หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 234-1 ครอบครัวพร้อมหน้า (ปลาย)
ตอนที่ 234-1 ครอบครัวพร้อมหน้า (ปลาย)
เกาะใต้เป็นชื่อที่ชนเผ่าถ่าน่าใช้เรียกพื้นที่ชายแดนทางตอนใต้ ที่นี่มีป่าที่รกชัดที่สุด ภูเขาตั้งตระหง่านที่สุด และยอดเขาที่อันตรายที่สุด หากออกเดินทางจากตัวเมืองถ่าน่าผ่านเมืองเล็กๆ ที่เป็นเมืองของทาสที่ถูกเนรเทศก็จะมาถึงที่นี่
ที่นี่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมา นานๆ ครั้งถึงจะมีนายพรานเข้าป่าไปล่าสัตว์หรือเด็ดสมุนไพรบนเขาบ้าง แต่หากให้มาพักอาศัยอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงไม่มีใครยินดีนัก เหตุผลไม่ใช่อื่นใด แค่เพียงในป่าแห่งนี้มีสัตว์ดุร้ายอยู่นับไม่ถ้วน อันตรายทั่วทุกหนแห่ง คนที่เข้ามาในป่าไม่ใช่คนแต่เป็นเหยื่อที่เดินได้ คนที่มาเด็ดสมุนไพรและล่าสัตว์มักจับคู่กันเข้ามา น้อยนักที่จะมีอย่างใต้เท้าเจ้าสำนักที่ไม่มีกระทั่งวรยุทธ์ แต่ยังกล้าสร้างกระท่อมหลังเล็กเอาไว้ใจกลางป่าเช่นนี้ การที่เขาไม่ถูกเสืองาบไปกินก็นับว่าอัศจรรย์มากแล้ว
เฉียวเจิงพาจูเอ๋อร์ไปเด็ดสมุนไพรในป่ากลับมา ระหว่างทางเขาเด็ดเห็ดที่สามารถกินได้กลับมาด้วย จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องครัว
ตั้งแต่มีเฉียวเจิงเข้ามาร่วมคณะ หน้าที่พ่อครัวก็เปลี่ยนจากอาต๋าเอ่อร์ไปอยู่ที่เฉียวเจิงแทน
อาต๋าเอ่อร์เคยแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อเรื่องนี้ เขาเป็นคนที่ชอบทำงานครัวมาก สำหรับเขาแล้วการเข้าครัวเป็นเรื่องสนุกกว่าการฆ่าคนหรือวางเพลิงเสียอีก ก่อนเฉียวเจิงจะมา เขาเป็นยอดพ่อครัวที่ได้รับความชื่นชอบอย่างมากจากเจ้าสำนักมาตลอด แต่ตั้งแต่เจ้าสำนักได้กินอาหารฝีมือเฉียวเจิงครั้งแรก เจ้าสำนักก็ไม่กินอาหารที่เขาทำอีกเลย เขาสะเทือนใจอย่างที่สุด ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่พอใจตาแก่คนนี้มาตลอด
เฉียวเจิงเอาเห็ดกับผักที่เด็ดมาได้ไปล้างที่ลานด้านหลัง ก็บังเอิญเจอกับอาต๋าเอ่อร์ที่เพิ่งหารือธุระสำคัญเสร็จเข้าอย่างจัง
เฉียวเจิงทักทายอย่างอารมณ์ดี
อาต๋าเอ่อร์ “หึ!”
