หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 300-1 สามสัตว์น้อยผู้กล้า มะรุมมะตุ้มท่านเขยฉิน
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก
- ตอนที่ 300-1 สามสัตว์น้อยผู้กล้า มะรุมมะตุ้มท่านเขยฉิน
ตอนที่ 300-1 สามสัตว์น้อยผู้กล้า มะรุมมะตุ้มท่านเขยฉิน
ท่านเขยฉินได้ยินเพียงเสียงดังสวบที่ข้างหู ในใจเกิดความระแวดระวังขึ้นมาไม่รู้ตัว พอหันกลับ ไปมองทางด้านหลัง ใครจะรู้ว่าเพียงหันไปได้แค่ครึ่งหน้าก็ถูกกระทะเหล็กดำปิ๊ดปี๋ใบเล็กฟาดเข้าใส่ให้เต็มเปาเสียแล้ว!
ตัวท่านเขยฉินคล้ายว่าวที่เชือกขาด โงนเงนเอนเอียงอยู่กลางอากาศก่อนจะล้มพับลงไปในพุ่มไม้
จูเอ๋อร์ลงยืนบนพื้นอย่างมั่นคง เป่าเล็บที่ทาสีดอกกระวานของตนก่อนจะเงื้อกระทะใบเล็กฟาดไปทางท่านเขยฉินที่ตัวอยู่ในพุ่มไม้อีกครั้ง!
ท่านเขยฉินคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีตัวช่วยโผล่เข้ามากลางทางเช่นนี้ พื้นที่ส่วนนี้ของจวนเป็นส่วนที่เงียบสงบอย่างหาได้ยากยิ่ง ยามปกติน้อยนักที่จะมีบ่าวไพร่เดินผ่านไปมา และด้วยเพราะเหตุนี้จีหว่านถึงได้พาเฉียวเวยกับน้องชายมาชื่นชมทิวทัศน์ที่นี่เป็นครั้งคราว สถานที่เช่นนี้ที่แม้แต่สาวใช้ก็ยังไม่มี จะมียอดฝีมือแห่งยุทธภพตกลงมาจากท้องฟ้าได้อย่างไร
เขาคิดจะลุกยืนขึ้น อยากดูว่าใครกันที่ลอบทำร้ายตน แต่ใครจะคิดว่าเขาเพิ่งผงกศีรษะขึ้นมาก็ถูกกระทะเหล็กใบเล็กของจูเอ๋อร์ฟาดเข้าใส่อย่างแรงอีกครั้งจนหงายกลับลงไป!
จีหว่านสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าปอด กระทั่งนางยังรู้สึกเจ็บแทน!
จูเอ๋อร์ตั้งแต่กินผลสองภพเข้าไปก็ไม่ใช่ลิงตัวน้อยทั่วไปอีกแต่เป็นยอดมนุษย์ลิงตัวน้อยไปแล้ว! มีพละกำลังมหาศาล ฝีมือยอดเยี่ยมร้ายกาจ!
จูเอ๋อร์เงื้อกระทะใบเล็กขึ้นอีกครั้งเตรียมจะฟาดใส่ท่านเขยฉินเป็นครั้งที่สาม แต่ในชั่วขณะนั้นท่านเขยฉินที่ถูกฟาดหงายลงไปสองครั้งจู่ๆ กลับยกมือขึ้นจับกระทะของจูเอ๋อร์ไว้แล้วออกแรงดึงเอากระทะเข้าหาตัว จูเอ๋อร์ตัวห้อยอยู่กับกระทะ เบิกตาโตมองไปทางท่านเขยฉิน
ท่านเขยฉินก็กำลังมองมาที่จูเอ๋อร์ เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา
ไหนบอกว่าเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพ เหตุใดถึงเป็นลิงตัวหนึ่งไปได้…
จูเอ๋อร์แลบลิ้นใส่
ท่านเขยฉินมองไปที่มันด้วยสายตานิ่งขรึม แต่แล้วจู่ๆ จูเอ๋อร์ก็ยื่นมือไปทางด้านหลังแล้วเอากระทะอีกใบหนึ่งออกมาฟาดเปรี้ยงเข้าที่ศีรษะของท่านเขยฉิน!
