หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 533 พี่จิ่วแอ๊บแบ๊ว ราชาพ่อมดออกโรง
ราชินีแม่มดให้ความสำคัญกับหลัวช่าวิญญาณอย่างยิ่ง ยาที่มอบให้กับนางย่อมต้องได้รับการตรวจสอบก่อน ถึงกล้าส่งถึงมือนาง
หากมีพิษก็ต้องทดสอบเจอตั้งแต่การทดสอบด้วยเข็มเงินแล้ว
หากเป็นปฏิกิริยาต่อต้านกันของฤทธิ์ยา นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ นี่คือใบสั่งยาของหลัวช่าวิญญาณ นางจะทำร้ายตัวเองได้อย่างไร?
ราชาศักดิ์สิทธิ์กระตุกราวกับกุ้งเต้นตัวเล็กๆ หลังจากกระตุกเสร็จ ก็ค่อยๆ เข้าไปหาเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างขึงขังอีกครั้ง
นางโยนเยี่ยนจิ่วเฉาลงกับพื้น
เยี่ยนจิ่วเฉาวางมือลงข้างตัว ขาเรียวข้างหนึ่งเหยียดตรง อีกข้างงอขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเกียจคร้าน ใบหน้าไร้เดียงสาไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
ราชาศักดิ์สิทธิ์เหยียดแขน
แล้วก็กระตุก
ราชาศักดิ์สิทธิ์ฟื้นขึ้น
เหยียดแขนออกไปอีกครั้ง…แล้วก็กระตุกอีก…
‘เหยียดแขน——กระตุก——ฟื้น——เหยียดแขนอีกครั้ง——กระตุกอีกครั้ง’ วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่คุณชายเยี่ยนก็ทำอะไรไม่ถูก ตกลงจะฆ่าเขาหรือไม่ฆ่า? เขารอก็ลำบากไม่น้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาตัดสินใจใช้กลยุทธ์สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน[1] ใช้กำลังภายในดึงดาบจากพื้น แทงหัวใจของราชาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อคมดาบใกล้ถึงตัว ราชาศักดิ์สิทธิ์กลับฟื้นขึ้นอีกครั้ง
เยี่ยนจิ่วเฉาซ่อนดาบไว้ข้างหลัง มองนางด้วยใบหน้าไร้พิษสง
แม้พูดเช่นนี้จะแปลกอยู่มาก ทว่าเหล่าองครักษ์ต่างรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของบุรุษผู้นี้ช่างน่ารักน่าชัง!
เอ่อ……
เขากำลังแกล้งทำตัวน่ารักอยู่หรือ?
ทำตัวน่ารักไร้ยางอายนัก!!!
อาจเพราะราชาศักดิ์สิทธิ์กระตุกมากไป พลังฟื้นคืนมาแล้ว ทว่ากลับเวียนหัวเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ถึงกับผงะไป
นางเอียงคอ ยื่นมือสัมผัสใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาเบาๆ ทว่าขณะที่กำลังจะสัมผัส ก็ถูกรอยนิ้วมือบนคอของเยี่ยนจิ่วเฉาดึงดูด
ร่องรอยเหล่านี้ฉุดให้นางคิดถึงบางสิ่ง แววตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นในทันที
เยี่ยนจิ่วเฉาทิ้งดาบแต่โดยดี
นางจ้องไปที่ดาบบนพื้น
เจ้าดูสิ! เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวพลางชี้ไปบนหัวของนาง
ราชาศักดิ์สิทธิ์เงยหน้า
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบท่อนไม้ที่ไม่รู้ว่าถือมาเมื่อใดทุบนางทีหนึ่งจนสลบ!
