หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 147-1 ปิดฉากอย่างงดงาม
ทุกสิ่งเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน ทุกสิ่งที่องค์ชายรองรับรู้มากลับตาลปัตร ถ้อยคำที่องค์ชายรองตวาดอย่างเดือดดาลแทบจะส่งออกมาจากในดวงวิญญาณ วิหคบนต้นไม้ยังตกใจกระพือปีกบินแยกย้ายอย่างพร้อมเพรียง ผู้คนในโรงงานต่างได้ยินเสียงคำรามประหนึ่งอสนีบาตนี้ เสี่ยวเว่ยที่กำลังขนไข่เป็ดเกือบจะสะดุดจนทำไข่เป็ดหลายร้อยฟองร่วง
เฉียวเวยกับจีหมิงซิวรีบเร่งตามมาถึงเรือนหลังเล็ก ฟางมัวมัวกับซุนมัวมัวก็ตามมาด้านหลังติดๆ
เฉียวอวี้ซีกับยิ่นอ๋องผละออกจากกันตั้งแต่พริบตาที่องค์ชายรองถีบประตูพังแล้ว แต่น่าเสียดายเฉียวอวี้ซีเรือนผมยุ่งเหยิง ริมฝีปากของยิ่นอ๋องก็เป็นสีแดงสด เห็นชัดว่าเปื้อนชาดมาจากบนริมฝีปากของนาง เมื่อรวมกับสีหน้าโกรธเกรี้ยวขององค์ชายรอง ทุกคนก็เดาไม่ยากเลยจริงๆ ว่าองค์ชายรองมาพบความลับอันใดเข้า
นี่บ้าบอเกินไปแล้ว!
องค์ชายที่มีสัญญาหมั้นแล้วคนหนึ่งกับพระชายาที่มีสัญญาหมั้นแล้วคนหนึ่ง ทั้งสองคนกลับมาทำเรื่องอัปรีย์เช่นนี้ใต้หนังตาขององค์ชายรอง ขายหน้าราชวงศ์ต้าเหลียงหมดสิ้นแล้วจริงๆ!
สติของยิ่นอ๋องกลับมาแจ่มชัดขึ้นหลายส่วน เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมององค์ชายรอง “องค์ชายรอง ท่านฟังข้าอธิบาย…”
“มีสิ่งใดให้อธิบายอีก” เฉียวเวยขัดคำพูดของเขา แล้วมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้ ปากบอกว่าจะรับข้ากับลูกกลับจวน แต่สุดท้ายกลับมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับน้องสาวข้า ท่านอ๋อง ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ!”
ยิ่นอ๋องคิดในใจ สตรีนางนี้กระโดดออกมาก่อความวุ่นวายอะไรด้วย!
เฉียวเวยเอ่ยกับองค์ชายรอง “องค์ชายรอง พวกเราไปกันเถิด! ปล่อยให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้อยู่ด้วยกัน!”
องค์ชายรองกำลังถูกความโกรธครอบงำ เขาไม่อยากเห็นหน้าทั้งสองคนนี้อีกแม้แต่เค่อเดียว หมุนตัวสะบัดแขนเสื้อออกไปจากที่ตรงนี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
ในที่นั้นเหลือเพียงจีหมิงซิว ยิ่นอ๋อง เฉียวอวี้ซีกับมัวมัวสองคน
มัวมัวทั้งสองคนทำหน้าผิดหวัง
จีหมิงซิวก็ถอนหายใจอย่าง ‘จนปัญญา’ ยิ่งนัก
ยิ่นอ๋องโกรธจนหน้าแดงก่ำ
ส่วนเฉียวอวี้ซี พริบตาที่เห็นใบหน้ารูปสามเหลี่ยมดวงนั้นขององค์ชายรองนางก็ตกตะลึงตาค้าง เมื่อได้ยินยิ่นอ๋องเรียกเขาว่าองค์ชายรอง สองตาก็เหลือกลอย หมดสติไปทันที!
