หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 344-2 ขับออกจากตระกูลจี สวินหลันคิดสั้น (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก
- ตอนที่ 344-2 ขับออกจากตระกูลจี สวินหลันคิดสั้น (2)
ตอนที่ 344-2 ขับออกจากตระกูลจี สวินหลันคิดสั้น (2)
เฟิ่งชิงเกอปรายตามองอีกฝ่ายด้วยความรำคาญ “จะพูดรึไม่”
“พูด พูดเจ้าค่ะ!” หงเหมยรีบพยักหน้าหงึกหงัก “นายท่านบอกว่าคืนนี้มีธุระ ให้ฮูหยินเข้านอนไปก่อนไม่ต้องรอเจ้าค่ะ”
สายตาของเฟิ่งชิงเกอพลันเปลี่ยน “ที่ว่าไม่ต้องรอนั่นหมายความว่า…เขาจะไม่กลับมา?”
“เรื่องนี้…” หงเหมยพูดไม่ออก ฮูหยินท่านนี้คงยังไม่รู้เรื่องที่สวินหลันแขวนคอกับขื่อเพื่อฆ่าตัวตาย คืนนี้นายท่านต้องอยู่ดูแล เกรงว่าคงจะไม่กลับมา แต่นายท่านไม่ได้บอกให้นางบอกโดยละเอียด นางควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรดี
“จะไม่กลับมาใช่หรือไม่” ความง่วงงุนของเฟิ่งชิงเกอหายไปกว่าครึ่ง เบิกตาโตใสมองอีกฝ่าย
จู่ๆ หงเหมยก็รู้สึกว่าแม่นางหลี่น่าสงสารยิ่งนัก นางเป็นที่ชื่นชอบของนายท่านเพียงนั้น แต่เพียงชั่วข้ามคืนกลับถูกสวินซื่อเข้ามาแทนที่ นางจะเศร้าใจเพียงใด ปวดใจเพียงใดหนอ!
“ฮูหยินท่านไม่ต้องกังวล หากนายท่านจัดการงานเสร็จจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายท่านเป็นแน่ คืนนี้ท่านเข้านอนคนเดียวไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“เขาไม่กลับมาแล้วจริงๆ?” ความง่วงงุนเฮือกสุดท้ายของเฟิ่งชิงเกอมลายหายไปจนสิ้น นางรู้สึกตื่นตัวเต็มที่ มองหงเหมยด้วยประกายตาสุกใส “เจ้าไปบอกนายท่านของเจ้าว่าให้ตั้งใจจัดการงานตรงหน้าให้มาก อย่าได้รีบร้อนกลับมาเลย!”
“อ๋า?” หงเหมยอึ้งงัน
“อ๋าอะไรกัน รีบไปสิ!” เฟิ่งชิงเกอผลักสาวใช้ออกจากห้อง
หงเหมยไม่เคยเห็นสตรีนางใดมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน บุรุษไม่กลับมาไม่ควรจะเสียใจมากหรอกหรือ เหตุใดปฏิกิริยานางถึงดูตื่นเต้นดีใจไปได้
หงเหมยข่มความสงสัยในใจไว้ไม่อยู่จึงถามเฟิ่งชิงเกอไปว่า “ฮูหยิน ท่านรู้รึไม่ว่านายท่านไปที่ใด”
เฟิ่งชิงเกอตอบไปตามตรง “รู้สิ เรือนหลีฮวาอย่างไรเล่า!”
เจ้าดอกหญ้านั่นตกลงมาจากที่สูงปานนั้น ลูกในท้องคงรักษาไว้ไม่อยู่แล้วเป็นแน่ ไม่แน่ว่าเวลานี้จีซั่งชิงคงนึกสงสารนางอยู่
สายตาของหงเหมยเบิกโตขึ้นไปอีก นางรู้ว่านายท่านไปอยู่ที่เรือนสตรีนางอื่น ก็ยังไม่นึกโกรธสักนิดอย่างนั้นหรือ หากเวลานี้นางแสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่แน่ว่านายท่านอาจจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนางก็ได้
เฟิ่งชิงเกอไม่นึกอยากให้จีซั่งชิงกลับมาหรอก หลายวันนี้ที่นางพักอยู่ในบ้านตระกูลจี จีซั่งชิงตามติดนางทั้งวันทั้งคืน นางรำคาญจะตายอยู่แล้ว เขาถูกนังดอกหญ้านั่นรั้งตัวไว้สิดี ในที่สุดนางก็จะได้ออกไปโลดแล่นของนางเสียที!