องครักษ์ …
มีใบหน้าหล่อเหลาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะละอายใจหรือ? แล้วยังขี้โกงอีก…
ราชาศักดิ์สิทธิ์สลบไป เรื่องต่อไปก็ง่ายดายแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉายกมือดึงดูดดาบยาวกลับมาที่มือ แขนเสื้อกว้างพลิ้วไหวรับลม เงาร่างสูงใหญ่กำยำยืนตระหง่านบนฟ้ากว้าง ทุกคนต่างสัมผัสถึงไอสังหารมืดฟ้ามัวดิน
แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดหลัวช่าวิญญาณถึงเป็นเช่นนี้ ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็ดูไม่ธรรมดา หากทำทุกอย่างได้สำเร็จ ก็อาจกำจัดมันให้สิ้นซากได้จริงๆ!
นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อข้อตกลงกับราชาพ่อมด แต่การดำรงอยู่ของหลัวช่าวิญญาณอันตรายต่อความปลอดภัยของคนที่เขาห่วงใยมากที่สุด เขาต้องกำจัดมันให้ได้!
ดาบในมือสับลง พลังปราณดาบแข็งแกร่งรุนแรงที่พุ่งออกไปแล้วไม่อาจหวนกลับ!
ไม่มีผู้ใดในตำหนักราชาพ่อมดสามารถหยุดเยี่ยนจิ่วเฉาได้ จึงทำได้เพียงมองดูพลังปราณดาบเฉียบคมเชือดเฉือนร่างของหลัวช่าวิญญาณต่อหน้าต่อตา แต่สิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดก็คือ พลังเวทอันทรงพลังสายหนึ่งคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ ดุจคลื่นน้ำ เปลี่ยนรูปเป็นสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น ขวางอยู่ด้านหน้าราชาศักดิ์สิทธิ์แน่นิ่ง
พลังปราณดาบของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกสกัด
ทุกคนหันกลับไปมอง ห่างไปไม่ไกลนัก มีบุรุษในเสื้อคลุมสีดำผู้หนึ่งขี่ม้าฝีเท้าดีอย่างมีชีวิตชีวา
เหล่าองครักษ์มองแวบแรกก็ไม่รู้จักชายผู้นั้น แต่สามารถจดจำม้าที่คนผู้นั้นขี่ได้
นั่นมิใช่สัตว์พาหนะของราชาพ่อมดหรอกหรือ?
ไม่ผิด เป็นเจียงจวิน!
ราชาพ่อมดมีสัตว์พาหนะ นามว่าเจียงจวิน เคยเป็นยอดม้าในใต้หล้าตัวหนึ่ง ว่ากันว่าม้าตัวนี้ไม่เพียงแต่เดินทางพันหลี่ได้อย่างสบายๆ ยังมีพลังของยอดฝีมือ แน่นอน นั่นเป็นเพียงข่าวลือ รวมกับประสิทธิภาพที่กล่าวเกินจริง ทว่าม้าตัวนี้อยู่ร่วมเป็นร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่ราชาพ่อมด มันช่วยชีวิตราชาพ่อมดไว้หลายต่อหลายครั้งเป็นความจริง
ยามที่ราชาพ่อมดล้มป่วย ม้าตัวนั้นยังไม่โตนัก บัดนี้กลายเป็นม้าตัวผู้ที่แข็งแกร่งโตเต็มวัย กล้ามเนื้อทุกส่วนอวบแน่นเต็มไปด้วยพลัง คล้ายจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ส่วนเว้าโค้งของมันก็งามสง่า ต่อให้เป็นม้าตัวเมียก็งดงามกว่ามันเพียงเล็กน้อย
หลังจากราชาพ่อมดล้มป่วย เจียงจวินก็ไม่ออกมาจากเขา ข้าได้ยินมาว่าราชินีแม่มดคิดวิธีควบคุมมันมากมาย แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย หลายปีมานี้มันไม่ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกเลย ข้าก็คิดว่ามันตายไปแล้วเสียอีก…
องครักษ์คนหนึ่งบ่น
ข้าได้ยินมาว่าราชินีแม่มดกำจัดมันไปแล้ว องครักษ์อีกคนพูด
แต่เหตุใดข้าได้ยินมาว่าราชินีแม่มดนำมันกลับเข้าไปในป่าเล่า?
