หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 353-1 จัดการท่านพ่อจี
ตอนที่ 353-1 จัดการท่านพ่อจี
เจ้าเด็กหมิงอันนี่ หมิงซิวกลับมาก็กลับมาสิ จะตะโกนบอกว่าอัครเสนาบดีมาไปไย
เฉียวเวยออกเดินไปทางประตู จนกระทั่งเดินไปถึงปากประตู ได้เห็นขบวนที่ยาวเหยียด ถึงได้รู้ว่าผู้ที่มาคืออัครเสนาบดีจริงๆ
นางคุ้นชินกับท่าทีอ่อนน้อมและคมในฝักของเขาจนเกือบลืมฐานะของเขาไปแล้ว เขาเป็นอัครเสนาบดีที่มีตำแหน่งและอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของต้าเหลียง ไม่เพียงเท่านั้นเขายังมีเลือดเนื้อของราชวงศ์ เขาเป็นเช่นเดียวกับหลี่อวี้ มีมารดาเป็นองค์หญิงและเป็นญาติสนิทของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นอัครเสนาบดีของต้าเหลียง เขาได้รับการสถาปนาเป็นจวิ้นอ๋องจากฮ่องเต้ แต่เพราะอยู่ในตำแหน่งอัครเสนาบดีมานานเกินไป นานจนกระทั่งทุกคนลืมไปแล้วว่าเขามีฐานะเป็นท่านอ๋องด้วย เวลานี้เขานั่งอยู่บนเสลี่ยงที่ต้องเป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์นั่ง มีองครักษ์หลวงจำนวนสิบหกคนออกแรงแบกเสลี่ยงให้เขา ทุกpjk’ก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคง สีหน้าน่าเกรงขาม นัยน์ตาส่องประสายเย็นชา ทำให้อากาศที่ร้อนระอุราวกับอยู่ในเตาซึ้งดูเย็นลงไปหลายส่วน
นายท่านรองจีเซิ่งได้สติขึ้นมาจากการสลบไปช่วงสั้นๆ จังหวะที่ล้มลงไปท้ายทอยเขากระแทกพื้น เวลานี้จึงเจ็บเอาเรื่องทีเดียว เขานวดท้ายทอยตนเองพลางมองสำรวจไปรอบๆ ถึงได้เห็นว่าตนกับหลี่ซื่อไม่รู้ถูกใครยกตัวไปไว้บนเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไร หลี่ซื่อยังคงไม่ได้สติ ที่พื้นที่องครักษ์ตระกูลจีนอนล้มอยู่สี่คน ภายในห้องเงียบสงัดจนน่าประหลาด เฉียวเวยไม่อยู่แล้ว เจ้ารองกับแม่นางฟู่กลับยังอยู่ พี่สะใภ้ใหญ่ๆๆๆๆ ที่ตายไปแล้วก็ยังอยู่ด้วย!
นี่เขาไม่ได้ตาฝาดไปเองจริงๆ หรือ
พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาฟื้นกลับมาจริงๆ หรือ!
จีเซิ่งตกใจจนเกือบเป็นลมไปอีกรอบ สุดท้ายเขาถึงเห็นว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรวมถึงพี่ชายใหญ่ของเขากำลังมองออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี
ข้างนอกมีอะไรหรือ
จีเซิ่งฝืนความเจ็บปวดที่ศีรษะเดินไปตรงประตู ไอสังหารอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามาตีหน้า เขาตกใจจนตัวสั่น ตั้งใจมองอีกทีก็ถึงกับเกือบเขาทรุด!
