หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 536 แม่ลูกพบหน้า
ราชาศักดิ์สิทธิ์สภาพอเนจอนาถน่าสังเวช ไม่ได้สติ อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันพานางกลับมาที่เรือน
ไข่น้อยทั้งสามถอดกระถางเล็กๆ บนหัว วางท่อนไม้ในมือ เดินคอตกเรียงแถวตามบิดาตัวเหม็นกลับบ้าน
อวี๋หวั่นผลักประตูเดินเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสามก็ถลึงตาโต เอ๊ะ? พวกเจ้าอยู่นี่เองหรือ! เมื่อครู่ไปอยู่ที่ใดมา? แม่ไปหาพวกเจ้า พวกเจ้าก็ไม่อยู่!
ทั้งสามไม่ตอบ
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงฮึดอัดอย่างเย็นชา ปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน เรื่องใดล้วนกล้าทำ เรียนวิชาพ่อมดหมอผี
บอกว่าขับไล่วิญญาณร้าย! เสี่ยวเป่าพูดอย่างคับแค้นใจ
ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าพยักหน้า!
พวกเขาเป็นเด็กดีที่ทันต่อยุคสมัยและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ยามอยู่ในหนานจ้าวและเผ่าปีศาจ พวกเขาเป็นปรมาจารย์พิษน้อย เมื่อมาเผ่าพ่อมด พวกเขาก็ย่อมต้องเป็นพ่อมดน้อย!
แน่นอน อวี๋หวั่นไม่อาจเดาได้ว่าพวกเขาทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ต้องประสบโชคร้ายเพียงใด คิดว่าพวกเขาแค่แอบออกจากเรือนตามปกติเช่นทุกครั้ง ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรือนปู่เป้าที่นี่ แม้แต่วิหารเจาหยางที่หมิงซาน หรือจวนแม่ทัพใหญ่ที่หนานจ้าว เจ้าตัวเล็กเหล่านี้ก็มักหนีไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง
ยิ่งโตยิ่งอาจหาญ อวี๋หวั่นรู้สึกว่าตนต้องคอยเก็บกวาดความเรียบร้อยของพวกเขาให้ดี
ไม่รู้เพราะสัมผัสได้ถึงไอสังหารมหึมาจากมารดาหรือไม่ ไข่ดำทั้งสามต่างพากันก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
อวี๋หวั่นม้วนแขนเสื้อ เอ่ยดุดัน ดูซิว่าวันนี้พวกเจ้าจะไปซ่อนที่ใด?
ทั้งสามส่งสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนจิ่วเฉา
อย่ามองข้า เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
ทั้งสามมองอวี๋หวั่นอย่างน่าสงสาร
ข้าไม่ใจอ่อน อวี๋หวั่นเอ่ยเสียงดุ
ประจวบเหมาะ เวลานี้พ่อครัวเทพเป้าออกจากห้องเก็บสุรา เด็กน้อยทั้งสามวิ่งไปหาเขาทันที ราวกับเห็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย!
ท่านปู่ทวด!
ท่านปู่ทวด!
ท่านปู่ทวด!
ไข่น้อยทั้งสามโผเข้าสู่อ้อมแขนของพ่อครัวเทพเป้า มองกลับไปหาอวี๋หวั่นด้วยความเสียใจและหวาดกลัวอย่างยิ่ง
พ่อครัวเทพเป้าเข้าใจได้ทันที ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กพวกนี้ไปก่อเรื่องใดมา และจะถูกอวี๋หวั่นลงโทษ ทว่าเจ้าตัวเล็กน่ารักเช่นนี้ เขาจะทนไม่ยื่นมือเข้าช่วยได้อย่างไร?
อ้า หิวกันแล้วใช่หรือไม่? ปู่เป้ากำลังจะไปกินอาหารพอดี ไปช่วยปู่เป้าปอกถั่วดีหรือไม่?
อื้ม! ทั้งสามพยักหน้าราวโขลกกระเทียม ช่างมีไมตรี น่าซาบซึ้งใจยิ่งนัก!