กลับมาเอ่ยถึงจีซั่งชิง หลังจากให้หงเหมยไปบอกความแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย สมองของเจาหมิงใช้การได้ไม่ดีแล้ว นางดูราวกับเป็นเด็กคนหนึ่ง ตนทิ้งนางให้อยู่ที่เรือนถงคนเดียวจะใจร้ายเกินไปหรือไม่ หรือว่าควรกลับไปอยู่เป็นเพื่อนนาง…
ในขณะที่จีซั่งชิงเตรียมจะไปดูเฟิ่งชิงเกอที่เรือนถงนั้น หงเหมยก็กลับมาพอดี
จีซั่งชิงถามด้วยความปวดใจว่า “นางว่าอย่างไรบ้าง เสียใจมากใช่หรือไม่”
หงเหมยคิดถึงท่าทางลิงโลดของเฟิ่งชิงเกอแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ
จีซั่งชิงอึ้งไป “เช่นนั้นนาง…ไม่พอใจมาก?”
หงเหมยคิดถึงรอยยิ้มที่ฉีกกว้างราวกับดอกไม้บานของเฟิ่งชิงเกอแล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
จีซั่งชิงถามอีกว่า “นางให้ข้ากลับไปเดี๋ยวนี้เลยใช่หรือไม่”
หงเหมยเบิกตาโตขณะเอ่ยว่า “ฮูหยินบอกว่า ท่านอย่าได้กลับไปเลยเจ้าค่ะ”
จีซั่งชิง “…”
…
ด้วยนิสัยของเฟิ่งชิงเกอ การที่นางมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ย่อมอยู่เฉยไม่ได้ เดิมทีหากไม่ใช่เพราะถูกขุนพลน้อย “ไล่สังหาร” อย่างหนักหน่วง ไม่ว่าอย่างไรนางคงไม่มีทางลงเรือโจรลำเดียวกับเฉียวเวยแน่ เวลานี้ดีเลย อีกตาแซ่จีไม่อยู่ ไม่มีใครคอยจับตาดูนาง นางเป็นอิสระได้อีกครั้งแล้ว!
เฟิ่งชิงเกอใช้วิชาตัวเบากระโดดออกจากบ้านตระกูลจี นางหารถม้ามาคันหนึ่ง คลี่เปิดพัดแล้วเอาปิดครึ่งหน้า เหลือไว้เพียงสองตาที่ดูเย้ายวน เพียงชั่วพริบตา สารถีก็คล้ายวิญญาณหลุดออกจากร่าง บังคับรถม้าอย่างเหม่อลอย ขับพานางไปส่งยังทะเลสาบลี่หู
หลังจากไปถึงลี่หู เฟิ่งชิงเกอก็ดีดนิ้ว สารถีคล้ายวิญญาณกลับเข้าร่าง พอกวาดตามองไปทั่วก็ตกใจจนแข้งขาอ่อน เขาไม่ได้อยู่บนถนน? เหตุใดถึงมาอยู่ริมทะเลสาบได้…
ทะเลสาบลี่หูไม่เสียแรงที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง มีเรือเริงรมย์เทียบท่าอยู่นับลำไม่ถ้วน เรือแต่ละลำล้วนงดงามจนต้องทอดถอนใจ
เฟิ่งชิงเกอใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนตัวผ่านเรือแต่ละลำไป
หญิงงามกับชายมากสามารถช่วยกันต่อโคลงกลอน เสียงกลองเสียงดนตรีดังไปทั่ว เป็นที่ครึกครื้นยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเกอเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็ถูกแผ่นหลังของบุรุษผู้หนึ่งบนชั้นสองของเรือเริงรมย์ดึงดูดไป บุรุษผู้นั้นยืนพิงระเบียงอยู่ รูปร่างสูงใหญ่ ลมจากทะเลสาบพัดเข้ามาทำให้อาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่ยาวใหญ่ของเขาโบกพลิ้ว ทอดสายตามองไปเขาดูประหนึ่งแสงสุดท้ายก่อนตะวันตกดิน ที่เป็นแสงสว่างท่ามกลางท้องฟ้า
เฟิ่งชิงเกอมองไปมองมาก็ถึงกับเลื่อนสายตาไปไหนไม่ได้อีก
ต้องรู้ก่อนว่านางใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพมานานปี บุรุษหล่อเหลาเพียงใดก็เคยพานพบมาหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ไม่มีทางด้อยไปกว่าคุณชายชั้นเลิศแน่นอน
นี่คือของชั้นเลิศ นางต้องได้มาให้จงได้!
