หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 525.1 ปู่หลานพบหน้า ราชาพ่อมดฟื้นคืนสติ! (1)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 525.1 ปู่หลานพบหน้า ราชาพ่อมดฟื้นคืนสติ! (1)
“ท่านปู่เป้า!”
อวี๋หวั่นไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับพ่อครัวเทพเป้าในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เธอคิดว่าจะไม่ได้พบเขาอีกในชีวิตนี้แล้ว
อวี๋หวั่นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยาและเสียงเรียกพ่อครัวเทพเป้าของเธอ ปฏิกิริยาของคนอื่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอมากนัก
พวกเขากำลังหนีเอาชีวิตรอด ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งที่เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของอวี๋หวั่นก็ปรากฏตัวออกมา?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” โจวอวี่เยี่ยนกระซิบถามอิ่งลิ่ว
อิ่งลิ่วส่ายหัว “ไม่รู้สิ ข้าแค่รู้สึกว่าชายชราผู้นี้ดูคุ้นๆ สือซัน?”
ดวงตาอิ่งสือซันจับจ้องใบหน้าของพ่อครัวเทพเป้า เขาเองก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร เขาคิดว่า พวกเขาคงไม่เคยติดต่อกับเขากันจริงๆ จังๆ แต่เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นตาเช่นนี้?
แม้แต่อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันยังไม่รู้ โจวอวี่เยี่ยนกับมู่ชิงก็ยิ่งไม่รู้ แม้อาม่ากับชุยเฒ่าจะเคยพักอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่ยามที่พ่อครัวเทพเป้าปรากฏตัวที่หมู่บ้านเหลียนฮวา ชุยเฒ่าก็ไปอยู่ที่หมู่บ้านใกล้เคียง อาม่าก็กำลังเดินทางไปต้าโจว จึงไม่เคยพบหน้ากัน
ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉา เขายิ่งไม่เคยพบพ่อครัวเทพเป้า ยามนั้นเขาเพิ่งอยู่กับเด็กจ้ำม่ำสามคนได้ไม่นาน ยังไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นเป็นมารดาของพวกเขา จึงไม่สนใจความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเหลียนฮวาเป็นพิเศษ
คนกลุ่มใหญ่จ้องมองพ่อครัวเทพเป้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง
คนอื่นๆ พ่อครัวเทพเป้าไม่สนใจมากนัก แต่เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งสองมือสอดประสานกับอวี๋หวั่น
เขาขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นก็พบว่าอวี๋หวั่นกำลังตั้งครรภ์
ยามเขาออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวา เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เหตุใดไม่ถึงปีก็แต่งงานเป็นภรรยา แล้วก็กำลังจะเป็นแม่คนเสียแล้ว?
ทันทีที่ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว ไข่ดำน้อยทั้งสามก็ลงจากแขนอิ่งสือซัน วิ่งเตาะแตะไปข้างอวี๋หวั่นและจับชายเสื้อของเธอ มองพ่อครัวเทพเป้าอย่างน่ารักน่าชัง
“ท่านแม่ ท่านปู่คนนี้เป็นใคร?” เอ้อร์เป่าถามด้วยความสงสัย
ทะ…ท่านแม่?
พ่อครัวเทพเป้าสูดหายใจเฮือก เช่นนั้นนางมิใช่กำลังจะเป็นแม่คน ทว่าเป็นแม่คนไปแล้ว?
พ่อครัวเทพเป้ามองไข่ดำทั้งสาม จากนั้นก็มองเยี่ยนจิ่วเฉาที่ราวกับเป็นแม่พิมพ์แกะสลักไข่น้อยทั้งสาม ความคิดน่ากลัวก็แล่นเข้ามาในหัว หนูหวั่นของเขา…เป็นแม่เลี้ยงให้คนอื่นไปแล้วหรือ?!
“องครักษ์ไล่ล่ามาแล้ว!” อิ่งสือซันเตือน
คิ้วหงอกของพ่อครัวเทพเป้าขมวดปม พาคนทั้งกลุ่มเข้าไปที่เรือนของตน
กลิ่นหอมของสุราพุ่งปะทะหน้า อวี๋หวั่นมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ “ท่านปู่เป้า ท่านกำลังทำสุราอยู่หรือ?”
