หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 513 ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง!
“องค์ราชินีแม่มด! ท่านฟื้นแล้ว!” หลีชั่วดีใจกับข่าวดีที่ไม่คาดฝัน เผยรอยยิ้มโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก
หงหลวนก็มองราชินีแม่มดด้วยความยินดีเช่นกัน เมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้ว จึงหันกลับมากล่าวกับพ่อมดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างว่า “ใต้เท้า ขอท่านโปรดดูอาการราชินีแม่มดอีกครั้งเถิด”
พ่อมดใหญ่หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว เขาไม่เพียงแต่ใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาราชินี แต่ยังใช้พลังเวทในการรักษาอีกไม่น้อย ยามนี้อย่าว่าแต่ไปดูสักหน่อยเลย กระทั่งหายใจก็ยังยากลำบาก
เขาเดินมาถึงข้างเตียงด้วยการช่วยเหลือจากหญิงรับใช้สองคน เมื่อตรวจอาการของราชินีแม่มดอย่างละเอียดก็กล่าวอย่างอ่อนแรง “ยามนี้…ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล”
แต่หากจะกล่าวว่าดีเช่นเดิมคงเป็นไปไม่ได้
คำพูดนี้เขาไม่ได้กล่าว
หลีชั่วกล่าวว่า “พวกเจ้าพาใต้เท้าพ่อมดใหญ่ไปพักผ่อน”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้พยุงพ่อมดใหญ่ไปที่ห้องโถงด้านข้าง ราชินีแม่มดยังนอนซมอยู่บนเตียง เขาต้องรอรับคำสั่งเรียกตัวเข้าเฝ้าจากราชินีแม่มดทุกเมื่อ และไม่สามารถออกจากวังหลวงได้
หงหลวนนำชาร้อนมาถวายราชินีแม่มด นางโบกมือเบาๆ และกล่าวอย่างอ่อนแอ “พยุงข้าขึ้น”
หงหลวนวางถ้วยชา ช่วยหลีชั่วพยุงราชินีแม่มดลุกขึ้นนั่ง และหยิบหมอนมาวางด้านหลังราชินีแม่มดอย่างระมัดระวัง
ราชินีแม่มดไม่เหลือความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์เช่นในอดีต ไม่เหลือความเย่อหยิ่งและก้าวร้าว ใบหน้าซีดขาวซูบผอมไร้สีเลือด ริ้วรอยที่หางตาดูคล้ายกับเพิ่มขึ้นอีกสองสามเส้น
หงหลวนและหลีชั่วชำเลืองมองแวบหนึ่ง ก็รีบร้อนก้มหน้าลง
ราชินีแม่มดรู้ว่าตนในยามนี้ดูทรุดโทรมยิ่งนัก ทว่านางไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว นางหลับตาลงแล้วกล่าวว่า “ข้าสลบไปนานเพียงใด?”
“เกือบหนึ่งวันหนึ่งคืนได้แล้วเพคะ” หลีชั่วกล่าว
พวกเขาพบราชินีแม่มดในยามบ่าย จากนั้นราชินีแม่มดก็หมดสติไป กระทั่งยามนี้ ก็ใกล้เช้าแล้ว
ราชินีแม่มดไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกถึงฉากที่ตนถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต้องเสียหน้าใหญ่ต่อหน้ากลุ่มองครักษ์ ก็โกรธจัด!
“คนพวกนั้นละ?” นางกัดฟันกล่าว
“จัดการหมดแล้วเพคะ” หลีชั่วกล่าว
หงหลวนเหลือบมองหลีชั่ว จัดการผู้ใด? องครักษ์ที่ไม่รู้เรื่องเหล่านั้นน่ะหรือ? นางขมวดคิ้วอย่างไม่ระวัง
ฝ่ามือที่กำแน่นของราชินีแม่มดไม่นานก็คลายออก นางกล่าวอีกครั้งว่า “ตัวประกันละ?”