พ่อครัวเทพเป้าจูงเด็กน้อยไปที่ห้องครัว
อวี๋หวั่นกำหมัดแน่น โตแล้วซ่านัก ยังรู้จักหาคนหนุนหลัง!!!
ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด…
อวี๋หวั่นท่องในใจนับร้อยครั้งเพื่อระงับความโกรธ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยกับเธอว่า เจ้ากลับห้องไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ไว้จะเล่าให้เจ้าฟัง
อื้ม ได้ อวี๋หวั่นกลับไปที่ห้องพัก
เสี่ยวเป่าวางถ้วยกลับที่เดิม ทว่าเขากลับลืมล้างมัน
อวี๋หวั่นกระหายน้ำ หยิบถ้วยใกล้มือขึ้นมารินชาร้อน ทันทีที่จิบเข้าปากก่อนจะกลืนลงคอ ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เธอดมถ้วย จากนั้นก็อาเจียนออกมาแล้วคำรามลั่น เยี่ยนเสี่ยวเป่า!!!
…
ราชาศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งเข้ามาในห้องพักเดี่ยวที่แยกตัวออกมา โดยมีโซ่เหล็กนิลตรึงไว้กับเก้าอี้
อิ่งสือซันเฝ้านาง
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉามาถึง อิ่งลิ่วก็มาถึงพอดีเช่นกัน
อิ่งลิ่วเพิ่งส่งโจวอวี่เยี่ยน อาม่าและชุยเฒ่ากลับไปที่ห้อง
คุณชาย เขากล่าวทักทาย
สถานการณ์เป็นเช่นไร? เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อิ่งลิ่วตอบ เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่นขอรับ ข้าคิดว่าพวกเขาคงถูกดูดกลืนวิญญาณไปแล้ว
หลังจากถูกวิชากลืนวิญญาณของหลัวช่าวิญญาณ เบาหน่อยก็สูญเสียพลังและความทรงจำ หนักหน่อยก็อาจไม่ฟื้นและกลายเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต
อิ่งลิ่วนึกขึ้นได้จึงเอ่ยต่อ อีกอย่าง เมื่อครู่มีคนมาส่งของ เขากล่าวว่าที่ตลาดก็เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน เด็กสามขวบกับชายขี้เมาอายุราวๆ ยี่สิบต่างหมดสติอย่างกะทันหัน
อิ่งสือซันขมวดคิ้วและกล่าวว่า ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของหลัวช่าวิญญาณ
อิ่งลิ่วมองเยี่ยนจิ่วเฉาและกล่าวว่า คุณชาย ต้องทำอย่างไรพวกอาม่าถึงจะฟื้น?
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า ฆ่าไปก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงหลัวช่าวิญญาณเท่านั้นที่สามารถปลุกพวกเขาได้
อิ่งสือซันชะงัก มองราชาศักดิ์สิทธิ์ที่นอนแน่นิ่งไร้สติ แต่…เกิดอะไรขึ้นกับหลัวช่าวิญญาณกันแน่ เหตุใดถึงไม่ได้สติ? หรือพลังของหลัวช่าวิญญาณต่อต้านร่างกายของราชาศักดิ์สิทธิ์?
นี่ก็เป็นไปได้และเป็นไปได้มากที่สุด แต่ไม่รู้เหตุใด เยี่ยนจิ่วเฉาตอบเขาไปด้วยความรู้สึกตามสัญชาตญาณว่า…ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อิ่งลิ่วไม่เข้าใจ นางไม่ได้ถูกราชาพ่อมดพาตัวไปหรือ? เหตุใดจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวที่นี่เพียงลำพัง? ราชาพ่อมดไปที่ใด? คงมิได้ถูกนางฆ่าตายแล้วกระมัง?