ลานด้านหน้า วั่งซูกับจูเอ๋อร์นั่งเล่นดีดลูกแก้วกันอยู่ที่พื้น พี่ชายไปทำหลุมพรางแล้ว ไม่อยู่เล่นกับน้องสาวอีก
เมื่อวานจิ่งอวิ๋นได้รับแรงบันดาลใจอย่างรุนแรง นั่นไม่ใช่ประสบการณ์รอดพ้นจากอันตรายครั้งแรกของเขา ตั้งแต่จำความได้ดูเหมือนชีวิตของเขาจะห่างไกลจากคำว่าสงบเรียบร้อยของเด็กคนอื่นมากนัก เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นรถม้าที่เยี่ยมยอดเช่นนั้นมาก่อน แค่กดกลไกไม่กี่ทีก็สามารถจัดการคนล้มได้แล้ว
หากกรงของเขามีกลไกเช่นนั้นบ้างก็คงไม่ต้องกังวลว่าจะล่าเหยื่อไม่ได้อีก
เขาไม่มีทางยอมรับว่าตนกินเนื้อหมาป่าจนกลายเป็นปมในใจไปแล้ว แข็งเกินไป ทั้งยังไร้รสชาติ ไม่อร่อยเอาเสียเลย!
จิ่งอวิ๋นไปเจอเฉียวเจิงที่ห้องครัว “ท่านตา”
เฉียวเจิงกำลังสับขาหมาป่าอยู่ นี่เป็นเนื้อหมาป่าชิ้นสุดท้ายแล้ว วันนี้จะต้องทำให้ออกมารสชาติดีให้ได้ “มีอะไรหรือจิ่งอวิ๋น”
จิ่งอวิ๋นบอกว่า “ท่านตา ท่านมีมีดเล่มเล็กหรือไม่ ข้าอยากยืมใช้สักหน่อย”
“เจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าหาก่อน” เฉียวเจิงหาในห้องครัวอยู่พักหนึ่งก็หาไม่เจอ จึงกลับไปที่ห้องของตนแล้วหยิบมีดผ่าตัดที่คมกริบจากกล่องเครื่องมือแพทย์ของตนออกมาให้จิ่งอวิ๋น
อาต๋าเอ่อร์ทำสีหน้าดูแคลน “ให้เด็กเล่นมีดจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ” เจ้าเป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรกัน!
จิ่งอวิ๋นเดินไปหาอาต๋าเอ่อร์ “ท่านปู่อาต๋าเอ่อร์ ท่านมียาพิษหรือไม่ ข้าอยากยืมใช้สักหน่อย”
อาต๋าเอ่อร์ล้วงขวดใบหนึ่งจากอกเสื้อมาให้โดยไม่มีลังเล “เอ้า”
เฉียวเจิง: แล้วเล่นยาพิษไม่เป็นอะไรหรือไง เหอะ!
ใต้เท้าเจ้าสำนักที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าไผ่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งดูแคลนหนักขึ้นไปอีก เลี้ยงเด็กอย่างพวกเจ้ากันได้ด้วยหรือ
เฉียวเจิง อาต๋าเอ่อร์: เจ้าเก่งนักนี่ หอกยาวในมือเจ้าไม่ได้เอาไว้ให้จิ่งอวิ๋นหรือไง!
จิ่งอวิ๋นวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปหา “ท่านอา หอกยาวที่ท่านทำให้ข้าเล่า”
…
จิ่งอวิ๋นพกกริช ยาพิษและหอกยาวเข้าไปยังจุดที่ตนทำหลุมพรางไว้พร้อมกับต้าไป๋ บนหลังต้าไป๋สะพายตะกร้าใบเล็กที่ขนาดไม่สมตัวเขาเอาเสียเลย เฉียวเวยไม่อยู่ มันไล่จับหนูนาได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องบอกว่ามันดีใจแค่ไหนเลย
จิ่งอวิ๋นตามหาหลุมพรางของตนจนพบ นี่เป็นเพียงกรงใบเล็กธรรมดาๆ ใบหนึ่ง ข้างในใส่อาหารที่เป็นเหยื่อล่อไว้เล็กน้อย หากมีกระต่ายป่าหรือไก่ป่าเข้ามากินอาหาร ก็จะถูกไม้ที่ขัดฝากรงไว้ พอฝาปิดลงมา สัตว์ตัวนั้นก็จะถูกขังอยู่ข้างใน
นี่เป็นวิธีการที่จิ่งอวิ๋นเรียนรู้มาจากท่านแม่ แต่ก็จนใจที่นำมาใช้ที่ชนเผ่าลึกลับไม่ได้เลย กระต่ายป่าที่นี่ฉลาดเกินไป พวกมันถึงขั้นรู้ว่าต้องเตะกรงให้ล้มก่อนเพื่อให้อาหารข้างในกลิ้งออกมา
น้องสาวยังเล่นงานหมาป่าจนตายได้ตัวหนึ่งแล้ว แต่เขากลับจับกระต่ายไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เรื่องนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้กับความภาคภูมิใจของเด็กชายตัวน้อยอย่างมาก
เขาจึงตัดสินใจว่า ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะต้องล่า…สัตว์ดุร้ายกลับไปให้ได้!