“ตัวประกัน…” หลีชั่วเหลือบมองหงหลวนที่อยู่ข้างๆ ราวกับกล่าวโทษหงหลวนที่ไม่ได้ร่วมมือกับตนในการตามล่าตัวประกัน ทำให้ตัวประกันหนีไปได้ “ไม่อยู่ในวังแล้วเพคะ”
“ไม่อยู่แล้ว?” ดวงตาของราชินีแม่มดเย็นชา
หลีชั่วก้มลงแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้วเพคะ ข้าค้นทั่ววังหลวงแล้วก็ไม่พบ จึงเดาว่าพวกเขาคงออกจากวังไปแล้ว กล่าวถึงเรื่องนี้ หงหลวน ยามนั้นมิใช่เจ้าสงสัยว่าพวกเขาไปที่จวนสกุลเวินหรอกหรือ? สืบได้ความเช่นไรเล่า?”
หงหลวนเพียงแค่เดินไปมารอบนอกจวนสกุลเวิน ไม่ได้เข้าไปด้านใน
หงหลวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับจวนสกุลเวิน ข้าบอกว่าใต้เท้าเวินซวี่ เขากับสตรีผู้นั้นติดต่อกันมานาน บางทีเขาอาจนึกเบาะแสบางอย่างออก”
“ฮึ” หลีชั่วเมินหน้า “เห็นได้ชัดว่ายามนั้นเจ้าไม่ได้กล่าวเช่นนี้”
หงหลวนกล่าวว่า “เหตุใดข้าจะไม่ได้กล่าวเช่นนี้? เป็นเจ้าที่ฟังผิดเอง”
“พอได้แล้ว!” ราชินีแม่มดปวดหัว กล่าวเสียงขรึมห้ามทั้งสอง
หลีชั่วลอบถมึงตาใส่หงหลวน หงหลวนไม่สนใจและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “มีอีกเรื่องที่ต้องรายงานต่อราชินีแม่มด”
“เรื่องอันใด?” ราชินีแม่มดกล่าว
“เหล่าหลัวช่าทหารได้รับบาดเจ็บ” หงหลวนกล่าว
ความรู้สึกเหลือเชื่อวาบผ่านดวงตาของราชินีแม่มด “หลัวช่าทหารบาดเจ็บรึ? ผู้ใดเป็นคนทำ?”
หลีชั่วก็มองหงหลวนอีกครั้ง ราวกับบอกว่านางสนใจแต่การจับคน จึงละเลยที่จะตรวจสอบเหตุการณ์
หงหลวนครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ตามที่หลัวช่าทหารเล่ามา เป็นตัวประกันหญิงเพคะ”
ราชินีแม่มดกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด “นางดูไม่เหมือนผู้มีวรยุทธ์…”
หงหลวนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน “ตามคำกล่าวของหลัวช่าทหาร สตรีผู้นั้นคือราชาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง กลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์เผยออกมาเป็นครั้งคราว ข้าเดาว่านางสวมสิ่งล้ำค่าที่ใช้ระงับกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้”
เห็นได้ชัดว่า หลัวช่าทหารตนที่สี่คิดว่าเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์คืออวี๋หวั่นที่พบกันบนถนน ส่วนเรื่องคนหนึ่งท้อง คนหนึ่งไม่ท้อง ยามนั้นเขาสนใจเพียงแต่จะจับคน จะไปพิจารณาท้องของสตรีนางหนึ่งได้อย่างไร?
ดังนั้น แม้แต่หงหลวนก็เชื่อว่า ตัวประกันหญิงปรากฏตัวครั้งแรกในเมือง แล้วเล็ดลอดออกไปนอกเมือง จากนั้นจึงถูกหัวหน้าหมู่บ้านชั้นนอกจับตัวมา
หากอีกฝ่ายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ในยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ก็ไม่แปลกที่จะมีพลังเช่นนี้
“ราชาศักดิ์สิทธิ์…” ประกายเย็นวาบผ่านดวงตาของราชินีแม่มด “คนพวกนั้นเป็นสายสืบของเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือ? เหตุใด? ต้องการล้างแค้นแทนราชาศักดิ์สิทธิ์ในยามนั้น? หรือต้องการนำกระดูกราชาศักดิ์สิทธิ์กลับไปกันละ?!”
หลีชั่วขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือที่…พวกเขาจับตัวองค์ชายเยี่ยยางมิใช่เพื่อแลกกับองค์ราชาพ่อมด แต่เพื่อแลกกับกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์?”