เฉียวเวยไม่เคยเห็นหมิงซิวแสดงฐานะของตนในบ้านมาก่อน ครั้งนี้เขามาอย่างยิ่งใหญ่เต็มขบวน เป็นการบอกทุกคนอย่างชัดเจนว่าผู้ใดกันแน่ที่ไม่อาจมีเรื่องด้วยมากที่สุดในบ้านตระกูลจี
จีหมิงซิวลงจากเสลี่ยงแล้วเดินเข้าไปหาเฉียวเวย เขาจับมือนางไว้แน่น เฉียวเวยพลันรู้สึกคล้ายยกภูเขาออกจากอก บางอย่างที่ไม่อยากยอมรับ เวลานี้กลายเป็นชัดเจนยิ่งนัก ความรู้สึกคิดถึง ตื่นเต้น เป็นกังวล…แต่เมื่อได้เห็นสายตาแน่วแน่ของเขา ทุกอย่างก็ค่อยๆ มลายหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกสบายใจอย่างยิ่งยวด
ใช่แล้ว เมื่อมีบุรุษผู้นี้อยู่ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด พวกเขาสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นเรื่องดีได้ทั้งสิ้น จีหมิงซิวจูงมือเฉียวเวยเข้าไปในเสี่ยวอวี่เซวียน
เมื่อครู่ตอนที่ต่อสู้กัน บรรดาบ่าวไพร่ได้แต่ไปหลบกันตามหลังเก้าอี้ด้วยความตกใจ แต่พอจีหมิงซิวเข้ามาในห้อง ทุกคนกลับพากันแข้งขาอ่อน คุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว สายตาจีหมิงซิวหยุดมองที่หน้าจีซั่งชิงคล้ายอยากจะมองทะลุเขาให้ปรุโปร่ง จีซั่งชิงปล่อยให้เขามองประเมินด้วยสีหน้าเรียบเฉย บรรยากาศระหว่างทั้งสองมีแต่ความประหลาด เฉียวเวยมองทั้งสองด้วยความหนักใจ
จีหมิงซิวเอ่ยปากขึ้นก่อน แต่กลับไม่ได้เอ่ยกับจีซั่งชิง “องครักษ์เฉา เมื่อครู่เจ้ากำลังจะไล่ผู้ใด”
องครักษ์เฉาใจเต้นขึ้นมาถึงลูกกระเดือก รีบลนลานคุกเข่า เอ่ยติดอ่างว่า “เรียน…เรียนคุณ…ชายใหญ่ นายท่านมีคำสั่งให้เล่นฮูหยินน้อย คุณชายรอง…กับแม่นางฟู่ออกไปขอรับ นาย นายๆๆ…นายท่านว่า แม่ แม่นางฟู่ทำร้านสวินซื่อ…ให้ไล่ออก…ออกจากตระกูลจี…ฮูหยินน้อยกับคุณชายรองไม่ยอม…นายท่านเลย…เลยมีโทสะ…”
จีซั่งชิงสีหน้าบึ้งตึง “จับเจ้าลูกนอกคอกไว้เดี๋ยวนี้!”
องครักษ์เฉาพลันตาค้าง
จีเซิ่งวิ่งเข้ามา “พี่ใหญ่ท่านเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่”
จีซั่งชิงผลักจีเซิ่งล้มลงบนเก้าอี้ สายตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “องครักษ์ มาจับตัวเขาไว้!”
องครักษ์เฉากลืนน้ำลาย
องครักษ์ในเรือนเห็นเขาไม่ขยับเลยไม่กล้าผลีผลาม
จีซั่งชิงจับที่วางแขนไว้แน่น แววดุดันในวงตาค่อนๆ แปรเปลี่ยนเป็นไอสังหารที่คุกรุ่น ต้องรู้ก่อนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นเลยเป็นบุตรชายคนโตที่เขาทั้งรักและภูมิใจมากที่สุดมาก่อน ถึงแม้หลายปีมานี้ข่าวลือที่ว่าบิดาและบุตรคู่นี้ไม่ลงรอยกันจะมีมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่พูดกันไปเท่านั้น ทุกคนในตระกูลจีต่างเข้าใจดีว่าในใจของจีซั่งชิงมีต่อจีหมิงซิวอย่างไร เขาไม่มีทางเห็นจีหมิงซิวเป็นศัตรูที่ต้องหันอาวุธเข้าใส่เด็ดขาด
จีเซิ่งดึงแขนเสื้อเฉียวเวยด้วยความประหลาดใจ “นี่ เสี่ยวเวย พี่ใหญ่ข้าเป็นอะไรไป ใช่พี่ข้ารึไม่”
เฉียวเวยยังไม่ทันตอบ จีซั่งชิงก็ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้งว่า “องครักษ์!”
จีหมิงซิวเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ต้องเรียกแล้ว คนของเจ้าไม่เหลือแล้ว”
พอพูดจบสือชีก็ถือกระบี่ยาวเดินเข้ามา ตรงปลายกระบี่ยังมีเลือดหยดติ๋งๆ ให้เห็น ตั้งแต่ในสนามจนถึงห้องโถงใหญ่ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งขึ้นมาในพริบตา
จีเซิ่งจับหน้าอกไอแห้งๆ ออกมาทันที
สีหน้าจีซั่งชิงกลับดูอึ้งงันไปเล็กน้อย
องครักษ์เฉารีบหันไปนับองครักษ์ที่ตนพามา เมื่อเห็นว่าไม่ขาดใครไปก็ถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ทว่า…หากคนของเขาไม่เป็นอะไร เช่นนั้นคนที่ถูกสือชีสังหารเหล่านั้นเป็นใครกัน
ด้านล่างเนินเขาในสวนดอกไม้ ศพกว่าสามสิบศพนอนระเกะระกะกันอยู่ที่พื้น บนหัวไหล่ทุกคนมีรอยสักของเยี่ยหลัวอยู่ พวกเขาที่ตายไปไม่รู้สักติดว่าตนตายอย่างไร แต่ละคนนอนจมกองเลือด ตาเบิกโพลง คล้ายกำลังเงยหน้ามองฟ้าทั้งยังกำลังมองหาคนที่ทำร้ายตน
จีหมิงซิวเอ่ยอย่างไม่มีเกรงกลัว “ส่งนายท่านกลับห้อง นายท่านกำลังป่วย หากไม่มีอะไรก็อย่าให้เขาออกมาโดนลม”
นี่เท่ากับเป็นการกักบริเวณจีซั่งชิงแล้ว
มีอายุอยู่มาตั้งนานเพียงนี้ ทุกคนเคยเห็นแต่บิดาสั่งกักบริเวณบุตร ไม่เคยเห็นบุตรสั่งกักบริเวณบิดามาก่อน ใต้เท้าอัครเสนาบดีก็ใจกล้าๆๆ…กล้าๆ เกินไปแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นบิดาแท้ๆ ของตน เขาจะสั่งกักบริเวณบิดาตนเองได้อย่างไร เขาไม่กลัวถูกคนทั้งใต้หล้าด่าว่าเอาหรือ
หากจีหมิงซิวกลัวผู้คนก่นด่าก็คงไม่ใช่จีหมิงซิวแล้ว
องครักษ์เฉาถึงกับปาดเหงื่อ ประสานมือเอ่ยกับจีซั่งชิงว่า “นายท่าน ล่วงเกินแล้ว”
จีซั่งชิงถลึงตาดุ “เจ้ากล้า?”
