หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 96.1 พี่จิ่วไล่ตามเมีย 1 (1)
บทที่ 96 พี่จิ่วไล่ตามเมีย 1 (1)
Ink Stone_Romance
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่สูงส่งเยี่ยงตน จะมีช่วงเวลาที่ได้ลิ้มลองรสชาติการถูกปิดประตูไม่รับ เขาเป็นถึงคุณชายแห่งเมืองเยี่ยน เป็นสมาชิกตระกูลของฮ่องเต้แห่งต้าโจว หญิงในหมู่บ้านตัวเล็กๆ คนนี้จะบังอาจเกินไปแล้ว!
“เจ้ากล้าสะบัดหน้าใส่คุณชายผู้นี้รึ ข้าตามใจจนนางนิสัยเสียไปแล้วใช่หรือไม่?!” เยี่ยนจิ่วเฉาเค้นเสียงลอดไรฟัน
อิ่งสือซันฝืนใจตอบว่าหาใช่เช่นนั้นไม่
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งสายตาให้อิ่งสือซัน
อิ่งสือซันเดินไปด้านหน้าแล้วยกมือขึ้นเคาะหน้าต่าง “แม่นางอวี๋”
อวี๋หวั่นไร้การเคลื่อนไหว
อิ่งสือซันเคาะหน้าต่างอีกครั้ง “แม่นางอวี๋”
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อิ่งสือซันสูดหายใจเข้าแล้วเคาะอีกครั้ง เขาเคาะอีกครั้ง และเขาก็เคาะ เคาะ เคาะ!
ปึ้ง!
ประตูห้องโถงเปิดออก
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้วขึ้น วางมาดราวกับเขารู้อยู่แล้ว และรอให้อวี๋หวั่นมาต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น ทว่าเมื่อเห็นอวี๋เซ่าชิงพุ่งออกมาพร้อมกับด้ามไม้กวาด
มุมปากของเยี่ยนจิ่วเฉาก็กระตุก “…”
อิ่งสือซันคว้าเก้าอี้ไม้โบราณและรีบวิ่งหนี!
“ดึกดื่นเช่นนี้ ผู้ใดใช้ให้เจ้าเคาะ!” อวี๋เซ่าชิงฟาดไม้กวาด วิ่งไล่ตามทั่วหมู่บ้านอยู่นาน อิ่งสือซันกลอกตาด้วยความเหนื่อยล้า จนในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากการตามล่าของอวี๋เซ่าชิง ขณะที่วางเก้าอี้ไม้โบราณลงกับพื้น ก็พบว่าคุณชายผู้งดงามหล่อเหลาของเขาถูกเหวี่ยงปลิวไปจนผมฟูยุ่งเหยิง
เยี่ยนจิ่วเฉาอ้าปากถุยใบไม้ ใบหน้ามอมแมมราวกับขี้เถ้า
อีกด้านหนึ่ง อวี๋เซ่าชิงวางไม้กวาดลงและเดินกลับเข้าบ้าน อวี๋หวั่นนอนกอดเด็กน้อยทั้งสามหลับไป
ไม่รู้เพราะได้เอาคืนหรือไม่ อวี๋หวั่นรู้สึกว่าได้เข้าสู่นิทราไปด้วยความสุขใจ เธอไม่ต้องเอาชนะผู้ชายที่สมควรโดนฟาดอีกหลายสิบรอบในความฝันอีก
อวี๋หวั่นหลับไปกระทั่งฟ้าสว่าง ขณะที่เธอกำลังงัวเงียก็รู้สึกได้ว่ามีหัวฟูๆ สามหัวถูไปมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ อวี๋หวั่นยิ้มก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น และยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆ ทั้งสามพลางถามอย่างขี้เกียจ “ตื่นแล้วหรือ?”