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า โจวจิ่นยังมีชีวิตอยู่ ราชาพ่อมดก็ยังไม่ตาย
การมีชีวิตอยู่ของโจวจิ่นขึ้นอยู่กับราชาพ่อมดที่ใช้พลังเวทยืดชีวิตให้เขามาตลอด หากเกิดอะไรขึ้นกับราชาพ่อมด ชีวิตของโจวจิ่นก็จะดับสูญไปเช่นกัน
อิ่งสือซันพึมพำ เช่นนั้นเหตุใดหลัวช่าวิญญาณถึงไม่ฆ่าราชาพ่อมด?
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองราชาศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉยเมย มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือมันไม่อาจฆ่าราชาพ่อมดได้
อิ่งลิ่วไม่เข้าใจนัก ด้วยพลังของมัน ยังไม่อาจสังหารราชาพ่อมดอีกหรือ?
ต่อให้เป็นยุครุ่งเรืองของราชาพ่อมด พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวช่าวิญญาณ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงราชาพ่อมดที่สูญเสียพลังมากมายในการยืดชีวิตของโจวจิ่นเฉกเช่นยามนี้
อิ่งสือซันอาจหาญคาดเดา หรือ…ราชาศักดิ์สิทธิ์สร้างพลังยับยั้งในร่างกาย มิให้หลัวช่าวิญญาณทำร้ายราชาพ่อมด?
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า น่าจะเป็นเช่นนั้น
หลัวช่าวิญญาณไม่ได้กลืนกินราชาศักดิ์สิทธิ์ภายในวันเดียว ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ได้ตายในเงื้อมมือของหลัวช่าวิญญาณทันที ก่อนจะสูญเสียความเป็นตนเองไปอย่างสมบูรณ์ ราชาศักดิ์สิทธิ์คาดเดาว่าสักวันตนอาจถูกกลืนหายไปในที่สุด จึงสร้างพลังยับยั้งภายในร่างกาย
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พลังยับยั้งเป็นศาสตร์มนตร์สะกดแขนงหนึ่ง ซึ่งหายสาบสูญไปจากยุทธจักรนานแล้ว ราชาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งกว่าที่คิด จู่ๆ อิ่งลิ่วก็เริ่มสนใจในพลังที่สืบทอดกันมาของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยของพวกเขา เมื่อเกิดมาแล้วจะมีความสามารถเก่งกาจเช่นนี้หรือไม่?
เมื่อพูดถึงเจ้านายน้อย อิ่งลิ่วก็นึกถึงโจวจิ่น เช่นนั้นโจวจิ่นละขอรับ? หลัวช่าวิญญาณก็ฆ่าเขาไม่ได้ใช่หรือไม่?
สายตาเยี่ยนจิ่วเฉาตกกระทบใบหน้าราชาศักดิ์สิทธิ์ หากราชาศักดิ์สิทธิ์ยังมีความสามารถสร้างพลังยับยั้งทั้งสองอย่างได้ ก็ไม่น่าถูกหลัวช่าวิญญาณกลืนกินได้ง่ายๆ
ทว่าโจวจิ่นมิใช่ต้องการการปกป้องมากกว่าหรอกหรือ? นางควรสร้างพลังยับยั้งมิให้หลัวช่าวิญญาณทำอันตรายโจวจิ่นถึงจะถูก คุณชาย หากเป็นท่าน… อิ่งลิ่วเอ่ยได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลง
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า หากเป็นข้า ข้าก็คงทำเช่นเดียวกับราชาศักดิ์สิทธิ์
ชีวิตของโจวจิ่นเดิมทีเป็นราชาพ่อมดที่ต่อชีวิตให้เขา หากราชาพ่อมดตาย โจวจิ่นก็ไม่อาจมีชีวิตรอด ในทางกลับกัน ตราบใดที่ราชาพ่อมดยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมหาทุกวิถีทางเพื่อปกป้องโจวจิ่นจากหลัวช่าวิญญาณ