ข้าไม่กล้าล่วงเกินท่านก็จริง แต่ข้ากลัวใต้เท้าอัครเสนาบดีมากกว่านี่ขอรับ ใต้เท้าอัครเสนาบดีตึกจะโหดขึ้นมากระทั่งบิดาก็ยังกล้าสั่งขัง ข้าที่เป็นเพียงองรักษ์จะไม่ถูกเขาเล่นงานจนตายหรือ
องครักษ์เฉาใช้สันฝ่ามือสับท้ายทอยเขาจนสลบแล้วแยกออกจากเรือนไป
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่างูตัวหนึ่งจะสร้างเรื่องให้ใหญ่โตได้เพียงนี้ แม่นางฟู่ใช่คนที่ทำร้ายสวินซื่อจริงๆ หรือไม่ยังไม่ได้คำตอบ แต่นางกับฮูหยินรองและคุณชายรองเกือบถูกนายท่านไล่ออกจากบ้านตระกูลจีนั่นเป็นความจริง ทุกคนล้วนคิดว่าอย่างไรพวกเขาก็หนีชะตาที่ต้องถูกขับออกจากบ้านตระกูลจีไปไม่พ้น แต่ผู้ใดจะรู้ว่าใต้เท้าอัครเสนาบดีจะกลับมา สถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป กระทั่งองครักษ์เฉาแบกจีซั่งชิงออกจากเรือนไปแล้ว ทุกคนก็ยังไม่หลุดจากภวังค์กันเสียทีเดียว
หงเหมยถูเสื้อผ้าตามตัวก็พบว่าตนเองเหงื่อแตกจนเสื้อเปียกชื้นไป
จีหมิงซิวเอ่ยอย่างไม่ใส่อารมณ์ว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน”
หงเหมยกับบ่าวในเรือนหลีฮวาพากันลนลานออกไป
สายตาจีหมิงซิวหันไปหยุดมองที่หน้าเฟิ่งชิงเกออีกครั้ง
เฟิ่งชิงเกอมีหรือจะกล้าเล่นลูกไม้ต่อหน้าเขา นางถอดหน้ากากออกแต่โดยดี “นายน้อย…”
ปากของจีเซิ่งแทบจะหล่นลงไปกองกับพื้น!
สายตาจีหมิงซิวค่อยๆ เย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งชิงเกอทำตัวเล็กไปหลบอยู่ด้านหลังเฉียวเวย
เฉียวเวยบอกว่า “เป็นความคิดของข้าเอง”
จีหมิงซิวเหลือบมองเฟิ่งชิงเกอ “ออกไป”
เฟิ่งชิงเกอถอยออกไปอย่างขวัญผวา
นายน้อยอะไรนี่ ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย!
นางผสมเกสรแล้วด้วยนะ หากแสดงต่อไปอีกสักเดือนสองเดือนก็จะ “คลอด” ดอกโบตั๋นน้อยได้แล้ว!
เหอะ ช่างเถิด ข้ากลับตำหนักสวรรค์ข้าดีกว่า!
ลูกกระเดือกของจีเซิ่งขยับขึ้นลง สองขาสั่นระริก “เอ่อคือข้า…ข้าต้องออกไปด้วยหรือไม่ เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่เอาไปพูดซี้ซั้ว! พี่ใหญ่ของเจ้า…เอ้ย พี่ใหญ่ของข้า เขาจะไม่มีทางรู้ว่าองค์หญิงเป็นตัวปลอม”
สีหน้าของจีหมิงซิวดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไรนัก เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจว่าเขาจะเอาความจริงออกไปพูดรึไม่ การพูดความจริงออกไปจะต้องเป็นการแทงมีดลงกลางใจของจีซั่งชิงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูจากสิ่งที่จีซั่งชิงกระทำแล้ว จีหมิงซิวจะยังสนใจอีกหรือว่าใจเขาจะถูกมีทิ่มแทงหรือไม่
ทว่า กับจีเซิ่งที่ก่อนหน้านี้ออกมาปกป้องภรรยาของตนกับน้องชาย จีหมิงซิวยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง “ลำบากท่านอารองแล้ว”
เด็กดี เกือบคิดว่าจะถูกเจ้าฆ่าปิดปากเสียแล้ว!
จีเซิ่งอุ้มหลี่ซื่อที่ยังไม่ได้สติวิ่งออกไปจากเสี่ยวอวี่เซวียนไปราวกับลมกรด