ศีรษะของท่านเขยฉินบวมปูดเป็นลูกที่สามขึ้นมาทันตา จูเอ๋อร์กระโดดลงพื้นวิ่งปรี่ตรงไปข้างหน้า ท่านเขยฉินถูกทำให้เดือดดาลถึงขีดสุด ยื่นมือไปคว้าใบไม้มา เดินกำลังภายในแล้วขว้างออกไปทันที
ใบไม้กระแทกถูกกระทะของจูเอ๋อร์จนทะลุเป็นรู
จูเอ๋อร์โกรธจัด! เลยยิ่งวิ่งเร็วกว่าเดิม!
ท่านเขยฉินคว้าใบไม้ออกมาอีกนับไม่ถ้วน ขว้างออกไปโจมตีใส่จูเอ๋อร์
จูเอ๋อร์วิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ที่คมประหนึ่งใบมีดพุ่งปักดังฉึกๆๆๆ เข้าที่ลำต้น
แคร่ก….
ต้นไม้โค่นลงเสียแล้ว
จูเอ๋อร์รีบกระโดดขึ้นคว้ากิ่งไม้แล้วทะยานไปตามกิ่งไม้นั้น ในขณะที่กำลังจะกระโดดลงพื้นกลับไม่รู้ว่าท่านเขยฉินพริ้วกายมาอยู่ใต้ต้นไม้ราวกับวิญญาณตั้งแต่เมื่อไร จูเอ๋อร์เลยกระโดดลงเข้าไปในอ้อมแขนเขาอย่างจัง
เขาคว้าคอจูเอ๋อร์ไว้แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ไอเปี๊ยก เจ้านี่มัน…”
ยังไม่ทันพูดจบข้างกายก็มีแสงสีขาวแวบผ่าน เขาพลันเลิกคิ้ว ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอะไรก็เห็นว่ากรงเล็บคมกริบจิกลงบนหลังมือเขา พลันปรากฏรอยเลือดสามรอย มีหยดเลือดไหลลงมา ด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาคลายมือออก เจ้าลิงน้อยเลยตกลงไปที่พื้น
เจ้ามนุษย์ที่รังแกลิงน้อยน่ารักอย่างข้ามันช่างน่าตีนัก!
เสี่ยวไป๋อ้อมไปตรงหน้าอกของท่านเขยฉิน ท่านเขยฉินรีบหลบ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังถูกข่วนจนได้แผลไปหลายรอยอยู่ดี
ท่านเขยฉินก้มหน้ามองอาภรณ์ของตนที่มีเลือดซึมออกมา แววตาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด เขากางฝ่ามือออกแล้วจับตัวเสี่ยวไป๋ไว้อย่างไร้ปราณี
เสี่ยวไป๋พลิ้วกายหนีรอดจากฝ่ามือเขาออกมาได้ มันกระโจนขึ้นอีกครั้งแล้วขึ้นไปอยู่บนคอของท่านเขยฉิน
ลำคอของท่านเขยฉินก็ถูกข่วนจนได้แผลเช่นกัน ด้วยความโกรธเกรี้ยวจึงเดินกำลังภายในไปที่ฝ่ามือ เตรียมจะฟาดเข้าใส่เสี่ยวไป๋อย่างโหดร้าย!