ทั้งสามพยักหน้า
อวี๋หวั่นลืมตามาพบกับใบหน้าที่งดงามสุดจะพรรณนาทั้งสาม ความสุขเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นก่อขึ้นในหัวใจของเธอ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอมัวดูแลแต่เยี่ยนจิ่วเฉาจนละเลยพวกเขาไป ทว่าพวกเขาก็ไม่ร้องไห้งอแง เพียงแต่ดูเหมือนจะติดเธอมากกว่าเมื่อก่อน
ทั้งสามมองอวี๋หวั่นด้วยดวงตากลมโตและใบหน้าแสนน่ารัก
อวี๋หวั่นรู้ความหมายดี หันไปส่งจุ๊บใหญ่ให้พวกเขาทีละคน ใบหน้าน้อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง กดหัวมุดอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋หวั่นอย่างขวยเขิน ก้นน้อยๆ โด่งขึ้น บิดไปมาอย่างพึงใจ
เด็กๆ พึงพอใจง่ายยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าตนปล่อยให้พวกเขาโดดเดี่ยวมาหลายวัน เพียงแค่จุ๊บครั้งเดียว ก็มีความสุขขนาดนี้ ไม่รู้ที่ผ่านมาพวกเขาได้รับการดูแลจากเหยียนหรูอวี้น้อยเกินไปรึเปล่า พอคิดว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งจนเป็นเรื่องปกติ อวี๋หวั่นก็ลูบหลังน้อยๆ ของพวกเขาอย่างเจ็บปวด และตัดสินใจจะชดเชยให้พวกเขาเป็นอย่างดีต่อจากนี้
อวี๋หวั่นเปลี่ยนชุดให้กับเด็กน้อยทั้งสาม จากนั้นจึงพาไปล้างหน้าล้างตาที่สวนหลังบ้าน และทั้งสามก็นั่งบนส้วมเล็กๆ อย่างเชื่อฟัง พลางเงยหน้ามองดูอวี๋หวั่นรีดนมแพะ
อวี๋หวั่นต้มนมแพะที่รีดมาไว้ใส่หม้อ หลังจากรอให้เย็นลงสักพัก ก็ลอกฟองนมบางๆ ชั้นบนออก จากนั้นจึงเทนมแพะใส่ลงในถุงหนังแพะสามถุง ฟองนมก็ไม่ได้ทิ้ง แต่เก็บไว้ใส่ตอนที่ทำขนมเล็กน้อย ขนมนั้นจะมีรสชาตินมเข้มข้น แม้เถี่ยตั้นกับเจินเจินจะไม่คุ้นเคยกับการดื่มนมแพะ แต่พวกเขาก็ชอบของหวานรสนม
เด็กน้อยทั้งสามคว้าถุงนมไปนั่งดื่มบนธรณีประตู
“อาหวั่น!”
ป้าจางเดินมา
อวี๋หวั่นที่กำลังจัดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารอยู่ในห้องโถงก็เดินไปหาหลังจากได้ยินเสียง เด็กน้อยทั้งสามนั่งขวางธรณีประตูไว้หมด เธอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาและเอ่ยกับป้าจาง “เชิญเข้ามานั่งก่อนเจ้าค่ะป้าจาง!”
“โอ้ หนูน้อยคนนี้” ป้าจางบีบแก้มเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่ายังคงไม่วายจะดื่มนมต่อแม้ถูกอุ้มขึ้นมา ท่าทางตัวเล็กๆ เช่นนี้ ช่างน่ารักเหลือเกิน แม้ถูกป้าจางบีบแก้ม ก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธแต่อย่างใด ยังคงดื่มนมต่อไปอย่างจริงจัง ป้าจางยิ้มไม่หุบ
“นี่คือท่านย่าจาง” อวี๋หวั่นเอ่ยกับเด็กทั้งสาม
ทั้งสามมองไปที่ป้าจางพร้อมกับดื่มนม
ป้าจางรู้ดีว่าเด็กๆ เหล่านี้ยังพูดไม่ได้ เมื่อพวกเขามองนางเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นการทักทายแล้ว นางลูบหัวพวกเขาทั้งสาม “เป็นเด็กดีเสียจริง”
“ท่านเข้าไปนั่งด้านในเถิด” อวี๋หวั่นกล่าว
ป้าจางเอ่ย “ข้าไม่เข้าหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อมาขอยืมชามเท่านั้น ชามใบใหญ่ที่บ้านของข้าแตกไปแล้ว ข้ารอเติมน้ำมันอยู่”
เมื่อชีวิตเริ่มดีขึ้น ก็พอจะหาซื้อเนื้อติดมันกลับมาที่บ้านได้บ้าง หลังจากนำไปเผาก็จะได้น้ำมันหมู
“ข้าจะไปหยิบมาให้” อวี๋หวั่นวางเสี่ยวเป่าลง เสี่ยวเป่าก็ก้าวขาสั้นๆ ไปนั่งบนธรณีประตูของห้องโถง ทว่าครั้งนี้ เขานั่งติดกับเอ้อร์เป่าและทิ้งช่องว่างไว้เล็กน้อยให้คนเดินผ่านได้
ป้าจางมองเด็กทั้งสาม ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนางโดยไม่ทันรู้ตัว เด็กดีเช่นนี้ คงไม่มีผู้ใดไม่อยากต้อนรับกระมัง อาหวั่น…
“ป้าจาง ท่านคิดว่านี่ใช้ได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นหยิบชามใบใหญ่ออกมา
ป้าจางเงยหน้าขึ้นและยิ้ม “นั่นละ!”