ฟางมัวมัวกับซุนมัวมัวอยู่เก็บกวาดซากที่เหลือ ยิ่นอ๋องเดินออกจากห้อง คิดจะไปอธิบายกับองค์ชายรองให้ชัดเจน ทว่าตอนที่เดินเฉียดผ่านจีหมิงซิว เขาก็พลันหยุดฝีเท้า “ไม่ใช่ฝีมือเจ้าหรอกกระมัง”
จีหมิงซิวทำหน้าไม่รู้เรื่อง “ฝีมือข้าหมายถึงอะไร”
ยิ่นอ๋องเอ่ยเน้นทีละคำ “ทางที่ดีอย่าเป็นฝีมือเจ้าก็แล้วกัน”
จีหมิงซิวผายมือ
ยิ่นอ๋องเดินไปทางคฤหาสน์อย่างเย็นชา
ภายในห้องหนังสือ องค์ชายรองหน้าเขียว เฉียวเวยรินชาให้ เขาก็ไม่ดื่ม ใช้ภาษาฮั่นงูๆ ปลาๆ ก่นด่า “เกินไปแล้ว เกินไป! ของข้า ภรรยา นางเป็น ยิ่นอ๋อง อย่างไร ได้ แตกต้องนาง”
เฉียวเวยแก้ “แตะต้อง”
“แตะต้อง!” องค์ชายรองกำหมัดแน่น “สหาย ข้าคิดว่าเขาเป็นสหาย แต่เขา ไม่เห็นข้า เป็นสหาย! ข้า ยิ่งนัก โกรธ!”
“ข้าก็โกรธ” เฉียวเวยขยำผ้าเช็ดหน้า เช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “เสียทีข้าหลงรักเขา ตั้งตารอทั้งวัน ตั้งตารอทั้งคืน ทุกวันตั้งตารอให้เขามาหา เขาอุตส่าห์มาทั้งที ใจข้ามีความสุขจนอยากจะจุดประทัดฉลองสักสองพวง! ผู้ใดจะคิดว่าเขาไม่ได้มาหาข้า แต่มาหาพระชายาของท่าน! ฮือออ…ชีวิตข้าเหตุไฉนจึงอาภัพเช่นนี้…”
‘ร้องไห้’ พลางก็มองสำรวจสีหน้าองค์ชายรองไปด้วย ฉวยโอกาสที่เขาไม่เตรียมตัว จุ่มน้ำสะอาดในถ้วยชาเล็กน้อยมาแต้มที่ดวงตา
องค์ชายรองทุบกำปั้นกับโต๊ะ แล้วหันไปมองเฉียวเวย เฉียวเวยแต่เดิมก็เกิดมางดงาม เพียงแต่บรรยากาศรอบตัวข่มขวัญผู้คนมากเกินไปจนมักทำให้คนรู้สึกว่ายากจะเข้าใกล้ เวลานี้นางร่ำไห้ดั่งดอกสาลี่เปียกฝน ชั่วพริบตาก็มีความบอบบางของสตรีเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน “เจ้า อย่า เสียใจ ข้าจะแทนเจ้า สั่งสอนเขา!”
ท่านอยากสั่งสอนเขาเองล่ะสิ
เฉียวเวยสูดจมูก สะอื้นตอบว่า “ช่างเถิด องค์ชายรอง ท่านก็อย่าหุนหันไปเลย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นโอรสที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด ท่านเป็นอริกับเขาคงไม่มีจุดจบที่ดี ข้าจะถือว่าข้าตาบอด มองเขาผิดไป วันหน้าสะพานอยู่ส่วนสะพาน ถนนอยู่ส่วนถนน ไม่ต้องพบหน้ากันอีกก็พอแล้ว เรื่องหนนี้ข้าทำให้ท่านโชคร้ายไปด้วยแล้ว หากข้ารู้ก่อนว่าพวกเขามีอะไรกัน คงจะไม่นำภาพเหมือนของน้องสาวข้ามาให้ท่านดูแน่ ข้าทำร้ายท่านแล้ว…”
องค์ชายรองจึงตอบว่า “ความผิดของเจ้า ไม่ใช่ พวกเจ้า จงหยวน มีคำพูดหนึ่ง บอกว่า มนุษย์ รู้หน้า ไม่รู้ใจ เจ้าดู ข้าเองก็ถูก ยิ่นอ๋อง หลอก เป็นคนหลอกลวง แย่เหลือเกิน เจ้าอย่า โทษตัวเอง”
เฉียวเวยพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง แล้วถามขึ้นว่า “องค์ชายรองเตรียมจะกราบทูลฮ่องเต้ของพวกเราเช่นไร ตัวเลือกแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เกรงว่าคงต้องมีเหตุผลที่มีเหตุผลมากพอสักประการ”
“ผู้ใดว่า ข้าจะเปลี่ยน” องค์ชายรองเหยียดหลังตรง
เฉียวเวยเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่งออกมา “นางมายุ่งเกี่ยวกับยิ่นอ๋องแล้ว องค์ชายรองก็ยังจะแต่งงานกับนางหรือ”
องค์ชายรองตบหน้าอก “ที่พวกเรา เผ่าซยงหนีว์ สองคน บุรุษ ถูกใจ สตรีคนหนึ่งพร้อมกัน ก็จะแข่งมวยปล้ำ ผู้ใดชนะ ผู้หญิง ก็เป็น ของผู้นั้น!”