หากฝ่ามือนี้ฟาดถูกเข้า อย่าว่าแต่กายเนื้อของเสี่ยวไป๋จะชอกช้ำเลย แม้แต่กำแพงเหล็กกล้าก็น่าจะกลายเป็นดินโคลนได้เหมือนกัน
แต่กระนั้นในชั่วขณะที่ฝ่ามือเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ ต้าไป๋ก็ขู่คำรามพลางพุ่งเข้าใส่จนตัวเขาหงายหลังล้มลงกับพื้น
ต้าไป๋ไม่ใช่ต้าไป๋ซื่อบื้อที่ถูกคนไล่ตามจับไปทั่วอีกแล้ว หลังจากโตขึ้นหลายเดือน ร่างกายก็ใหญ่โตขึ้นไม่น้อย มันไม่ลดละความพยายามที่จะแอบเข้าไปกินผลสองภพหลายครั้ง พละกำลังของมันจึงพุ่งทะยานสูงขึ้น หากเปรียบเป็นคนก็น่าจะเทียบเท่าไซน่าอิงเห็นจะได้
ไซน่าอิงนับเป็นยอดฝีมือระดับพิเศษที่ไม่ใช่ใครก็สามารถรับมือได้สบายๆ
ท่านเขยฉินถูกต้าไป๋จับกดไว้จนขยับไม่ได้ สายตาที่มองต้าไป๋เดือดดาลราวกับเตาไฟ ส่วนต้าไป๋ก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันเช่นกัน นัยน์ตาไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
จูเอ๋อร์กระโดดเข้ามา เงื้ออุ้งมือดำเมี่ยมของตนขึ้นแล้วตบหน้าท่านเขยฉินดังเพี๊ยะๆๆ! เพี๊ยะๆๆๆ! เพี๊ยะๆๆๆๆๆๆๆ…
กว่าองครักษ์ที่เดินลาดตระเวนจะได้ยินเสียงแล้วตามมาที่นี่ ท่านเขยฉินก็ถูกเล่นงานจนเละเป็นโจ๊กไปแล้ว
สัตว์น้อยทั้งสามฟุบอยู่ข้างกายจีหว่านอย่างน่ารักเรียบร้อย ท่าทางบอกชัดว่าไม่ใช่ฝีมือข้าแน่นอน
องครักษ์ได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง หันมองท่านเขยฉินแล้วหันไปมองจีหว่านกับเจ้าสัตว์น้อยทั้งสาม จูเอ๋อร์เอากระทะใบเล็กยัดใส่มือจีหว่านอย่างร้ายกาจ!
จีหว่าน “…”
องครักษ์อ้าปากเอ่ย “คุณหนูใหญ่ นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ เหตุใดท่านเขยถึงอยู่ในสภาพนี้ได้”
จีหว่านไม่ได้ตอบแต่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าไปตามคนมาสักสองคน แบกตัวเขาไปที่เรือนลั่วเหมย!”
นางพูดว่าเขาไม่ได้พูดว่าท่านเขย องครักษ์เลยถึงกับอึ้งงันไป
จีหว่านตะคอกเสียงต่ำว่า “ไม่ได้ยินที่ข้าบอกหรือ”
องครักษ์ตั้งสติกลับมาได้ ประสานมือทำความเคารพ “ได้ยินแล้วขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”
องครักษ์ไปตามเพื่อนอีกคนมาช่วยกันแบกเอาตัวท่านเขยขึ้นเปลแล้วออกเดินไปทางเรือนลั่วเหมย ชั่วขณะที่เดินผ่านตัวจีหว่านไปนั้น ท่านเขยฉินเอื้อมมือมาจับจีหว่านไว้
จีหว่านขนลุกชันไปทั้งตัว!
ท่านเขยฉินพูดเสียงอ่อนล้าว่า “หากเจ้ากล้าพูดซี้…”
เพี๊ยะ!
เลยถูกกระทะในมือจีหว่านตบสลบไป!
จีหว่านดึงมือกลับด้วยความรังเกียจ นางเอามือกุมท้องแล้วเดินไปทางเรือนลั่วเหมย
เวลานี้เป็นช่วงนอนพักกลางวันพอดี เหล่าไท่ไท่กำลังพักผ่อน เดิมทีจีหว่านไม่อยากไปรบกวน แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่งนักจึงให้หรงมามาเข้าไปเรียกให้อยู่ดี
จากนั้นจีหว่านก็ให้คนไปเชิญท่านหมอเฉิงจากหอหลิงจือมา ท่านหมอเฉิงมาถึงอย่างรวดเร็ว เขาช่วยตรวจชีพจรให้จีหว่านแล้วบอกว่า “หลินฮูหยินแค่เพียงได้รับความตกใจเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ฟ้ากว้างขวางแผ่นดินกว้างใหญ่ แต่ก็ยังไม่ใหญ่เท่าก้อนเนื้อในท้องก้อนนี้
จีหว่านเอ่ยว่า “แต่เมื่อครู่ข้ารู้สึกเจ็บท้อง”
ท่านหมอเฉิงบอกว่า “เกิดจากความตกใจ ชีพจรยังเรียบร้อยดีทุกอย่าง หากหลินฮูหยินไม่วางใจจริงๆ ข้าสามารถเขียนใบยาสงบครรภ์ให้ท่านได้”
จีหว่านนิ่งคิดก่อนตอบว่า “ท่านเขียนมาเถิด!”