ที่พวกเจ้าพูดมาล้วนไม่ใช่ มันหนีไปเองต่างหาก
ทุกคนโต้เถียงกัน
ไม่ว่าความคิดของผู้ใดเป็นจริง มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ม้าตัวนี้ที่เรียกกันว่าเจียงจวิน เป็นสัตว์พาหนะของราชาพ่อมด มันไม่เคยยอมให้ผู้ใดขึ้นนั่งบนหลังมันเป็นคนที่สอง
เช่นนั้นคนที่มันยินยอมให้นั่ง…ก็คือราชาพ่อมดหรือ?
ราชาพ่อมดควบม้าไปข้างกายของราชาศักดิ์สิทธิ์ อุ้มราชาศักดิ์สิทธิ์ที่หมดสติขึ้นบนหลังม้า
เจียงจวินบิดร่างกายอย่างไม่สบายตัว ราวกับกำลังต่อต้าน
ราชาพ่อมดลูบคอปลอบโยนมัน
เพราะความคิดถึงที่ไม่พบหน้ามาหลายปี เจียงจวินทำเสียงฮึดฮัด ไม่เตะราชาศักดิ์สิทธิ์ลงไป
ราชาพ่อมดพลิกตัวขึ้นหลังม้า
เยี่ยนจิ่วเฉามองเขาแน่นิ่ง
ร่องรอยของความละอายวาบผ่านดวงตาของราชาพ่อมด เขาบีบนิ้วกล่าว ขอโทษที ข้าไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ข้าปล่อยให้เจ้าฆ่านางไม่ได้
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างเฉยเมย ราชาศักดิ์สิทธิ์ตายไปแล้ว นางคือหลัวช่าวิญญาณ
ราชาพ่อมดกล่าวว่า แม้นางจะยังมีสติหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ข้าก็จะปลุกนางให้ตื่น
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ท่านรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ราชาพ่อมดกำสายบังเหียนแน่น
ราชาพ่อมดไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ และจากไปพร้อมกับราชาศักดิ์สิทธิ์
ไม่ใช่ว่าไม่มียอดฝีมือที่จะหยุดเขา แต่ไหนเลยพวกเขาจะเป็นศัตรูของราชาพ่อมด?
เป็นม้าที่เร็วยิ่งนัก! เยี่ยนจิ่วเฉาหรี่ตา แต่ก็ไม่ได้หยุดเขาไว้
เยี่ยนจิ่วเฉาออกจากวัง
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ใหญ่อย่างเหม่อลอย เยี่ยนจิ่วเฉาใช้กำลังภายในส่งพวกเขาออกจากวัง เพื่อไม่ให้พวกเขาวกกลับไปได้ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงสะกดจุดทั้งสองไว้ด้วย
คุณชาย! ดวงตาของอิ่งลิ่วเป็นประกาย
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ คลายสะกดจุดให้ทั้งสอง
ทั้งสองพุ่งกลับลงมาบนพื้น
อิ่งสือซันพยุงอิ่งลิ่ว เดินไปข้างหน้า คุณชาย! ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่! เมื่อครู่เราเห็นราชาพ่อมดเข้าวังไป…
เขา…คงไม่ได้ไปช่วยราชาศักดิ์สิทธิ์หรอกกระมัง? อิ่งลิ่วถามอย่างอ่อนแรง
พวกเขาเดาได้นานแล้ว ราชาศักดิ์สิทธิ์ออกจากโลงศพ พลังปราณแข็งแกร่งเช่นนี้ กระทั่งดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ในเรือนของราชาพ่อมดยังเบ่งบาน เป็นคนรักในอดีตของราชาศักดิ์สิทธิ์ ราชาพ่อมดจะไม่รับรู้ถึงพลังปราณของราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมอง ดูเหมือนหลัวช่าวิญญาณจะตั้งใจให้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น
ในเมื่อมันกลืนกินราชาศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้ว ย่อมสามารถปิดกั้นพลังปราณของราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ ขอเพียงมันต้องการก็สามารถป้องกันพลังปราณไม่ให้ลอดออกไป ทว่ามันกลับไม่ทำเช่นนั้น