ป้าจางรับชามแล้วจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ป้าจางไม่ได้ถามอะไร หมู่บ้านกว้างใหญ่เพียงนี้ เรื่องที่ควรแพร่กระจายก็แพร่ไปนานแล้ว หากเป็นครึ่งปีก่อน แปดในสิบส่วน เธอคงถูกจับขังในกรงหมูแล้วโยนทิ้งแม่น้ำ ทว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึง ไม่รู้ว่าเพราะสกุลอวี๋สนับสนุนการทำมาหากินของคนทั้งหมู่บ้าน หรือเพราะคุณชายแห่งเมืองเยี่ยนเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเด็กเหล่านั้นกันแน่
หลังอาหารเช้า อวี๋เซ่าชิงไปช่วยงานบนภูเขา นางเจียงก็ไปที่บ้านเก่าของสกุลอวี๋ อวี๋หวั่นอยู่บ้านตรวจการบ้านของเถี่ยตั้นน้อย โดยมีเด็กทั้งสามนั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับส่ายหัวให้อาเถี่ยตั้น
อวี๋หวั่นตั้งใจจะพาลูกๆ ไปที่ภูเขาด้านหลัง หลังจากตรวจการบ้านเสร็จ ซันเยว่เพ่าที่ภูเขาด้านหลังเป็นสีแดงหมดแล้ว คงน่าเสียดายหากไม่ได้ไปเก็บมาใช้ เธอตั้งใจจะเก็บมาทั้งหมด และหากกินไม่หมดก็นำไปทำเป็นแยมได้
หลังจากคิดได้แล้ว ทันใดนั้นอวี๋เฟิงก็มาที่ประตู
“อาหวั่น” เสียงของอวี๋เฟิงนุ่มนวล ราวกับว่าเกรงว่าจะไปรบกวนเถี่ยตั้นน้อย
“พี่ใหญ่” อวี๋หวั่นเดินไปที่ห้องโถง
อวี๋เฟิงกล่าวว่า “บ้านจะสร้างเสร็จแล้ว พ่อของข้าบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้คนงาน พอดีเครื่องเทศที่บ้านหมดแล้ว ข้าจะเข้าไปซื้อในเมือง เจ้าต้องการสิ่งใดหรือไม่?”
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า “พี่ใหญ่จะไปเมื่อใด?”
“ช่วงบ่ายๆ งานเลี้ยงจัดวันมะรืน ข้าจะไปดูก่อนแล้วสั่งอะไรที่สั่งได้ไว้” เมื่อก่อนพวกเขาซื้อตอนที่จะใช้ แต่หลังจากมาทำธุรกิจด้วยตนเอง ก็เปลี่ยนไปมีการวางแผนมากขึ้น
“ตอนบ่ายข้าไม่มีธุระ จะพาเด็กๆ ไปเที่ยวเล่นในเมืองพอดี” จากนั้นเธอก็ชะงัก และหันไปกระซิบกับอวี๋เฟิง “กางเกงของเถี่ยตั้นใส่ไม่ได้ แล้วยังไม่ให้ใครบอกว่าเขาอ้วนด้วย”
อวี๋เฟิงหัวเราะและหันมองทางห้องที่เถี่ยตั้นน้อยอยู่ “เข้าใจแล้ว”
“ท่านพี่ ท่านกล่าวสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับข้าอีกแล้วรึ?” เสียงโกรธเกรี้ยวของเถี่ยตั้นน้อยดังมาจากด้านใน
อวี๋เฟิงกลั้นยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “หาได้เป็นเช่นนั้น พี่สาวของเจ้ากับพี่ใหญ่คุยกันว่า อีกครู่หนึ่ง จะเข้าเมืองไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า”
“จริงหรือ?” เถี่ยตั้นน้อยร้องออกมาอย่างมีความสุข
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ท่องบทอาขยานโบราณของเจ้าไป!”
เถี่ยตั้นน้อย “…อื้อ”
“ข้าจะไปที่เขตก่อสร้างก่อน” อวี๋เฟิงกล่าว
อวี๋หวั่นส่งอวี๋เฟิงออกจากบ้าน ขณะที่เธอกำลังจะหันกลับเข้าไป ป้าจางก็วิ่งมาด้วยความรีบร้อน “อาหวั่น มีคนต้องการมาทำการค้า!”
