหลัง
จิงหงนั่งเฝ้ายามข้างกองไฟ
กลางดึก หัวเล็กโผล่จากกระโจมเงียบๆ มองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น จึงเขย่งเท้าเดินออกมา
เงาร่างเล็กเดินหายเข้าไปในความมืดอย่างเงียบงัน
ราตรีอันเงียบสงัด จันทร์กระจ่างฟ้าดาราพราวแสง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างเล็กที่เดินไปไกลแล้ว วิ่งเข้ามาอีกครั้ง พุ่งเข้าไปในกระโจมของซือคงเย่ แล้วถือสิ่งของบางอย่างออกมาจากด้านใน
ช่วงเวลามืดสลัว ความร้อนจากกองไฟมอดดับไปนานแล้ว จิงหงนั่งกอดดาบคอตกเล็กน้อยราวกับไก่จิกข้าว เขาสะดุ้งตื่นขึ้นทันใด ปฏิกิริยาแรกคือชักดาบออกมาหันมองไปรอบๆ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตราย จึงรู้สึกโล่งใจเงียบๆ
“บอกว่าจะเฝ้ายามดึก แต่ข้ากลับหลับไป” จิงหงลูบคอที่แข็งเกร็งเล็กน้อยของตนอย่างตำหนิ หันไปทำความเคารพปรมาจารย์ ยามเดินผ่านกระโจมของฮูหยินอาซู เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“ฮูหยินอาซู” เขากระซิบเรียกจากด้านนอก
ในกระโจมไม่มีการตอบสนอง
ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของจิงหง เขาลังเลครู่หนึ่ง กัดฟัน ใช้ด้ามดาบเปิดกระโจมและมองเข้าไปข้างใน ผลทำให้เขาต้องตกตะลึง
“แย่แล้ว——แย่แล้ว——ปรมาจารย์——ฮูหยินอาซูหายตัวไป——”
จิงหงตระหนกตกใจจนล้มลุกคลุกคลานไปถึงกระโจมของซือคงเย่
ราชันหมื่นสัตว์พิษที่สงบนิ่งไร้อารมณ์ทางโลกเหลือบมองเขา และนอนข้างกายซือคงเย่ต่อไป
ซือคงเย่ลุกขึ้นนั่งและยืดเอวบิดขี้เกียจเล็กน้อย “เช้าตรู่เช่นนี้ โวยวายเสียงดังอันใด?”
จิงหงเข้าไปในกระโจม และกล่าวเสียงสั่นอย่างหวาดกลัว “ฮูหยินอาซูหายไป!”
ซือคงเย่อ้าปากหาว “หายก็หายสิ ไยต้องเอะอะเสียใหญ่โตเช่นนี้?”
“…หือ?” จิงหงตกใจกับปฏิกิริยาของปรมาจารย์ ฮูหยินอาซูเป็นหลานของเขา เขารักและเอ็นดูนางยิ่งนัก เหตุใดได้ยินว่านางหายไป เขากลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้?
ช้าก่อน!
ท่าทีของปรมาจารย์ เหตุใดคล้ายกับล่วงรู้เหตุการณ์อยู่ก่อนแล้ว?
จริงอยู่ที่วรยุทธ์ของตนอ่อนแอ ยามหลับจึงไม่อาจตรวจจับการเคลื่อนไหวแถวกระโจม ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์จะไม่ใยดีฮูหยินอาซูเช่นนี้
จิงหงมองซือคงเย่และถามหยั่งเชิง “ปรมาจารย์ ท่าน…รู้อยู่แล้วว่าฮูหยินอาซูไปที่ใดหรือ?”
“ใช่ ข้ารู้” ซือคงเย่กล่าว
“อา…” เป็นเช่นนั้นจริง เขาตกตะลึงอ้าปากกว้าง “เช่นนั้นเราต้องรอฮูหยินอาซูอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ซือคงเย่กล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็น นางจะไม่กลับมา”
“อา…” หมายความว่าอย่างไรที่ไม่กลับมา? ปรมาจารย์ท่านอย่าทำให้ข้ากลัวสิ!
ซือคงเย่มองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าความคิดเขาบิดเบี้ยวไปไกล จึงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด นางน่ะเก่งกาจยิ่ง!”
“อ้อ” จิงหงไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี
“อ๊า!” จิงหงร้องขึ้นอีกครั้ง
ซือคงเย่ปวดหัวกับเขา “มีอะไรอีก?”
จิงหงชี้ไปที่ข้างกายซือคงเย่ที่ว่างเปล่า และกล่าวว่า “คุณ คุณ คุณ คุณ…คุณชายน้อยก็หายตัวไป!”
“อื้ม” ซือคงเย่ตอบอย่างใจเย็นอีกครั้ง
จิงหงเหลือบมองปรมาจารย์ด้วยความหวาดผวาอีกครั้ง “คงไม่ได้ถูกฮูหยินอาซูพาไปด้วยกระมัง? ไยฮูหยินอาซูถึงวุ่นวายเช่นนี้? ตนเองหนีไปก็ยังพอว่า เหตุใดต้องพาคุณชายน้อยไปได้ด้วย? ปรมาจารย์ หรือไม่ เรากับราชันหมื่นสัตว์พิษไปตามพวกเขากลับมากันเถอะ!”
ซือคงเย่กล่าวอย่างครุ่นคิด “ไม่จำเป็น การเดินทางไปยังเผ่าพ่อมด อาจต้องใช้เด็กๆ พวกนั้น”
หมายความว่าอย่างไร? ฮูหยินอาซูพาคุณชายน้อยไปที่เผ่าพ่อมดหรือ?
แต่เหตุใดถึงใช้ประโยชน์จากคุณชายน้อยได้ลงคอ? พวกเขาเป็นเพียงเด็กน้อยอายุสามขวบเท่านั้น!
จิงหงอยากถาม แต่ซือคงเย่กลับไม่อยากพูดอะไรอีก
อาซูน้อยขโมยไข่น้อยไปจากกระโจมของเขา คิดว่าเขาจะหลับสนิทไม่รู้ตัวเลยกระนั้นหรือ?
แต่ยามที่อาซูน้อยจะไป ก็ยังห่มผ้าห่มให้เขาอย่างดี
แม้จะเอาเงินของเขาไปด้วย…
แต่อาซูน้อยของเขาก็เป็นเด็กที่จิตใจดีและมีน้ำใจที่สุดในใต้หล้า!
…