“ข้าเปิดโรงเตี๊ยมเล็กๆ เวลาว่างก็มาทำสุราขายส่งให้ร้านอาหารสองสามร้าน ไม่ได้ส่งปลีก” พ่อครัวเทพเป้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนค้นบ้านเรือนจากองครักษ์ไล่เรียงมาทีละหลัง พ่อครัวเทพเป้าเปิดม่านห้องโถงและกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเข้าไปก่อน ที่สวนหลังบ้านมีห้องพักข้าง ไปเลือกดูว่าผู้ใดจะอยู่ห้องใด”
ขณะกล่าวก็เหลือบมองฮูหยินรองในอ้อมแขนของต๋าหว่า และราชาพ่อมดที่มู่ชิงอุ้มไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีสภาพย่ำแย่ บุรุษป่วยหนัก สตรี…ก็ดูคล้ายกับสิ้นลมไปแล้ว
พ่อครัวเทพเป้าไม่พูดพร่ำ บอกให้พวกเขารีบเข้าไป ส่วนตนปัดแขนเสื้อก้าวไปเปิดประตูลานบ้าน
องครักษ์กำลังจะเคาะประตู ก็เห็นว่าประตูเรือนเปิดออกเอง เขาลดมือลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถามหน่อย เมื่อครู่เจ้าเห็นชายหญิงสองสามคนเดินผ่านมาทางนี้หรือไม่? สตรีหนึ่งในนั้น!”
พ่อครัวเทพเป้าส่ายหัว “ข้าไม่เห็นผู้ใดถูกธนูยิง แต่เห็นคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ”
“สวมเสื้อผ้าอย่างไร?”
“สีดอกท้อ ท่าทางดูหรูหรา เพียงแต่มีเลือดออก” พ่อครัวเทพเป้าหวนนึกถึงใบหน้า “พวกเขามาหาข้าและซื้อสุราที่แรงที่สุดไปขวดหนึ่ง ข้าบอกว่าสุราของข้าไม่ขายปลีก พวกเขาก็วางดาบบนคอของข้า”
เมื่อองครักษ์ได้ยินเช่นนี้ ก็คิดได้ทันทีว่าสตรีผู้นั้นถูกลูกธนู ต้องการสุราที่แรงที่สุด เกรงว่าคงนำไปรักษาบาดแผลให้นาง
องครักษ์ถามว่า “พวกเขาไปที่ใด?”
“พวกเขาซื้อสุราไปขวดหนึ่ง ให้เงินข้าแล้ว…ก็จากไป” ขณะที่พ่อครัวเทพเป้าเล่า ก็หยิบเงินตำลึงที่มีตราประทับทางการของต้าโจวจากแขนเสื้อ
แม้แต่เงินก็ไม่ได้มาจากเผ่าพ่อมด องครักษ์แน่ใจว่าคนพวกนั้นเป็นสายสืบอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไปทางไหน?” องครักษ์ถาม
“ดูเหมือนจะเป็นทางนั้น” พ่อครัวเทพเป้าชี้ไปยังทิศที่กลุ่มของอวี๋หวั่นมา
องครักษ์องครักษ์ขมวดคิ้ว “ทางนั้นหรือ? พวกเราก็เพิ่งมาจากทางนั้นนี่…”
“พี่ใหญ่! พบรถม้าของพวกเขาแล้ว!”
เพื่อนคนหนึ่งตะโกน
จุดที่พบรถม้าไปทางทิศที่พ่อครัวเทพเป้าชี้ เพียงแต่อยู่เบี่ยงไปตรอกอื่นเล็กน้อย
ดูเหมือนพวกเขามาผิดทาง คลาดกับคนพวกนั้นไปแล้ว
องครักษ์ไม่เสียเวลากับชายชราผู้บ่มสุราอีกต่อไป เขาก้าวขามุ่งหน้าไปตรอกนั้นในทันที!
เมื่อแน่ใจว่าคนห่างไปไกลแล้ว พ่อครัวเทพเป้าก็ปิดประตูไปที่สวนหลังบ้าน
ธุรกิจขายส่งร้านอาหารที่เขาทำ ในอดีตมีลูกค้าเดินทางมาซื้อไม่มากนัก ที่นี่จึงนับว่ายังสะอาด
ราชาพ่อมดฟื้นแล้ว บัดนี้กำลังดูอาการฮูหยินรองอยู่ในห้องพักข้าง โจวจิ่นอยู่เคียงข้างเขา ต๋าหว่าเฝ้าประตูอย่างเงียบๆ
โจวอวี่เยี่ยนฟกช้ำเล็กน้อย ถูกมู่ชิงลากไปรักษาที่ห้องของชุยเฒ่า
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันเฝ้าเยี่ยนจิ่วเฉากับไข่ดำทั้งสาม
พวกเขาต้องการลงไปช่วยคนที่ก้นหลุมลึก ทว่าองครักษ์ไล่ล่ามีมากเกินไป ไม่เพียงแต่ช่วยคนไม่ได้ ยังอาจเปิดเผยตำแหน่งของอวี๋เซ่าชิงกับเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ด้วย ไม่ต้องสงสัยเลย หากราชินีแม่มดได้ล่วงรู้ นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการ
“ท่านปู่เป้า!” อวี๋หวั่นออกจากห้องก็พบพ่อครัวเทพเป้าที่สวนหลังบ้าน “เป็นอย่างไรบ้าง? องครักษ์พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรกับท่านใช่หรือไม่?”
