หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 530 การค้นพบใหม่ ความจริง
“เอ้อร์เป่าก็อั้นไม่ไหวแล้ว!”
เอ้อร์เป่ากุมเป้ากระโดดลงจากรถม้า
ต้าเป่ามองเสี่ยวเป่า จากนั้นก็มองเอ้อร์เป่า สองตาเงยหน้ามองฟ้าครู่หนึ่ง แล้วก็กุมเป้ากระโดดลงมา
ต้าเป่าอั้นไม่ไหวแล้ว——
โจวจิ่นปิดตาเบือนหน้า
เจ้าตัวเล็กพวกนี้ แม้แต่ฉี่ก็ต้องฉี่พร้อมกัน…
เสี่ยวเป่าทนไม่ไหวจริงๆ เอ้อร์เป่ากับต้าเป่ามาป่วน เพียงแต่ทั้งสองยังทนไหว
จู่ๆ เด็กอ้วนทั้งสามก็มา อวี๋หวั่นมือไม้เป็นพัลวัน!
“ท่านแม่ๆ! เสี่ยวเป่าปวดฉี่!”
“เอ้อร์เป่า! เอ้อร์เป่าปวดฉี่!”
ต้าเป่าก็ปวด!
ทั้งสามตะเกียกตะกายแย่งกันกระโดดไปข้างหน้าอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นหัวหมุน
เวลานี้ ประตูห้องน้ำเปิดออก แน่นอนต้าเป่าที่เห็นชัดๆ ว่าไม่ได้ฉี่วิ่งเร็วที่สุด เข้ายึดครองห้องน้ำในพริบตา!
“เจ้า…อย่าวิ่งลงไป!” อวี๋หวั่นไล่ตามเข้าไปในห้องน้ำ
เอ้อร์เป่าที่มองดูความตื่นเต้นช่วยทำให้เรื่องราววุ่นวายกว่าเดิม เขากุมเป้าแล้วร้องให้ดังกว่าเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าที่รังแกพี่ชายทั้งสองเสมอมา ในที่สุดก็มีวันที่เรือล่มในคลองระบายน้ำ[1] เขาอั้นจนแทบจะระเบิดแล้ว รอต้าเป่าออกมาไม่ไหว จึงไปหาที่ปลดทุกข์ด้วยตัวเอง!
เขาพบโถใบหนึ่ง ปัดเศษสักหน่อย มันก็คือกระโถนนั่นละ!
แต่ในโถนั้นบรรจุบางอย่างอยู่ โถหนึ่งใบรับไม่หมด เสี่ยวเป่าจึงฉี่ลงทั้งสามโถ…
บุรุษหนุ่มไปจ่ายเงิน เมื่อกลับมาถึงกำแพงก็อุ้มโถสุราเข้าไปในรถม้า ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ เขารู้สึกว่าเหล้าขาวคราวนี้ดูหนักกว่าคราวก่อน
หรือเพราะตนเป็นลูกค้าเก่า ซื้อมากเช่นนี้ในคราวเดียว เจ้าของร้านจึงใจดีให้สุราเพิ่มอีกสองตำลึง?