เขาเอามีดเล่มเล็กกับยาพิษเข้าไปเหลากิ่งไม้ให้แหลมไว้หลายอัน ตรงหัวกิ่งไม้ทายาพิษไว้ แค่นี้ก็ได้ธนูอาบยาพิษอย่างง่ายๆ แล้ว เขาเอาธนูอาบยาพิษเสียบเข้าไปในกรง ใช้กิ่งไม้กับใบไม้ทำเป็นที่พรางตา แล้วจึงดึงเอ็นใสตกปลาเป็นเส้นยาว ยกขึ้นสูงห่างจากพื้นประมาณสามชุ่น แล้วเอาไปผูกกับต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้าม เขาทำอย่างนี้อยู่หลายเส้น มองดูแล้วคล้ายการสร้างค่ายที่โปร่งใส อีกเดี๋ยวหากมีเหยื่อตามกลิ่นหอมจากในกรงเข้ามา ไม่ว่าจะกินของที่อยู่ในกรงหรือไม่ ขอเพียงเข้ามาถูกค่ายกลที่เขาวางเอาไว้ก็จะทำให้กลไกทำงาน ธนูทั้งเจ็ดแปดดอกนี้จะยิงออกมาพร้อมกัน ทำให้เหยื่อตัวนั้นไร้ซึ่งหนทางหนี
เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์ร้ายตัวอื่นมาแย่งไปได้ จิ่งอวิ๋นยังแขวนกระดิ่งอันเล็กเอาไว้ที่กรง พอทำเช่นนี้เขาก็จะได้ยินความเคลื่อนไหวในทันที
เมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จิ่งอวิ๋นเลยอารมณ์ดีมาก ปัดไม้ปัดมือเสร็จก็เดินกลับกระท่อมไปพร้อมกับต้าไป๋
อีกด้านหนึ่งของป่า ฮาจั่วกับลูกน้องอีกยี่สิบคนกำลังตามหาเส้นทางกันด้วยความระมัดระวัง ข้างหน้าสุดคือเฟ่ยจยาที่จูงหมาล่าเนื้ออยู่ เฟ่ยจยาผู้นี้ก็คือองครักษ์ที่เข้าไปรายงานฮาจั่วว่าตามหาร่องรอยของทั้งสามคนพบแล้วนั่นเอง
อันที่จริงเฟ่ยจยาไม่ใช่ลูกน้องที่ฮาจั่วไว้ใจ เป็นเพียงองครักษ์ชั้นล่างสุดคนหนึ่งที่ไว้ใช้งานจิปาถะ ตามปกติไม่มีภารกิจสำคัญอะไรให้เขาทำ แค่ฝึกสุนัข ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไปตามเรื่อง เวลาวันหนึ่งก็แทบจะหมดไปแล้ว ครั้งนี้เป็นเพราะลูกน้องเขาไม่พอจริงๆ ต้องหว่านแหใช้ไปเรื่อยถึงได้ตัวเขามา คนอื่นไม่เห็นเรื่องนี้เป็นสาระนัก มีแค่เขาที่มองว่านี่เป็นโอกาสให้ตนได้แสดงผลงาน และผลสุดท้ายความพยายามก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง เขาสามารถตามหาพวกเขาเจอได้จริงๆ
เฟ่ยจยาเห็นหมาล่าเนื้อดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดจึงหันไปพูดกับฮาจั่วอย่างเคารพนบนอบว่า “ใต้เท้าฮาจั่ว พวกเราอยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายแล้ว ท่านโปรดระวังความปลอดภัยของตนด้วย”
ฮาจั่วส่งเสียงหึๆ ด้วยความดูแคลน “คราก่อนข้าประมาทไปชั่วขณะจนเสียท่าให้มันไป ครั้งนี้ข้าเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว มันไม่มีทางได้โอกาสลงมือแน่ เจ้าสนใจแค่นำทางก็พอ!”