นี่มันไม่สนใจเรื่องความบริสุทธิ์ของผู้หญิงสักนิดเลยนี่ เฉียวอวี้ซีแนบชิดกับยิ่นอ๋องไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นบุรุษราชวงศ์ต้าเหลียงสักคน น่ากลัวว่าคงรู้สึกถูกหยามหมิ่น ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้แล้ว แต่ในสายตาคนเผ่าซยงหนีว์ แม้จะรู้สึกถูกหยามหมิ่นดุจเดียวกัน แต่วิธีระบายโทสะจากการถูกหยามกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาถือว่าการแย่งผู้หญิงมาได้คือเกียรติยศ ส่วนเรื่องชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ แม้แต่ภภรรยาของบิดาพวกเขายังตบแต่งได้ แล้วยังจะสนใจเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
“ท่านไม่กลัวน้องสาวข้าไม่ชอบท่านหรือ” เฉียวเวยถาม
องค์ชายรองตอบอย่างมั่นใจในตัวเอง “ผู้หญิงชอบ คนแข็งแกร่ง ข้าคือ คนแข็งแกร่ง!”
นี่หมายความว่าจะล้มยิ่นอ๋องให้จงได้ เฉียเวยไม่เคยเห็นวรยุทธ์ขององค์ชายรอง แต่เคยเห็นของยิ่นอ๋อง ใต้หล้ามีคนที่ชนะยิ่นอ๋องได้ไม่มาก สือชีเป็นคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าองค์ชายรองผู้นี้จะเป็นอย่างไร
แต่ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดเหมือนจะไม่ใช่วรยุทธ์ ยิ่นอ๋องเป็นฝ่ายทำผิดอยู่ก่อน หากประลองกันขึ้นมาจริงก็คงไม่กล้าปล่อยฝีมือเต็มที่ เมื่อคิดถึงสภาพโกรธเกรี้ยวแต่ก็ต้องกล้ำกลืนของยิ่นอ๋อง นางพลันรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง
เฉียวเวยมองส่งองค์ชายรองออกจากห้องหนังสือ องค์ชายรองพบยิ่นอ๋องที่มาหาเขาตรงประตู
ยิ่นอ๋องอธิบายว่า “องค์ชายรอง เรื่องไม่ชอบมาพากล ท่านฟังข้าอธิบาย!”
“ท่านมา กับข้า!” องค์ชายรองกวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินไปยังลานว่างที่สวนด้านหน้า แล้วจับชายเสื้อมาผูกไว้ตรงเอว ตั้งท่าจะแข่งมวยปล้ำ “ลงมือ!”
ยิ่นอ๋อนขมวดคิ้ว “องค์ชายรอง ข้าไม่อยากสู้กับท่าน!”
องค์ชายรองทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขา “สามรอบ ชนะสอง หรือห้ารอบ ชนะสาม ให้ท่าน เลือก!”
ยิ่นอ๋องกำหมัดแน่น หัวใจมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ แต่ไม่มีหนทางให้ระบาย เก็บกลั้นไว้จนเขาเจ็บท้องไส้ไปหมดแล้ว “องค์ชายรอง เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิด สตรีนางนั้นจะต้องทำอะไรกับข้าแน่! นางทำเช่นนี้เพื่อไม่ต้องแต่งงานกับท่าน!”
คำพูดนี้ไม่ได้ช่วยปลอบให้องค์ชายรองเย็นลง แต่กลับทำให้องค์ชายรองเดือดดาล ลองคิดดูเถิด บุรุษคนใดอยากได้ยินผู้อื่นบอกว่าผู้หญิงรังเกียจเขา นออกจากถูกสวมหมวกเขียว เรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้มากที่สุด
ก่อนหน้านี้องค์ชายรองเพียงอยากจะสั่งสอนยิ่นอ๋องเบาๆ สักหนเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาอยากจะปลิดชีพอีกฝ่ายระหว่างแข่งมวยปล้ำขึ้นมาจริงๆ แล้ว!
เฉียวเวยเดินออกมา นางมองทั้งสองคนแล้วพูดว่า “หกาพวกท่านจะสู้กันก็อย่ามาสู้กันบนภูเขาของข้า ข้ายังต้องทำมาค้าขาย หากมีคนตายขึ้นมา ฮวงจุ้ยที่นี่ของข้าเปลี่ยนไป ชีวิตหลังจากนี้ของข้าคงอยู่ไม่ได้แล้ว!”