เฟิ่งชิงเกอกระโดดลงไปอยู่ด้านหลังเขาเงียบๆ คลี่เปิดพัดปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง พอยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงที่ราวกับสวรรค์สร้างก็เล็ดรอดผ่านไรฟันออกมา “คุณชายท่านนี้ช่างดูคุ้นตายิ่งนัก เคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่”
บุรุษผู้นั้นไม่รู้ว่าไม่ได้ยินเสียงนางหรืออย่างไร หรือคิดว่านางไม่ได้กำลังเอ่ยกับตน จึงไม่ได้หันมาสนใจ
เฟิ่งชิงเกอก็ไม่นึกโกรธ คุณชายประเภทนี้แลที่สูงส่ง ต้องใช้วาทศิลป์มากสักหน่อย เฟิ่งเชิงเกอเอ่ยเสียงหวานว่า “คุณชาย ข้ากำลังเอ่ยกับท่านอยู่นะเจ้าคะ พวกเราเคยพบหน้ากันที่ไหนมาก่อนรึไม่ อย่าบอกนะว่าข้าจำผิด คุณชายที่สง่างามประหนึ่งหยกเช่นนี้ เทพธิดาอย่างข้าไม่มีทางจำผิดแน่”
บุรุษผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็นพลางค่อยๆ หมุนตัวกลับมา
เฟิ่งชิงเกอกะพริบตา แย้มยิ้มขณะมองไปที่เขา แต่ชั่วขณะที่ได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจน นางก็อึ้งงันไปทันที
นางรีบหันขวับกลับไป!
บุรุษผู้นั้นเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ไม่ได้บอกว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรอกหรือ เหตุใดถึงจะไปแล้วเล่า”
เฟิ่งชิงเกอบีบเสียงให้เล็กลง “ข้าจำคนผิดเอง คุณชายลาก่อน!”
บุรุษผู้นั้นคว้าหัวไหล่นางไว้ เอ่ยเสียงเย็นว่า “ยังคิดจะหนีอกี?”
บุรุษผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือขุนพลน้อยที่ “ไล่สังหาร” นางมานานแล้วผู้นั้น
ถนนหนทางก็ช่างเล็กแคบเหลือเกิน นางอดทนมานานเพียงนี้จนใกล้จะกลายเป็นแม่ชีเต็มทีแล้ว กว่าจะได้ออกมายั่วยวนบุรุษสักทีก็ดันตกได้คนก่อนของนางเสียอีก อย่าโชคร้ายเพียงนี้จะได้รึไม่…
เฟิ่งชิงเกอบิดตัวพลิ้วกายออกจากการกักกันของเขา
บุรุษผู้นั้นยื่นมืออกไปจะคว้าตัวนางอีกครั้ง นางกลับกระโดดลงไปในทะเลสาบ
เขาว่ายน้ำไม่เป็น
บุรุษผู้นั้นได้แต่ตีมือใส่รั้วระเบียง!
จากนั้นสายตาเขาตวัดมองไปเห็นของบางอย่างที่สะท้อนเป็นประกาย เขาหยิบมันขึ้นมาดูจึงเห็นว่าเป็นตราคำสั่งอันหนึ่ง ด้านบนสลักเอาไว้อย่างชัดเจนว่า – จี