“อืม” บุรุษหนุ่มกลับวังไปพร้อมกับโถสุรา
วิหารกวังหมิงมีการป้องกันแน่นหนาจากกองกำลังทหารขนาดใหญ่ และมีหลัวช่าทหารอีกสี่ตนกับพ่อมดใหญ่สิบคนคอยคุ้มกัน เรื่องที่หลัวช่าวิญญาณตื่นขึ้นจะผิดพลาดไม่ได้ ดังนั้นแม้จะอยู่ลึกเข้าไปในวังหลวง ราชินีแม่มดก็ไม่กล้าชะล่าใจ
“คุณชาย ท่านหาที่พักผ่อนสักหน่อยเถอะ ข้ากับอิ่งลิ่วจะไปขโมยกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ รอฟ้ามืดค่อยไปลอบสังหารหลัวช่าวิญญาณ” อิ่งสือซันเสนอความคิด
“หลัวช่าวิญญาณมิได้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อฟ้ามืดหรอกรึ?” อิ่งลิ่วถาม
อิ่งสือซันกล่าวว่า “นั่นไม่ได้เกี่ยวกับฟ้ามืด เพียงแต่บังเอิญว่ามันตื่นขึ้นยามกลางคืน และหลับไปอีกครั้งในยามรุ่งสางเท่านั้น”
“เช่นนั้น…บัดนี้มันตื่นอยู่หรือ?” อิ่งลิ่วถามอีกครั้ง
“ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น” อิ่งสือซันกล่าว เขาไม่มีหลักฐาน เป็นเพียงสัญชาตญาณที่แตกต่างจากคนทั่วไป สัญชาตญาณของเขาช่วยชีวิตเขามาไม่รู้กี่หน ไม่บอกว่าในสิบถูกต้องทั้งสิบ แต่อย่างน้อยก็มีถึงเจ็ดหรือแปดครั้ง
“คุณชายเล่าคิดว่าอย่างไร?” อิ่งสือซันเลือกฟังความคิดเห็นของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ก็ดี”
เมื่อคืนถูกไข่ดำทั้งสามใช้เท้าน้อยๆ ลอบเตะตลอดทั้งคืน ทำให้เขานอนหลับไม่สนิท
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเต๊ะท่าเข้าไปในตำหนักราชาพ่อมดและนอนลงบนแท่นบรรทมหน่วนเก๋อ[2]
หน่วนเก๋อของเผ่าพ่อมด อบอุ่นในเหมันต์ เย็นในคิมหันต์ เมื่อนอนจะรู้สึกสบายอย่างยิ่ง ไม่นานคุณชายก็ผล็อยหลับไปอย่างสุขสม
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันหลบองครักษ์ลาดตระเวน แทรกซึมเข้าไปในลานที่ฝังกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์
“อิ่งสือซัน เจ้าดูสิ! ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์!” อิ่งลิ่วชี้ไปที่แปลงดอกไม้เล็กๆ ในลานที่เต็มไปด้วยดอกตูมสีม่วง “สวยจริงๆ!”
“สวยยิ่งนัก” อิ่งสือซันพยักหน้าเบาๆ
“หือ?” อิ่งลิ่วมองอิ่งสือซันด้วยความแปลกใจ
“ไยมองข้าเช่นนี้?” อิ่งสือซันถาม
อิ่งลิ่วยิ้มจางๆ “ข้าเคยถามเจ้าว่าดอกไม้เหล่านั้นดูดีหรือไม่ เจ้ามักพูดว่า ก็แค่ดอกไม้ไม่ใช่หรือ? แตกต่างกันอย่างไร?”
ใบหน้าสดใสหล่อเหลาของเขา ยามคลี่ยิ้มเต็มไปด้วยกลิ่นอายสะอาดบริสุทธิ์
ราวกับหนุ่มน้อยรูปงาม ชวนให้คนอยากปกป้องเขาโดยไม่รู้ตัว
สีหน้าของอิ่งสือซันผงะไปครู่หนึ่ง เขาเบนสายตาออกจากใบหน้าของอิ่งลิ่ว ตกกระทบบนดอกสีม่วง อิ่งลิ่วพูดถูก เขาเป็นมือสังหาร ดอกไม้ต้นไม้เหล่านั้นไม่เคยมีความแตกต่างใดๆ ในสายตาเขา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ดอกนี้ราวกับเปิดถึงห้วงลึกในจิตใจของเขา
“ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ได้บนกระดูกและเลือดของราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ข้างล่างนั่นคงเป็นที่ฝังกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์กระมัง?” อิ่งลิ่วทิ้งความแปลกประหลาดของอิ่งสือซันไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว เขาดึงกริชออกจากเอว “ใช้โอกาสที่องครักษ์ยังไม่มารีบลงมือ!”