จีหมิงซิวเดินมาถึงข้างกายองค์ชายรองแล้วตบหัวไหล่ขององค์ชายรองเบาๆ “องค์ชายรอง เรื่องนี้ขอให้ฝ่าบาทตัดสินจะดีกว่า เชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องมอบคำอธิบายที่องค์ชายรองพอใจแน่” องค์ชายรองกำลังจะคัดค้าน จีหมิงซิวก็บอกเสียงเบา “กำปั้นไร้ตา หากทะเลาะกันข้างนอกแล้วเกิดอะไรขึ้น ตัวอย่างเช่นการลอบสังหาร ข้าเชื่อว่าองค์ชายรองไม่ได้เดินทางไกลพันลี้มาถึงต้าเหลียง เพื่อให้ความสัมพันธ์ของสองแคว้นเลวร้ายลง”
ดวงตาขององค์ชายรองมองยิ่นอ๋องอย่างดุร้าย แต่กลับเอ่ยกับจีหมิงซิวว่า “ได้ ข้าทำตามเจ้า กลับวัง แต่เรื่องนี้ ไม่อาจ เท่านี้ จบ!”
องค์ชายรองตามจีหมิงซิวลงจากเขาไป
หากรู้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่นอ๋องคงไม่ตามองค์ชายรองมา แต่เดิมเขาต้องการขัดขวางจีหมิงซิวไม่ให้ดึงองค์ชายรองไปเป็นพวก แต่ปรากฏว่าเขากลับผลักองค์ชายรองไปให้จีหมิงซิวเสียเอง!
สตรีน่าชังคนนั้น นางต้องทำบางสิ่งกับเขาแน่ เขาจึงควบคุมตนเองมิได้เช่นนี้
เขาเคยสงสัยจีหมิงซิวเช่นกัน แต่จีหมิงซิวมีนิสัยหยิ่งทะนงปานนั้น เขาคงไม่มีทางร่วมมือกับเฉียวอวี้ซี ยิ่งไปกว่านั้นหากเฉียวอวี้ซีกลายเป็นผู้หญิงของจวนยิ่นอ๋องจริงก็ไม่เป็นผลดีต่อจีหมิงซิวหรือต่อคุณหนูใหญ่เฉียวสักนิด มีแต่ปล่อยให้คนแต่งงานไปไกลถึงนอกด่านจึงจะเป็นการดี
เมื่อขบคิดดังที่กล่าวมานี้ ยิ่นอ๋องจึงตัดจีหมิงซิวกับเฉียวเวยออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย
ยิ่นอ๋องไม่เข้าใจวัตนธรรมของเผ่าซยงหนีว์ จึงไม่รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรองค์ชายรองก็จะไม่มีทางยอมแพ้เรื่องเฉียวอวี้ซี ต่อให้ยิ่นอ๋องกับเฉียวอวี้ซีจากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้วจริงๆ องค์ชายรองก็ยังจะต้องแย่งเฉียวอวี้ซีกลับเผ่าซยงหนีว์ให้ได้
ถึงแม้เห็นองค์ชายรองดึงดันจะครอบครองเฉียวอวี้ซี ในสายตาของยิ่นอ๋องก็คิดว่าเป็นเพียงเพราะความโกรธเท่านั้น
องค์ชายรองโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับมาถึงวังหลวง แล้วเล่าสิ่งที่ตนเองได้เห็นได้ยินให้ฮ่องเต้ฟังอย่างไม่ปิดบังสักนิด เขาไม่ใส่สีตีไข่ เพียงบอกเล่า ฮ่องเต้ก็โกรธจนกระอักแล้ว
เจ้าลูกไม่ได้เรื่องคนนั้น เพิ่งจะโปรดปรานได้ไม่กี่วันก็ชูหางสูงถึงฟ้าเสียแล้ว!
แย่งพระชายาที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับองค์ชายเผ่าซยงหนีว์ นี่อยากจะจุดสงครามระหว่างสองแคว้นหรือไร!
“เรียกเจ้าลูกเนรคุณมาหาข้า!”