คุณชายกำลังบอกว่า นางจงใจปลดปล่อยพลังปราณและพลังกดดันของราชาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อดึงดูดราชาพ่อมดเข้ามาหรือขอรับ? อิ่งลิ่วถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า เก้าในสิบส่วนเป็นเช่นนี้
ยามที่หลัวช่าวิญญาณใช้พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์กดควบคุมเขา เขาไม่ได้คิดมาก เพียงคิดว่าเป็นพลังกดดันธรรมดา หากดูจากยามนี้ มันรู้สึกได้ว่าราชาพ่อมดไม่อยู่ในวังตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จึงดึงดูดราชาพ่อมดให้ปรากฏตัว
อิ่งลิ่วถาม นางเดาได้ว่า…ราชาพ่อมดจะมาช่วยนางหรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉาส่ายหัว อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันของราชาศักดิ์สิทธิ์นั้น แม้แต่นางเองก็ยังอธิบายไม่ได้ นางไม่น่าจะคาดคิดว่าตนจะถูกเยี่ยนจิ่วเฉาไล่บี้จนไร้ทางสู้กลับ ดังนั้นเหตุผลที่ปลดปล่อยพลังกดดันของราชาศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะราชาพ่อมดอยู่ไกลเกินไป ทั้งยังปิดกั้นพลังปราณไว้ นางสัมผัสไม่ได้ว่าราชาพ่อมดไปที่ใด จึงต้องเปิดเผยตัว ดึงดูดราชาพ่อมดให้มาตามหานาง ยืมมือราชาศักดิ์สิทธิ์เพื่อยุติเขา!
อิ่งลิ่วจ้องถมึง เช่นนั้น ราชาพ่อมดจะไม่เป็นอันตรายมากเลยหรือ?
ราชาพ่อมดในยามนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวช่าวิญญาณอย่างสิ้นเชิง เว้นแต่ราชาศักดิ์สิทธิ์จะสลบไป ไม่เช่นนั้น——
ม้าวิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วราวกับเหาะเหิน
ในเมืองเต็มไปด้วยสายของราชินีแม่มดและผู้อาวุโสใหญ่ ราชาพ่อมดย่อมไม่นำคนไว้ในเมือง เขาตัดสินใจพาคนออกจากเผ่าพ่อมด แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจไปที่ครัวของพ่อครัวเทพเป้า
เยี่ยนจิ่วเฉารู้เรื่องที่นางกลายเป็นหลัวช่าวิญญาณแล้ว เขาไม่มีทางยอมแพ้ที่จะไล่ฆ่านาง
หากเป็นคนอื่น เขาอาจประมือได้ แต่เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นสหายของโจวจิ่น เขาไม่อยากเผชิญหน้าสหายในสนามรบ
ราชาพ่อมดควบม้าออกจากเมืองด้วยความเร็วแสง
องครักษ์เฝ้าเมืองยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเพียงว่าพายุหมุนพัดผ่านไป เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา เจียงจวินก็วิ่งไปไกลจนเหลือเพียงจุดดำเล็กๆ
เมื่อครู่มีคนออกไปนอกเมืองหรือ?
ไม่รู้สิ เจ้าเห็นหรือ?
ข้าได้ยินเสียงกีบม้า
มีด้วยหรือ?
เอ่อ…ข้าอาจหูแว่วไป…
องครักษ์ตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าม้าจะวิ่งได้เร็วกว่าสายตาของพวกเขา
ราชาพ่อมดกอดราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้สติไว้ในอ้อมแขนแน่น
เขาคิดว่านางตายแล้ว ไม่นึกว่านางจะยังมีชีวิตอยู่
ไม่ว่านางจะกลายเป็นอย่างไร เขาจะไม่คลาดจากนางไปอีก!
…………………………………………
[1] สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน ใช้โอกาสที่ศัตรูเผยช่องโหว่ จึงรุกเข้าโจมตีจุดสำคัญ