อิ่งสือซันมองดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์เนือยนิ่ง
อิ่งลิ่วเอ่ยทัก “อิ่งสือซัน! เลิกมองได้แล้ว ประเดี๋ยวมีคนมา!”
อิ่งสือซันได้สติ ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าช้าก่อน”
“ทำไมละ?” อิ่งลิ่วนั่งยองๆ เตรียมขุด
“ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ดอกนี้ดูแปลกๆ” อิ่งสือซันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“แปลก? แปลกอย่างไร?” อิ่งลิ่วถามด้วยความสงสัย
อิ่งสือซันคิ้วมุ่นขมวดติดกัน “ข้าก็บอกไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าเห็นมัน แต่…มันไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ นัก”
“ไม่เหมือนอย่างไร?” อิ่งลิ่วเคยมาที่ตำหนักราชาพ่อมด แน่นอนเขาได้เห็นดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ดอกนี้แล้ว เขาไม่คิดว่าครั้งนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไป จู่ๆ เขานึกขึ้นได้และยิ้มอย่างรู้ทัน “พวกมันบานอย่างมีสีสันสวยกว่า!”
ดูเหมือนจะใช่ แต่…มีเท่านั้นจริงๆ หรือ?
อิ่งลิ่วดึงแขนเสื้อของเขา “เอาละ เลิกมองดอกไม้ได้แล้ว เจ้าชอบดอกไม้สีม่วงเล็กๆ กลับไปข้าจะปลูกให้เจ้าทั้งสวนเลย! ให้เจ้าเปิดหน้าต่างออกก็มองเห็นดอกไม้สีม่วงมากมายกว่าที่นี่อีก!”
อิ่งสือซันกระแอมในลำคอ
อิ่งลิ่วหันตัวกลับไปขุดกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์
“เจ้า…ปลูกดอกไม้เป็นหรือ?”
อิ่งสือซันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
อิ่งลิ่วพูดโดยไม่ลังเล “ก็เรียนรู้ได้นี่! ลุงวั่นมิใช่ปลูกดอกไม้ได้หรอกหรือ? รอคุณชายถอนพิษไป๋หลี่เซียงแล้ว เรากลับเมืองเยี่ยนด้วยกัน ถึงตอนนั้นข้าก็จะเรียนรู้วิธีปลูกดอกไม้กับลุงวั่น”
“ไย…เจ้าถึงอยากเรียนปลูกดอกไม้?” อิ่งสือซันนั่งลงข้างอิ่งลิ่ว หยิบกริชออกมาขุดอย่างแรง
“สือซันชอบดอกไม้ไง!” อิ่งลิ่วกล่าว
อิ่งสือซันสำลัก ดวงตาเป็นประกายเลือนราง “ข้าไม่ชอบดอกไม้”
“เช่นนั้นเจ้าชอบสิ่งใด?” อิ่งลิ่วมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าชอบ…” อิ่งสือซันกล่าวได้ครึ่งหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“เป็นอะไรรึ?” อิ่งลิ่วถาม
อิ่งสือซันกดลงไปในหลุมที่ขุดไปครึ่งหนึ่ง แล้วส่งกริชให้อิ่งลิ่ว “ถือ”
“โอ้” อิ่งลิ่วรับกริชของอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันขุดดินเหนียวที่อยู่ใต้มือออกอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นชิ้นส่วนของกระดูกสีขาวเย็นยะเยือก
ดวงตาของอิ่งลิ่วจ้องเขม็ง “เจอแล้ว! กระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์!”
