หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 494.2 ตีบทแตกกระจาย! (2)
อวี๋หวั่นมองไปยังฮูหยินรองผ่านช่องของหน้าต่าง เมื่อเทียบกับฮูหยินเหมยซึ่งงามสะคราญ หรือฮูหยินหลานที่อ่อนเยาว์ชวนให้กระชุ่มกระชวยแล้ว ภรรยาเอกผู้นี้นับว่ามิได้มีข้อได้เปรียบมากนัก แต่อย่างไรเสียก็เป็นหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ในเผ่าพ่อมด บุคลิกและท่วงท่าจึงสง่างามดั่งชนชั้นสูง นี่ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวชาวบ้านทั่วไปจะมีได้
กระนั้นแล้วสายตาของบุรุษในใต้หล้าก็มักจะพร่าเลือน ดอกมณฑาขาววางอยู่ตรงหน้าไม่สนใจ กลับไปเด็ดดอกไม้ป่าที่เรี่ยรายตามข้างทาง
“ไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ดีหรอกหรือ? ทำไมนางต้องมาหาสามีด้วยละ” อวี๋หวั่นยังไม่เข้าใจ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ…” อิ่งลิ่วเกาศีรษะ
เยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก พวกเขาสนใจเรื่องนั้นไป ส่วนเขาก็เล่นของเขาไป เขายังคงขยับแม่กุญแจขงเบ้งในมือด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
แม้ว่าฮูหยินรองจะเป็นภรรยาที่ไม่ได้รับความรักความเอ็นดูจากเวินซวี่ แต่นางก็เป็นนายหญิงของจวน อีกทั้งตระกูลเดิมของนางนั้นเป็นตระกูลใหญ่ ฮูหยินเหมยและฮูหยินหลานย่อมไม่กล้าล่วงเกินนางต่อหน้า ทันทีที่เห็นนาง ทั้งสองจึงปล่อยมือจากแขนของต๋าหว่าแต่โดยดี แล้วย่อเข่าคำนับ “ฮูหยินรอง”
ฮูหยินรองเหลือบมองพวกนาง แล้วบอกกับต๋าหว่าว่า “ข้ามีเรื่องจะพูดกับนายท่านรอง”
ฮูหยินเหมยและฮูหยินหลานส่งสายตาหาต๋าหว่า
เบื้องหลังจะตบตีชิงดีชิงเด่นกันเพียงใดไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อฮูหยินรองมา ในฐานะที่พวกนางเป็นอนุภรรยา ย่อมต้องกอดคอร่วมมือกันก่อน
ต๋าหว่าถูกสตรีทั้งสองทำให้หัวหมุนไปหมด เขาไม่ได้ละสายตาจากอนุภรรยาทั้งสอง เพียงแต่กระแอม แล้วพูดว่า “ฮูหยินเข้ามาเถิด ส่วนคนที่เหลือ…ถอยออกไปก่อน”
ภรรยาเอกมีเรื่องจะพูด อนุภรรยาย่อมต้องถอยออกไป
หลักการนี้ถูกต้องแล้ว!
ไหนเลยจะรู้ว่าทุกคนในห้องต่างต้องตะลึงงัน แม้แต่ฮูหยินรองเองก็อดตะลึงไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมาเวินซวี่ไม่เคยสนใจใยดีฮูหยินรอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีผู้อาวุโสสูงสุดและนายท่านคอยควบคุม เขาก็คงหลงอนุภรรยาหัวปักหัวปำจนไล่ตะเพิดภรรยาเอกไปแล้ว ครานี้เขากลับไม่ดุด่านาง ทั้งยังเรียกให้นางเข้ามาในห้องด้วยความเกรงอกเกรงใจอีกด้วย?