“โจวจิ่นจะร่วมมือกับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?” เผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมดไม่อาจอยู่ร่วมกัน โจวจิ่นอยู่ฝั่งใดล้วนเป็นข้อห้าม อย่าว่าแต่เผ่าพ่อมดไม่ยอมรับเขาเลย เผ่าศักดิ์สิทธิ์มีหรือจะยอมรับได้? หงหลวนกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่า เรื่องราวจะไม่ง่ายดายเช่นน้ัน”
“องค์ราชินีแม่มด! มีจดหมายส่งมาพ่ะย่ะค่ะ!”
นอกห้องโถง จู่ๆ ก็มีเสียงรายงานจากองครักษ์นายหนึ่ง
หงหลวนและหลีชั่วมองไปที่ราชินีแม่มด นางพยักหน้าเบาๆ หลีชั่วเดินออกจากตำหนักบรรทมไปรับจดหมายลับจากองครักษ์เข้ามา
เพื่อป้องกันคนคิดร้าย หลีชั่วจึงคลี่จดหมายลับต่อหน้าราชินีแม่มดก่อน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีกลไกหรือพิษใด จึงมอบจดหมายให้นางด้วยสองมือ
หลังจากอ่านจดหมาย ราชินีแม่มดก็มีสีหน้าเย็นชา
นางโยนจดหมายทิ้ง
หงหลวนคุกเข่า เก็บจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน—— คืนนี้ยามจื่อ ทางเดินเลียบผาสู่จ๊กก๊กทางตะวันตกของเมือง หากต้องการพบเยี่ยยาง ส่งตัวราชาพ่อมดมา
“เช่นนั้น พวกเขาก็ยังต้องการองค์ราชาพ่อมด” หงหลวนส่งจดหมายให้หลีชั่ว
หลังจากอ่านแล้ว สีหน้าของหลีชั่วก็เปลี่ยนไป “กำเริบเสิบสานนัก! อาจหาญใช้องค์ชายเยี่ยยางบีบบังคับให้เราส่งตัวราชาพ่อมดอย่างไม่ละอาย!”
กล้าข่มขู่ราชินีแม่มด ก็ไม่อาจทนได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ว่าหนึ่งในนั้นมีราชาศักดิ์สิทธิ์ หลายปีมานี้ราชินีแม่มดไม่เคยลืมความเกลียดชังที่มีต่อสตรีผู้นั้น บัดนี้มีคนที่เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอีก ราชินีแม่มดยอมทนได้ก็แปลกแล้ว
ทว่าราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเกินไป นอกจากราชาพ่อมด ผู้ใดเล่าจะจัดการกับนางได้?
แต่ราชาพ่อมดจะจัดการกับนางได้อย่างไรละ? ราชาพ่อมดอดทนกับพลังย้อนกลับมานานหลายปีเช่นนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้อยากจัดการ ก็เกรงว่าจะมีกำลังไม่เท่าใจ
หลีชั่วกล่าวด้วยความกังวลใจ “องค์ราชินีแม่มด จะส่งองค์ราชาพ่อมดไปจริงหรือเพคะ?”
หากไม่ส่ง องค์ชายเยี่ยยางก็จะเดือดร้อน
ราชินีแม่มดกล่าวสีหน้าเย็นชาว่า “ข้าถูกคนข่มขู่ง่ายดายเช่นนั้นเชียวหรือ? คิดว่ามีราชาศักดิ์สิทธิ์ก็จะปั่นหัวราชินีเช่นข้าได้แล้วหรือ?”
หงหลวนมองสีหน้าที่เกือบจะบ้าคลั่งของราชินีแม่มด ลางร้ายก็ผุดขึ้นในใจ
“ไปนำกุญแจมา” ราชินีแม่มดกล่าวเสียงขรึม
“กุญแจดอกใดเพคะ?” หลีชั่วถาม
ราชินีแม่มดใช้สายตาแสดงออก หลีชั่วเดินไปที่ชั้นวางของ เปิดกล่องที่สามจากทางขวามือ แล้วหยิบกุญแจสีทองแวววาวออกมา
นี่คือ……
หงหลวนตกตะลึงนิ่ง!
หากนางจำไม่ผิด นี่คือกุญแจสู่วิหารกวังหมิง ราชินีแม่มด…ราชินีแม่มดต้องการปลุกคนผู้นั้นขึ้นมาหรือ?