อิ่งสือซันขุดดินเหนียวที่อยู่รอบๆ และพบซี่โครงชิ้นหนึ่งโดยบังเอิญ ใต้แปลงดอกไม้นอกจากกระดูกซี่โครงชิ้นนี้ก็ไม่พบชิ้นใดอีก
อิ่งลิ่วถือซี่โครงพลิกดูไปมา “นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดถึงมีกระดูกเพียงชิ้นเดียว? นี่เป็นกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“ใช่”
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ
ทั้งสองลุกขึ้นยืน “คุณชาย”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “ที่ที่ฝังกระดูกราชาศักดิ์สิทธิ์ ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์จะผลิบาน นี่ก็ควรจะเป็นซี่โครงของราชาศักดิ์สิทธิ์”
อิ่งลิ่วพยักหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง แล้วกล่าวว่า “ทว่าคุณชาย ช่างแปลกนัก กระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์หายไป เหลือเพียงซี่โครงชิ้นเดียวเท่านั้น”
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองซี่โครงในมือของอิ่งลิ่วและกล่าวว่า “มิใช่เหลือซี่โครงเพียงชิ้นเดียว ทว่าฝังอยู่เพียงซี่เดียวเท่านั้น”
อิ่งลิ่วตกตะลึง
อิ่งสือซันก็ยังเผยสีหน้างุนงง
อิ่งสือซันถามว่า “คุณชาย เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่? ราชาพ่อมดรู้หรือไม่? เขาให้พวกเราขโมยกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงแค่ซี่โครงชิ้นนี้เท่านั้นหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างเฉยชา “หากเขารู้ว่าที่นี่ฝังไว้เพียงกระดูกซี่โครงชิ้นเดียว คงไม่เป็นสุขนานแล้ว แม้แต่ราชาพ่อมดก็ยังปิดบัง ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่างวางแผนรอบคอบนัก”
อิ่งสือซันขมวดคิ้ว “คุณชายหมายความว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของราชาศักดิ์สิทธิ์หรือ? เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “เหตุใดทำเช่นนี้ แน่นอนว่าเพื่อโจวจิ่น”
“โจวจิ่น?” อิ่งสือซันพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกถึงรัศมีที่แปรปรวนในบ่อโคลนและพูดอย่างเฉยเมย “ดูเหมือนว่า ราชาศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนชะตากรรมของโจวจิ่น นางจึงทำข้อตกลงกับใครบางคน”
“ข้าไม่เข้าใจ” อิ่งสือซันส่ายหัว
เยี่ยนจิ่วเฉามองดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกถอนออกมา “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์วันนี้แตกต่างจากวันอื่นๆ หรอกหรือ? อิ่งลิ่วกล่าวไม่ผิด มันมีสีสันที่บานสดใสกว่าเดิม ทว่าเหตุใดเช้าไม่เป็น สายไม่เป็น กลับมาเป็นวันนี้ พวกเจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม?”
“ทำไมหรือขอรับ?” อิ่งสือซันถาม
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างสบายๆ “ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้รับการหล่อเลี้ยงจากเจ้าของแล้ว”
อิ่งสือซันม่านตาหดแคบ “หรือว่า…”
“หรือว่าอะไร? ข้ายังไม่เข้าใจเลย” อิ่งลิ่วเกาหัว
เยี่ยนจิ่วเฉามองอิ่งสือซัน อิ่งสือซันยกมือคำนับ “ข้าเดาออกไม่มากนัก คุณชายกล่าวเถิดขอรับ”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “โจวจิ่นเป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์กับราชาพ่อมด สายเลือดเช่นนี้อย่างไรก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่บนโลก การเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขา ยากเย็นยิ่งกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีเปลี่ยนชะตาของอวิ๋นเฟยมากนัก แม้แต่พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวก็ยังไม่เพียงพอที่จะปลูกชีวิตให้โจวจิ่น ดังนั้นราชาศักดิ์สิทธิ์จึงทำข้อตกลง”
…………………………………………
[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ หมายถึง ล้มเหลวในเรื่องง่ายดาย
[2] หน่วนเก๋อ ท่อทำความร้อนที่ฝังไว้ใต้ดิน