อิ่งลิ่วไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นความผิดของเขาใช่ไหม? เมื่อครู่หลังจากไปสืบความมา คนแรกที่เขาควรไปบอกก็คือต๋าหว่าสินะ…
โชคดีที่อวี๋หวั่นใช้วิชาปลอมตัวของสกุลหลานให้ต๋าหว่า นับว่าแนบเนียนใช้ได้ ต่อให้พวกเขาจะตกใจ แต่ก็ไม่มีทางคิดว่าจะมีผู้ใดใจกล้าบ้าบิ่นปลอมตัวเป็นหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าพ่อมดหรอกกระมัง
“อ่า…” พ่อบ้านเวินกลับรู้สึกดีใจเสียมากกว่า เขายิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “นายท่านรองกับฮูหยินรองมีเรื่องจะคุยกัน เช่นนั้นข้าจะไปส่งฮูหยินทั้งสองกลับเรือนเองขอรับ”
ฮูหยินเหมยและฮูหยินหลานถลึงตาใส่ต๋าหว่า จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ!
ตั้งแต่พวกนางเข้ามาอยู่ในเรือน นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินรองชนะพวกนาง!
“ท่านว่านายท่านรองเป็นอะไรไป อยู่ๆ ก็เกรงอกเกรงใจฮูหยินรองขึ้นมา?” เมื่อนายท่านรองไม่อยู่ ฮูหยินหลานก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป นางถกแขนเสื้อขึ้นมาอย่างดุดัน!
ฮูหยินเหมยเหลือบมองนางด้วยความรังเกียจ “เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร? นางเป็นถึงฮูหยินรอง แต่งเข้ามาอย่างถูกทำนองคลองธรรม เจ้าสิเป็นใครกัน?!”
“เจ้า!” เดิมทีฮูหยินหลานคิดจะหาพวก แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะถูกเย้ยหยันกลับมาเช่นนี้
ฮูหยินเหมยมองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปรงกว่าฮูหยินหลาน นางไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ ชาติกำเนิดของนางไม่สูง ไม่ว่าจะเป็นที่โปรดปรานสักเท่าไร ก็ไม่มีทางเป็นภรรยาเอกไปได้ เมื่อเทียบกับฮูหยินรองแล้ว อนุภรรยาแพศยาเหล่านั้นสิ จึงจะเป็นคู่ปรับที่แท้จริงของนาง!
ฮูหยินรองได้รับความโปรดปรานอีกครั้งก็เรื่องของนาง ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าพวกแพศยาเหล่านั้นปีนป่ายขึ้นมาเหนือกว่าตนเอง!
ฮูหยินรองมาบอกเรื่องที่ตนจะกลับไปเยี่ยมเยียนบ้านเดิม นางเพิ่งรู้ข่าวว่าพี่ชายที่บ้านเดิมมีบุตรชาย อีกไม่กี่วันจะมีพิธีสรงสาม[1] นางจึงอยากไปร่วมงาน อันที่จริงเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมาบอกเวินซวี่ให้รู้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็คงไม่สนใจ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดและนายท่านไม่อยู่ที่จวน ฮูหยินรองจึงต้องมาแจ้งแก่เวินซวี่แทน
“หากท่านไม่ยินดี ข้าจะให้คนนำของขวัญไปส่งที่บ้าน” ด้วยความสัมพันธ์ของฮูหยินรองและเวินซวี่ ไม่ว่าฮูหยินรองจะบอกอะไรเขา ก็มักจะถูกปฏิเสธกลับมาเสมอ
ฮูหยินรองเตรียมใจสำหรับความผิดหวังไว้แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าต๋าหว่ากลับตอบว่า “มะรืนนี้หรือ? ได้…ข้าจะเตรียมตัว กลับไปบ้านเดิมกับเจ้า”
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนหน้าผากของต๋าหว่า!
เขามาที่นี่ได้เพียงวันเดียว ก็ใช้จิตวิญญาณแห่งการแสดงไปแทบหมดสิ้น!