เท้าของอวี๋หวั่นหยุดชะงัก
ในตอนแรก ป้าจางกำลังซักผ้าอยู่ที่ริมบ่อน้ำเก่าหน้าทางเข้าหมู่บ้านกับผู้หญิงอีกสองสามคน ทันใดนั้นก็มีรถม้าคันหนึ่งมาหยุดที่ด้านหลังพวกนาง คนที่ก้าวลงจากรถม้าคือสาวน้อยหน้าจิ้มลิ้มคนหนึ่ง นางถามว่า ‘แม่นางอวี๋อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ใช่หรือไม่?’ ป้าจางถามว่านางเป็นใครและมาทำอะไร ดรุณีน้อยบอกว่านางมาซื้อวัตถุดิบกับแม่นางอวี๋ ป้าจางจึงพานางมาที่นี่
พวกนางมากันสองคน นอกจากสาวน้อยที่ถามทางแล้ว ก็ยังมีเด็กสาวในชุดคลุมสีขาวอีกคนหนึ่งด้วย
“ขอบคุณป้าจางมาก” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างสุภาพ
ป้าจางยิ้ม “ข้าไปก่อนนะ”
“ป้าจางเดินดีๆ นะเจ้าคะ” หลังจากส่งป้าจางกลับแล้ว อวี๋หวั่นก็มองไปที่เด็กสาวทั้งสองที่ป้าจางพามา พิจารณาจากอาภรณ์ที่พวกนางสวมใส่ พวกนางน่าจะเป็นคู่นายบ่าว บ่าวคือคนที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน คุณหนูคือคนที่อยู่ด้านหลังในชุดสีชมพูอ่อนที่ดูหรูหรา ผมของนางประดับด้วยปิ่นปักผมลูกปัด ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินผิวอย่างละเอียดอ่อน
สองคนนี้ช่างดูคุ้นตายิ่งนัก
อวี๋หวั่นมองทั้งสองขึ้นลง ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าของคุณหนูผู้นั้น ทันใดนั้นแววตาก็พลันสั่นไหว “ท่านเองหรือ?”
นี่ไม่ใช่หญิงสาวสกุลเซียวที่ผ่านกันตรงทางเดินในวันที่เธอไปจวนสกุลเซียวหรอกหรือ? และสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็คือสาวใช้ที่จุดโคมไฟให้นางในคืนนั้น
หญิงสาวสกุลเซียวก็จำอวี๋หวั่นได้เช่นกัน ความประหลาดใจฉายชัดในดวงตาเรียวงามของนาง “เป็น…เป็นเจ้าเองรึ”
“หือ?” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว “แปลกใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าลูกค้าของข้าจะเป็นบุตรีจากสกุลเซียว แล้วคุณหนูเซียวประหลาดใจอันใด? ท่านมาซื้อวัตถุดิบถึงบ้านข้า หรือท่านไม่รู้ว่าผู้ขายจะเป็นข้า?”
“ข้า…” หญิงสาวสกุลเซียวอึกอัก
“ช่างเถิด” อวี๋หวั่นไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นางอับอาย จึงเชื้อเชิญนางเข้าไปด้านใน “บ้านข้าไม่เพียบพร้อม ลำบากคุณหนูเซียวแล้ว”
หญิงสาวสกุลเซียวกับสาวใช้เดินเข้ามาด้านใน
ความรู้สึกขยะแขยงไม่อาจเก็บซ่อนจากใบหน้าของสาวใช้ ทว่าหญิงสาวสกุลเซียวกลับดูอยากรู้อยากเห็น นางมองเครื่องเรือนที่วางอยู่รอบๆ ห้องโถง
ที่จวนสกุลเซียว แม้แต่ห้องของบ่าวก็ยังวิจิตรบรรจงกว่าที่นี่หลายเท่า โต๊ะที่นี่ถูกทาสี เก้าอี้ผูกด้วยแถบผ้า บนโต๊ะบูชามีธูปเทียนที่ราคาถูกที่สุดวางอยู่ ตะปูบนกำแพงแขวนด้วยเนื้อแดดเดียวเป็นมันเงาอยู่จำนวนหนึ่ง
แต่ที่นี่ก็ดูสะอาดเรียบร้อยดี
“คุณหนูเซียว เชิญนั่ง” อวี๋หวั่นผายมือไปทางเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะ
หญิงสาวสกุลเซียวกำลังจะนั่งลง แต่สาวใช้ก็หยุดนาง “คุณหนูช้าก่อน!”
สาวใช้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเก้าอี้อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงยอมให้คุณหนูของนางนั่งลง
หญิงสาวสกุลเซียวเหลือบมองอวี๋หวั่นอย่างกระอักกระอ่วน
……………………………………………………..