พ่อครัวเทพเป้าฮึดฮัด “ก็แค่พวกเด็กอ่อนหัด จะทำอะไรข้าได้อย่างไร? ปู่เป้าของเจ้าไม่ได้รังแกง่ายเช่นนั้น”
ก็จริง ยามนั้นที่กลุ่มโจรบนหลังม้ามาที่หมู่บ้านเหลียนฮวา เป็นท่านปู่เป้าที่ใช้กำลังเพียงลำพังปราบปรามโจรบนหลังม้าเหล่านั้น ถึงบัดนี้ก็ยังมีกลุ่มโจรบนหลังม้าส่วนหนึ่งที่ใช้แรงงานอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา
ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือน
อวี๋หวั่นจับแขนพ่อครัวเทพเป้าอย่างสนิทสนม “ท่านปู่เป้า หลังจากท่านจากไปแล้วท่านไปอยู่ที่ใดหรือ? ข้าคิดถึงท่านนะ”
เจ้าเด็กคนนี้
พ่อครัวเทพเป้ายิ้ม
ไม่ได้เจอกันครึ่งปี ทั้งสองต่างก็เปลี่ยนไป พ่อครัวเทพเป้าชราลง ผมหงอกมากขึ้น ร่างกายง่อนแง่นกว่ายามอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวาเล็กน้อย ส่วนอวี๋หวั่นหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่อ้วนขึ้น กลายเป็นสาวน้อยอวบอ้วนไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะออกเรือนเป็นภรรยาและมารดาหรือไม่ นางดูอ่อนโยนกว่าแต่ก่อน และดูเป็นสตรีมากขึ้น
จากสตรีน้อยเป็นสตรีใหญ่ไม่มีทางเลี่ยง จากสตรีใหญ่เป็นสตรีน้อย…นับว่าแต่งถูกคนแล้ว
“มา ไปเดินเล่นกับปู่เป้าหน่อย” พ่อครัวเทพเป้าพูดพลางมองไปยังเรือนซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวน
“อื้ม!” อวี๋หวั่นพยุงเขาเดินไปรอบๆ สวนที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของสุราและดอกไม้
“นี่คือดอกไม้พืชพันธุ์ของต้าโจวใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นกล่าว
“ใช่ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ข้านำมาจากต้าโจว” พ่อครัวเทพเป้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ปู่เป้าเกรงว่าตนหาไปหามา วันหนึ่งอาจไม่มีโอกาสได้กลับไป จึงนำเมล็ดพืชจากบ้านเกิดติดตัวไปทุกที่ แม้กระดูกจะถูกฝังในต่างแดน ทว่าก็อยู่ในดินที่มีกลิ่นบ้านเกิด
อวี๋หวั่นแสบจมูกคล้ายจะร่ำไห้ “ท่านยังไม่บอกเลยว่าท่านไปที่ใดมา? เหตุใดมาอยู่ที่นี่? ท่านรู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
คำพูดของเด็กสาวเปลี่ยนไปมาก พ่อครัวเทพเป้าแอบรู้สึกว่าน่าสนใจ ดวงตาเผยความชื่นใจยากจะปิดบัง “หลังออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวา ข้าเดินทางไปใต้ อาศัยอยู่ที่เมืองเยี่ยนสองสามวัน”
“ท่านไปที่มืองเยี่ยนด้วยหรือ?” อวี๋หวั่นแปลกใจ
พ่อครัวเทพเป้ารู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ จึงมองเธอแล้วกล่าวว่า “มีอะไรหรือ? กล่าวถึงเมืองเยี่ยนแล้วเจ้าดูสนอกสนใจยิ่งนัก”
อวี๋หวั่นหลุบตาอมยิ้ม “จวนของเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในเมืองเยี่ยนเจ้าค่ะ”
พ่อครัวเทพเป้าเป็นผู้ที่ผ่านมาก่อน มองเธอปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังพูดถึงคนที่ตนรัก
พ่อครัวเทพเป้ามองประตูที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง “เด็กนั่นชื่อว่าเยี่ยนจิ่วเฉารึ ชื่อนี้…ฟังดูคุ้นหูแปลกๆ? ช้าก่อน คงไม่ใช่คุณชายบ้าอะไรนั่นกระมัง?”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านปู่เป้า เขาไม่ได้บ้า ไม่บ้าเลยสักนิด”