ทว่าในตอนนี้ จิตวิญญาณแห่งการแสดงนั้นไม่พอเสียแล้ว เพราะเขาต้องไปแสดงเป็นลูกเขยที่บ้านเดิมของฮูหยินรอง!
ทำไมชีวิตของเขาต้องมาลำบากเช่นนี้ด้วย!
ฮูหยินรองคิดว่าตนเองฟังผิดไป นางกะพริบตาปริบๆ “นายท่านรอง…ก็จะไปหรือ?”
คำพูดนี้หมายว่าอย่างไรกัน? ต๋าหว่าไม่ไปก็ได้หรือ?
ต๋าหว่าหันไปมองยังฮูหยินรอง!
รีบบอกเร็ว บอกว่าต๋าหว่าไม่ไปก็ได้!
ฮูหยินรองหลุบตาลง “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งข่าวว่านายท่านรองจะไปพร้อมกับข้า”
แม้ว่าจะถอดใจกับสามีไปแล้ว แต่เพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่สบายใจ นางย่อมไม่ปฏิเสธที่จะให้เวินซวี่กลับบ้านเดิม
พร้อมกับนาง
หรือว่า…พ่อสามีกับท่านปู่จะตักเตือนเวินซวี่อีกครั้ง?
ไม่เช่นนั้นเหตุใดท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้
ในใจของฮูหยินรองมิได้กระโตกกระตาก เพียงแต่ทำตามมารยาท ผู้ใหญ่ช่วยเหลือมากถึงเพียงนี้ นางย่อมต้องตอบแทน นางลุกขึ้นยืน คำนับด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ “ขอบคุณนายท่านรอง อาหารเย็น…”
อะไร? สตรีผู้นี้อยากกินอาหารเย็นที่นี่หรือ?
ต๋าหว่ายกมือขึ้นโบกน้อยๆ อย่างในใจระทมทุกข์ “เอาเถิด เจ้าอยากกินอะไร สั่งให้พวกเขาไปทำก็ได้! พ่อบ้านเวิน ให้คนจัดโต๊ะอาหาร!”
พ่อบ้านเวินไปส่งฮูหยินทั้งสอง แต่มีบ่าวคนอื่นรับคำสั่งแทนเขา
ผู้ที่มารับคำสั่งนั้นเป็นสาวใช้คนหนึ่ง นางเหลือบมองไปยังฮูหยินรองในห้องด้วยสีหน้าตื่นตะลึงราวกับเห็นผี “ฮูหยินรอง…รับอาหารที่นี่หรือเจ้าคะ?”
แน่นอนว่าฮูหยินรองไม่ได้อยากกินอาหารเย็นที่นี่ แต่เมื่อเวินซวี่เอ่ยปาก นางย่อมไม่อาจปฏิเสธ
“ข้าจะกินอาหารเย็นที่นี่” ฮูหยินรองตอบ
ต๋าหว่าจะร้องไห้ จะกินที่นี่จริงๆ หรือ? แม้แต่กินข้าวเขายังต้องแสดงๆๆ! ชีวิตของต๋าหว่าน่าสงสารเกินไปแล้ว!