“ขอรับ”
ท่านหมอเฉิงเขียนใบยาให้ ตงเหมยรับใบยาแล้วตามท่านหมอเฉิงไปที่หอหลิงจือ
ช่วงที่รอเหล่าไท่ไท่นั้น จีหว่านสอบถามเรื่องราวความเป็นไปในช่วงนี้ที่เกิดขึ้นในจวนถึงได้รู้ว่าในจวนเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นด้วย ฉินเฉียวคนนั้นไม่ใช่น้องสาวของท่านเขยฉิน แต่เป็นสตรีของท่านเขยฉิน!
มิน่าเล่าตอนครั้งแรกที่นางได้พบฉินเฉียวถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล การปฏิบัติตัวต่อกันระหว่างท่านน้ากับฉินเฉียวก็ดูแปลกประหลาดไปหมด น่าสงสารท่านน้าที่ทุ่มเทกายใจให้กับบุรุษเช่นนี้ หันกลับมาอีกทีก็ตกอยู่ในสถานะคนถูกทรยศเสียแล้ว
ช่างมองกันแต่ภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ รู้หน้าไม่รู้ใจเป็นเช่นนี้เอง
บ่าวในเรือนลั่วเหมยทุกคนเห็นท่านเขยฉินที่นอนแผ่อยู่ในลาน แต่ละคนหันมองหน้ากันแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งถ้วยชา จีเหล่าฮูหยินก็มีหรงมามาประคองเดินออกมา พอเห็นจีหว่านสายตานางก็ดูขรึมไป “เจ้าทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว! คราก่อนแม่สามีเจ้าก็ให้คนมาจับตัวเจ้ากลับไปทีหนึ่งแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังกลับมาที่บ้านอีก!”
เมื่อครู่จีหว่านเพิ่งถูกท่านเขยฉินทำให้โกรธ เวลานี้ไฟโทสะยังสุมอยู่ในอกไม่คลาย คำกล่าวโทษของจีเหล่าฮูหยินหากอยู่ในเวลาปกติคงไม่เป็นอะไร แต่เวลานี้กลับทิ่มแทงเข้าไปถึงกระดูก นางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้ากลับมาบ้านแล้วอย่างไร ไม่อนุญาตให้กลับมาด้วยหรือ”
จีเหล่าฮูหยินนั่งลงบนเก้าอี้สูง
มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามา หรงมามาเอาถ้วยชาไปวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กข้างกายจีเหล่าฮูหยินก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ดูคุณหนูใหญ่พูดเข้า จะไม่อนุญาตให้ท่านกลับมาได้อย่างไร เหล่าไท่ไท่น่ะแทบจะอยากให้ท่านกลับมาทุกวันเลยทีเดียว! แต่นี่ท่านตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ จึงกลัวว่าจะกระทบกระเทือนชีพจรครรภ์เข้า”
จีหว่านจึงเอ่ยว่า “วันนี้ข้าเกือบกระทบกระเทือนชีพจรครรภ์เข้าให้แล้วจริงๆ”
สีหน้าจีเหล่าฮูหยินพลันเปลี่ยน “เช่นนั้นยังไม่รีบเรียกให้ท่านหมอมาดูอีก”
จีหว่านเบี่ยงตัวหันไปเอ่ยกับเหล่าฮูหยินว่า “ให้มาดูแล้ว”
“ที่เจ้ารีบร้อนเรียกข้าออกมาบอกว่ามีเรื่องด่วนนั้น มันเรื่องอะไรกัน”
จีหว่านมองไปทางประตู “เอาตัวเข้ามา!”
องครักษ์กับเพื่อนอีกคนหนึ่งช่วยกันยกเปลเข้ามา บนเปลมีบุรุษที่หน้าตาเละตุ้มเป๊ะนอนอยู่ จากหน้าตานั้นดูอะไรไม่ออกแล้ว แต่อาภรณ์ที่สวมอยู่นั่น…เป็นของท่านเขยฉินชัดๆ!