กล่าวอย่างเบาที่สุด หากโจวจิ่นโชคร้ายตายด้วยน้ำมือหลัวช่าวิญญาณ อย่างน้อยราชาพ่อมดก็ยังมีชีวิตอยู่
นี่คือกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด และเป็นทางเลือกที่เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ค่อยเอ่ยปากชมผู้ใด ทว่าบัดนี้เขาต้องยอมรับว่านางเป็นสตรีที่สงบเยือกเย็นและชาญฉลาดคนหนึ่ง
ทุกย่างก้าวที่นางเดิน เต็มไปด้วยปัญญาของผู้แข็งแกร่ง ไม่ว่าการทำข้อตกลงกับหลัวช่าวิญญาณเพื่อให้โจวจิ่นยังมีชีวิตรอด หรือกลอุบายต่อหลัวช่าวิญญาณ ใช้ร่างกายของราชาศักดิ์สิทธิ์ปิดผนึกมัน แม้ท้ายที่สุดจะพ่ายแพ้ ถูกหลัวช่าวิญญาณกลืนกินและหลอมรวม นางก็ยังคงเหลือทางถอยให้กับสามีและบุตรของตน
เพียงแต่เส้นทางนี้จะถูกตัดขาดไปในไม่ช้า
หลัวช่าวิญญาณหลอมรวมกำลังภายในและพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อาจใช้เวลาไม่นานก็สามารถทำลายพลังยับยั้ง ถึงยามนั้น นางก็จะสามารถลงมือกับราชาพ่อมดได้
และเมื่อนางทำสำเร็จ พวกเขาจะไม่ได้น้ำตาของราชาพ่อมด
อยากแทงนางให้ตายเสียจริง! แต่ฆ่าไม่ได้! หากฆ่านาง ชุยเฒ่ากับอาม่าก็จะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก อิ่งลิ่วกัดฟันด้วยความโกรธแค้น
สิ่งที่พวกเขาใช้ตรึงราชาศักดิ์สิทธิ์ไว้คือโซ่เหล็กนิลที่นำมาจากจวนสกุลซางแห่งหมิงตู ใช้เพื่อกำราบราชาหลัวช่าโดยเฉพาะ หากเป็นเมื่อก่อนอาจไม่พอที่จะใช้ควบคุมหลัวช่าวิญญาณ ทว่ายามนี้มิใช่เพราะนางยังไม่ปกติหรอกหรือ?
นางจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ ตราบใดที่โซ่เหล็กนิลไม่ถูกปลดออก
เที่ยงคืน
ทุกคนต่างเข้าสู่นิทราแล้ว
โจวจิ่น…
โจวจิ่น…
โจวจิ่น…
ขณะที่โจวจิ่นกำลังหลับ เขาได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อเขา เขาลืมตาขึ้น ยามแรกก็คิดว่าฝัน ทว่าเสียงนั้นกลับชัดเจนขึ้น
โจวจิ่น…
โจวจิ่นยกผ้าห่มขึ้น สวมรองเท้าเดินออกไป
โจวจิ่น…
เขาเดินตามเสียงไปถึงห้องชั้นในสุด
มานี่สิ ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่
เสียงนั้นราวกับจินตนาการที่แฝงความอบอุ่นอ่อนโยนของมารดา
โจวจิ่นลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกเบาๆ
แสงจันทร์ดุจธารน้ำสาดส่องเย็นยะเยือกไปตามทาง ตกกระทบเก้าอี้ไม้ทาสีตัวหนึ่ง
บนเก้าอี้มีสตรีชุดม่วงนั่งอยู่ ร่างกายของนางถูกมัดตรึงด้วยโซ่เหล็กเย็นเยียบ ผ้าบังหน้าของนางหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าสุดเย้ายวนชวนหลงใหล
ท่านเป็นใคร? โจวจิ่นถาม
สตรีผู้นั้นเผยยิ้มอย่างอ่อนโยน ข้าเป็นแม่ของเจ้าไง ลูกรัก มาหาแม่สิ
โจวจิ่นเดินเข้าไปในห้องอย่างล่องลอย มาหยุดอยู่ตรงหน้าสตรีผู้นั้น
สตรีผู้นั้นเอ่ยอย่างแผ่วเบา แม่ถูกโซ่เหล็กมัดตรึงไว้ ช่างหนาวเย็นเหลือเกิน ช่วยปลดโซ่ให้แม่ที
………………