“ขอรับ ใต้เท้าฮาจั่ว” พอคิดอะไรได้ เฟ่ยจยาก็ถามขึ้นอีกว่า “เพียงแต่ใต้เท้าฮาจั่ว อีกเดี๋ยวพวกเราจะจับเป็น หรือจับตายก็ได้หรือขอรับ”
นี่เป็นเรื่องที่พี่น้องอย่างพวกเขากังวลมากที่สุด พูดตามตรงจับตายนั้นง่ายกว่า แค่เงื้อดาบเข้าใส่ก็ได้แล้ว แต่หากจับเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก จะทำอีกฝ่ายตายไม่ได้แล้วยังต้องระวังไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก พวกเขายังไม่ลืมว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นทำร้ายพี่น้องของพวกเขาไปแล้วหลายคน
ฮาจั่วบอกเสียงเย็นว่า “ต้องจับเป็นสิ เก็บพวกมันไว้ยังมีประโยชน์ แต่หาก…เกิดจับเป็นไม่ได้จริงๆ พวกเจ้าก็รอฟังคำสั่งจากข้า!”
เช่นนี้ก็หมายความว่าหากข้าใช้ประโยชน์ไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ใช้ประโยชน์ ทุกคนฟังเข้าใจแล้ว จึงตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
เฟ่ยจยานำทางต่อไป หมาล่าเนื้อกระดิกหาง ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งตื่นเต้น ราวกับว่า… ได้เห็นเหยื่อที่รอมานานอย่างไรอย่างนั้น เฟ่ยจยาเริ่มดึงเชือกไว้ไม่อยู่ “ปี้หนู เจ้าช้าหน่อย! อย่าวิ่ง!”
หมาล่าเนื้อที่ถูกเรียกว่าปี้หนูไม่เพียงไม่ได้ยินคำสั่งของเขา แต่ยังเห่าเสียงดังแล้วพุ่งทะยานออกไปอย่างรุนแรง!
ปี้หนูทำอะไรไม่ได้ จึงจำต้องวิ่งตามไปด้วย
“โฮ่ง! โฮ่งๆ!”
หมาล่าเนื้อเห่าเสียงดัง ย่อขาหลังลงแล้วกระโดดตัวลอยจนหลุดจากเชือกที่คล้องไว้ มันพุ่งตรงเข้าไปหาตะกร้าที่มีกิ่งไม้อำพรางอยู่
มันกระโดดข้ามเอ็นตกปลาโปร่งใสไปได้ กลไกเลยไม่ทำงาน แต่ที่น่าเสียดายก็คือถึงแม้มันจะไม่โดน แต่เฟ่ยจยาที่รีบร้อนจะจับมันกลับไปโดนเสียเอง จึงเห็นลูกดอกจากในกรงพุ่งฟวบๆ ออกมารวดเร็วราวกับสายฟ้า!
เกิดเสียงร้องดังโหยหวน เฟ่ยจยาถูกลูกดอกยิงเข้าใส่ หมาล่าเนื้อคาบเนื้อในกรงออกมาได้ ก่อนจะเห่าโฮ่งๆๆ วิ่งหนีไป
กระดิ่งในกรงส่งเสียงกังวานใส
ฮาจั่วรีบชักดาบโค้งออกมา บอกทุกคนอย่างระแวดระวังว่า “ข้างหน้ามีกับดัก! ทุกคนหยุดก่อน!”