เรื่องอาหารเย็นในห้องของเวินซวี่ ฮูหยินรองนึกปฏิเสธในใจ แต่ฝีมือการแสดงของนางเหนือกว่าต๋าหว่ามาก
เป็นเพราะฮูหยินรองไม่ยอมออกจากห้องสักที อิ่งลิ่วจึงไม่มีโอกาสเล่าเรื่องราวของเวินซวี่ให้ต๋าหว่าฟัง
ต๋าหว่าเห็นว่าฮูหยินรองสุขุมเยือกเย็น น่ามองกว่าอนุภรรยาทั้งสอง เขาจึงคิดว่าเวินซวี่ต้องรักใคร่เอ็นดูฮูหยิน
รองอย่างแน่นอน เขาก็กังวลว่าทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันมากที่สุด ฮูหยินรองอาจมองออกว่าเขาไม่ใช่เวินซวี่ คิดไปคิดมาเขาก็เริ่มหวั่นใจเสียแล้วสิ
อากัปกิริยาของต๋าหว่าล้วนอยู่ในสายตาของฮูหยินรอง แต่นางกลับคิดไปว่าเวินซวี่รังเกียจนาง กระนั้นก็ต้องฟังคำตักเตือนของผู้ใหญ่
ฮูหยินรองถอนหายใจ
หากเวินซวี่ชอบนางจริงก็เหลือเชื่อแล้ว
ท่าทางเช่นนี้สิ จึงจะสมเหตุสมผลกว่า
นางกับเวินซวี่ คงต้องเสแสร้งแกล้งทำเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
หลังอาหารเย็น ฮูหยินรองคำนวณดูแล้ว พวกเขาน่าจะไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารมาเกือบปีเห็นจะได้ ถ้าหากเรื่องนี้รู้
ไปถึงหูของผู้อาวุโสสูงสุดและนายท่าน พวกเขาต้องตื่นเต้นที่ความพยายามของพวกตนเห็นผลแล้วเป็นแน่
“นี่ก็มืดแล้ว นายท่านรองพักผ่อนเถิด ข้าขอตัวกลับเรือนก่อน”
“หา? ข้านอนคนเดียวหรอกหรือ?” ต๋าหว่าประหลาดใจ ที่แท้ทั้งสองคนก็ไม่ได้นอนร่วมห้องกัน คืนนี้เขาก็ไม่ต้องแสดงแล้วละสิ!
ฮูหยินรองนึกสงสัย ต่อให้ตัดคำว่า ‘หรอก’ ในประโยคออกไป นางก็เข้าใจว่าเวินซวี่กำลังถามนางอยู่…หา? ข้านอนคนเดียวหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน
กินข้าวด้วยกันยังไม่พอหรือ? ต้องนอนด้วยกันไหม?!
จะไม่มากไปหน่อยหรือ?!
“เวินซวี่เจ้า…”
เหตุใดอยู่ๆ ก็โมโหขึ้นมาเล่า? เขาหลุดปากพูดอะไรไป? เขาพูดอะไรผิดไปหรือ?
“เจ้า…จะอยู่ที่นี่ไหม?” ต๋าหว่าถามด้วยความหวาดกลัว
อย่าอยู่เลย อย่าอยู่เลยนะ อย่าอยู่เลย…
เขาคนนี้ กำลังขอร้องให้นางอยู่ที่นี่หรือ?! ท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้หมายความว่าเขากังวลว่านางจะปฏิเสธหรือ?
เวินซวี่กำลังมีแผนในใจ ส่วนฮูหยินรองก็มีเหตุผลของตน ต่อให้นางไล่เหล่าอนุภรรยาของเวินซวี่ไปหมด เขาก็ไม่มีทางแตะต้องนาง นอกเสียจากว่า…
นอกเสียจากว่าเป็นคำสั่งของท่านปู่หรือพ่อสามี
สามีไม่ชอบใจนาง แต่ท่านปู่กับพ่อสามีไม่มีทางยอมให้นางชอกช้ำใจ ถ้าหากเป็นความประสงค์ของผู้ใหญ่ทั้งสอง เช่นนั้น…
ฮูหยินรองกำมือแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะอยู่!”
ต๋าหว่าอยากจะร้องไห้!
……………………………………………..
[1] พิธีสรงสาม เป็นพิธีตามความเชื่อโบราณของจีนพิธีหนึ่ง เป็นพิธีอาบน้ำให้เด็ก โดยทั่วไปจะทำขึ้นหลังจากที่ทารกคลอดมาได้สามวัน เชื่อว่าเป็นการชำระมลทินและโชคร้าย รวมทั้งอวยพรให้ทารกอีกด้วย