ไม่ได้นะ!
นั่นคือปีศาจที่แม้แต่ราชาพ่อมดในยามนั้นก็เกือบจะรับมือไม่ไหว ราชาพ่อมดและราชาศักดิ์สิทธิ์ต้องร่วมมือกัน ผนึกกำลังทั้งสองเผ่าจึงหยุดยั้งมันได้ในที่สุด!
พลังของราชาพ่อมดบัดนี้ไม่แข็งแกร่งเช่นก่อน ราชาศักดิ์สิทธิ์คนเดียว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจตนนั้นเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อปล่อยออกมา จะไม่มีทางกำราบมันได้อีกแล้ว!
“องค์ราชินีแม่มด! ได้โปรดทรงไตร่ตรองอีกครั้งเถอะเพคะ!” หงหลวนพยายามหยุดนาง
ทว่าราชินีแม่มดได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีผู้ใดในโลกนี้สามารถข่มขู่นางได้ คนที่ข่มขู่นาง…ล้วนตายไปหมดแล้ว!
…
“อาม่า ท่านตื่นแล้วหรือ? เอ๋? พวกเจ้าก็อยู่?” อวี๋หวั่นนอนเร็วตื่นเช้า เธอเพิ่งอาบน้ำล้างหน้าเสร็จ กำลังจะบอกให้ห้องครัวทำอาหารเช้าจานโปรดให้เด็กๆ ทว่ายามผ่านห้องของอาม่าก็เห็นประตูห้องเปิดกว้าง อิ่งสือซัน อิ่งลิ่ว มู่ชิงและโจวจิ่นทั้งหมดก็อยู่ด้านใน
“มีเรื่องอะไรหรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
“ฮูหยินน้อยมาแล้ว!” อิ่งลิ่วกล่าวทักทาย “คุณชายให้เราส่งจดหมายถึงราชินีแม่มด นัดนางให้มาทำข้อตกลงที่ทางเดินเลียบผาสู่จ๊กก๊กทางตะวันตกของเมือง คืนนี้ยามจื่อ”
“แลกตัวเยี่ยยางกับราชาพ่อมดหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
“ขอรับ” อิ่งลิ่วพยักหน้า
มู่ชิงลูบหัวน้องชาย “ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่มีอะไรหรอก”
โจวจิ่นกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตื่นเต้น ศิษย์พี่ก็ไม่ต้องตื่นเต้น”
มู่ชิงจับขาที่สั่นเทาระริก “โอ้”
อิ่งสือซันกล่าวว่า “พวกเขามีสี่หลัวช่าทหารอยู่ในมือ ข้าเดาว่าหลัวช่าทหารทั้งหมดจะออกมาในคืนนี้”
“หลัวช่าทหารแข็งแกร่งมากเลยหรือ?” อวี๋หวั่นมองหมัดเล็กๆ ของเธอ ครั้งสุดท้ายเธอทุบหลัวช่าทหารลงไปกับพื้น!
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “หลัวช่าทหารคงเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพ่อมดกระมัง? ขอเพียงมั่นใจว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะแลกราชาพ่อมดกลับมาไม่ได้”
อาม่าที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น “หากมีเพียงหลัวช่าทหาร ก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล”
เขากล่าวเน้นคำว่า ‘ทหาร’ อย่างหนักแน่น
อวี๋หวั่นกะพริบตาด้วยความแปลกใจ “อาม่าหมายความว่า อาจมีหลัวช่าที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้นอีกหรือ?”
อาม่าพินิจครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หลัวช่าที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้ามิใช่หลัวช่าโลหิตหรือหลัวช่าทหาร แต่เป็นหลัวช่าวิญญาณ”
“หลัวช่าวิญญาณ?” อวี๋หวั่นตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ใช่” อาม่าพยักหน้า เปิดหนังสือโบราณในมือ ดูตราสัญลักษณ์ปีศาจที่ชวนให้ขนลุกแล้วกล่าวว่า “หากหลัวช่าโลหิตเป็นสิ่งชั่วร้าย หลัวช่าวิญญาณก็คือปีศาจที่สมบูรณ์แบบ วรยุทธ์ของยอดฝีมือไม่มีผลกับมันแม้แต่น้อย เพราะว่า…”
…………………………………………