ขบวนองครักษ์ที่ใหญ่โตพลันหยุดชะงัก
ส่วนอีกด้านหนึ่งจิ่งอวิ๋นได้ยินเสียงกระดิ่งดังแล้ว ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาเพิ่งกลับมานั่งได้เก้าอี้ยังไม่ทันร้อนเลย ก็มีสัตว์เข้ามาติดกับเสียแล้ว เขาโชคดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ เขากระโดดลงมายืนแล้วตะโกนเรียกว่า “ต้าไป๋! มีเหยื่อมาติดกับแล้ว!”
ต้าไป๋ชอบการล่าสัตว์ที่สุดแล้ว เขากระโดดดึ๋งๆ ไปด้วยความดีใจ พวกเขาวิ่งเข้าป่าไปยังกับดักที่จิ่งอวิ๋นวางเอาไว้ แต่กระนั้นที่ทำให้จิ่งอวิ๋นผิดหวังมากก็คือ เหยื่อที่เขาล่อได้ไม่ใช่สัตว์ตัวใหญ่ แต่เป็นคน
ต้าไป๋ส่ายหางไปมาด้วยความรังเกียจ
จิ่งอวิ๋นไม่รู้ว่าคนที่ตนทำร้ายนั้นเป็นคนดีหรือคนร้าย ขณะที่กำลังจะกลับไปบอกท่านตากับท่านปู่อาต๋าเอ่อร์นั้น หมาล่าเนื้อที่กินเนื้อหมดชิ้นแล้วก็นึกถึงเจ้านายของตนขึ้นมาได้ จึงจะวิ่งกลับมาหาเขา
“โฮ่งๆๆๆๆ!”
หมาล่าเนื้อได้ยินเสียงของจิ่งอวิ๋น จึงอ้าปากกว้างแล้วพุ่งเข้าใส่จิ่งอวิ๋น แต่มันยังไม่ทันแตะถูกตัวจิ่งอวิ๋นแม้แต่ปลายเส้นผม ก็ถูกต้าไป๋กางกรงเล็บตบกระเด็นไปเสียแล้ว!
สัญชาตญาณของจิ่งอวิ๋นรู้สึกได้ถึงลางไม่ดี คิ้วเล็กขมวดมุ่น “ต้าไป๋ กลับกัน!”
ต้าไป๋ตามจิ่งอวิ๋นไป
จิ่งอวิ๋นวิ่งไปทางกระท่อมหลังเล็ก วิ่งไปได้ไม่เท่าไรก็หันกลับมาอีก ค้นหาถุงเงินจากตัวคนผู้นั้นมาแล้วถึงได้ก้าวขาสั้นๆ ของตนวิ่งกลับกระท่อมหลังเล็กไป
พวกผู้ใหญ่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าอย่างรวดเร็ว จึงให้จิ่งอวิ๋นพาน้องสาวกับพวกสัตว์ตัวน้อยเข้าห้องไป
“ข้าจะไปจับคนกลับมาดูก่อน!” อาต๋าเอ่อร์แทรกตัวเข้าไปในป่าเพื่อจับคนผู้นั้นกลับมา เฟ่ยจยาถูกยิงเข้าที่ต้นขา สภาพแผลดูไม่หนักหนาอะไรนัก แต่บนหัวธนูมีพิษ ขาเขาจึงบวมไปครึ่งหนึ่ง
ไม้กระบองของอาต๋าเอ่อร์จ่ออยู่ที่คอของเขา “เจ้าเป็นใคร พวกเจ้ามากันกี่คน พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ พูดมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หากไม่พูด ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้!”
เฟ่ยจยาไม่ยอมพูด
อาต๋าเอ่อร์เงื้อไม้กระบองแล้วฟาดหนักๆ ใส่เขาให้ยกหนึ่งจนหน้าตาเนื้อตัวเขียวช้ำไปหมด เขาก็ยังไม่ยอมพูด