ยิ่นอ๋องรออยู่ที่หน้าประตูวังหลวงอยู่แล้ว เมื่อเห็นฝูกงกงเดินมาถ่ายทอดพระบัญชาก็ตามฝูกงกงไปทันที
ห้องทรงพระอักษรมีเพียงฮ่องเต้กับจีหมิงซิวสองคน
จีหมิงซิงมองยิ่นอ๋องถูกสั่งสอนด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“ลูกเนรคุณ เสียทีที่ข้าตั้งใจเลี้ยงดูเจ้า เจ้ากลับถ่วงแข้งถ่วงขาข้าเช่นนี้! คุณหนูเฉียวใช่คนที่เจ้าจะไปแตะต้องได้หรือ ผู้หญิงทั้งต้าเหลียงตายหมดแล้วหรืออย่างไร จึงต้องไปหมายตาพระชายาที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ นี่เจ้ากำลังตบหน้าข้า! แล้วยังตบหน้าต้าเหลียงทั้งหมด!” ฮ่องเต้ผรุสวาท เส้นเลือดสีเขียวตรงขมับปูดโปน พระองค์มีนิสัยอ่อนโยนยิ่งนัก แต่วันนี้หากไม่โกรธจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ คงไม่ระเบิดโทสะออกมาเช่นนี้
ยิ่นอ๋องคุกเข่ากับพื้น เอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย คุณหนูเฉียวผู้นั้นวางยาลูก ยามนั้นลูกควบคุมการกระทำไม่ได้แม้แต่นิด…”
ฮ่องเต้โกรธจนหัวเราะ “วางยาเจ้า เจ้าจะบอกว่าแม่นางน้อยอายุสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่งใจกล้าวางยาเจ้า ต่อให้นางมีความกล้าเช่นนั้น แต่นางมีความสามารถทำเช่นนั้นหรือ วรยุทธ์ที่เจ้าร่ำเรียนมาลงไปอยู่ในท้องวัวแล้วหรือไร เหตุไฉนนางไม่วางยาอัครมหาเสนาบดีเล่า”
ยิ่นอ๋องหัวไวฉุกคิดขึ้นมาได้ “บางที บางทีนางอาจอยากวางยาอัครมหาเสนาบดี แต่ดันพลาดมาโดนผิดคน”
เฉียวอวี้ซีกับจีหมิงซิวเคยมีสัญญาหมั้นหมายกัน แม้สัญญาหมั้นหมายนี้ได้รับต่อมาจากคุณหนูใหญ่เฉียว แต่เรื่องที่เฉียวอวี้ซีลุ่มหลงจีหมิงซิว คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ เฉียวอวี้ซีไม่อยากแต่งงานไปอยู่ไกลถึงเผ่าซยงหนีว์จึงวางยาจีหมิงซิว หมายจะทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เรื่องนี้ก็ฟังดูพอเข้าเค้า
ยิ่งไปกว่านั้นเทียบกับยิ่นอ๋องแล้ว จีหมิงซิวอำนาจท่วมฟ้า จะรั้งพระชายาที่ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไว้สักคนย่อมง่ายดายจริงๆ
ดังนั้นไม่ว่าพิจารณาจากด้านไหน จีหมิงซิวถึงจะเป็นเป้าหมายการวางยาที่ดีที่สุดของเฉียวอวี้ซี
“ถูกวางยาจริงหรือ” ฮ่องเต้มองพระโอรสอย่างคลางแคลง
ยิ่นอ๋องตอบอย่างเจ็บปวด “เสด็จพ่อ ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดลูก ท่านเฝ้ามองลูกเติบใหญ่มา ลูกมีนิสัยเช่นไร ท่านรู้ดีที่สุด ลูกไม่มีวันทำเรื่องหยามหมิ่นแว่นแคว้นเช่นนี้!”
ฮ่องเต้จมอยู่ในห้วงความคิด ผ่านไปครู่หนึงจึงหันไปมองจีหมิงซิว “อัครมหาเสนาบดีคิดว่าอย่างไร”
จีหมิงซิวตอบเหมือนคิดบางอย่าง “เรื่องนี้มีข้อน่าสงสัยมากมายจริงๆ กระหม่อมเชื่อว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนมิรู้จักหนักเบา”
นี่หมายความว่ายอมรับข้อสันนิษฐานที่ว่ายิ่นอ๋องถูกวางยา
ความจริงในพระทัยฮ่องเต้ก็เชื่อข้อสันนิษฐานนี้อยู่ก่อนแล้ว เทียบกับพระโอรสของตนเองทำเรื่องโง่เขลา การถูกผู้อื่นทำร้ายย่อมยอมรับได้ง่ายกว่าอยู่บ้าง ที่ฮ่องเต้ถามจีหมิงซิว พระองค์ไม่ได้ตั้งใจจะถามจริงๆ เพียงหวังว่าเขาจะให้คำตอบที่เหมือนกันออกมาเท่านั้น