หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 363-1 จุดจบอันน่าสังเวช
ตอนที่ 363-1 จุดจบอันน่าสังเวช
ข่าวที่จีหว่านให้กำเนิดลูกแฝดไปถึงหูเหล่าไท่ไท่ตั้งแต่ก่อนเฉียวเวยจะกลับไปถึงบ้านตระกูลจีแล้ว จีเหล่าฮูหยินถึงกับนอนไม่หลับ ชะเง้อคออยู่ที่เรือนลั่วเหมยอย่างเฝ้ารอ
เฉียวเวยอุ้มเด็กน้อยทั้งสามที่หลับไปแล้วกลับเรือนชิงเหลียนก่อนแล้วถึงไปที่เรือนลั่วเหมย
หลี่ซื่อก็มาถึงแล้ว กำลังดื่มชาเป็นเพื่อนจีเหล่าฮูหยิน แต่จีเหล่าฮูหยินมีหรือจะดื่มลง น้ำชาเอามาเปลี่ยนถ้วยแล้วถ้วยเล่า คอยื่นคอยาวจนปวดไปหมด
หลี่ซื่อเห็นแม่สามีร้อนรนเพียงนี้เลยคิดจะให้สือหลิวออกไปดูว่าเฉียวเวยกลับมาหรือยัง แต่เฉียวเวยก็เลิกผ้าม่านเข้ามาพอดี นางมองคนในห้องแล้วยิ้มพลางเอ่ยทักทาย “ท่านย่า อาสะใภ้รอง”
หลี่ซื่อยิ้มด้วยความยินดี “เจ้ากลับมาเสียที หากยังไม่กลับมาอีกท่านย่าเจ้าคงได้ให้คนออกไปรับเจ้าถึงถนนแล้ว!”
ตงเหมยยกเก้าอี้เข้ามา เฉียวเวยนั่งลงข้างหน้าจีเหล่าฮูหยิน “คราแรกก็คิดอยากกลับมาเร็วหน่อย กั๋วกงฮูหยินยินดียากจะคลาย จึงรั้งตัวข้าให้อยู่กินมื้อเย็นด้วย”
ประเด็นสำคัญคือเฉียวเวยช่างไปได้ประจวบเหมาะ แค่จับมือจีหว่าน จีหว่านก็คลอดออกทันที เพราะก่อนหน้านี้หลินฮูหยินเชื่อคำพูดของหลีซื่อ มั่นใจว่าจีหว่านตั้งท้องบุตรสาว ซ้ำยังเป็นบุตรสาวแค่คนเดียวอีกด้วย ดังนั้นเมื่อจู่ๆ ให้กำเนิดบุตรชายตัวอวบอ้วนถึงสองคน หลินฮูหยินถึงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของเฉียวเวย เป็นเฉียวเวยที่ทำให้บุตรสาวคนเดียวของจีหว่านกลายเป็นบุตรชายคู่! ไม่ต้องบอกเลยว่าจะชื่นชอบเฉียวเวยเพียงใด! กินข้าวยังไม่พอ นางยังจับตัวเฉียวเวยมาพูดคุยอีกพักใหญ่ จนกระทั่งหลานหัวแก้วหัวแหวนร้องไห้จ้าแล้วถึงได้ปล่อยให้เฉียวเวยกลับมาอย่างอาลัยอาวรณ์
“สถานการณ์เป็นอย่างไร” หลี่ซื่อถาม
เฉียวเวยเล่าเหตุการณ์ของจีหว่านให้ฟังว่านางคลอดได้ราบรื่นเป็นอย่างดี ได้บุตรชายตัวอวบอ้วนสองคน และทั้งสองคนแข็งแรงดีทุกอย่าง ร้องไห้เสียงดังก้อง ขนาดตัวก็ไม่เล็กเสียด้วย
ท้องแฝดตามปกติหาน้อยนักที่จะอยู่ครบเดือน ต่อให้คลอดออกมาก็มักจะตัวเล็ก จีหว่านกลับอยู่มาได้แทบจะครบกำหนดเลยทีเดียว
จีเหล่าฮูหยินบอกอามิตตาพุทธๆ อยู่พักหนึ่ง หลานคนนี้โตมาแบบมีคนประคบประหงม แต่งงานเข้าตระกูลสามีมาสิบปีก็ยังไม่ให้กำเนิดบุตร ทุกคนปากไม่พูดอะไรแต่ในใจมากน้อยอย่างไรก็มีความเห็นอยู่บ้าง เพียงแต่ติดที่อำนาจบารมีของตระกูลจีกับจีหมิงซิวเลยไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องหย่าภรรยาหรือรับอนุ แต่พวกเขาไม่เอ่ยถึง ในใจจีหว่านก็ไม่นึกรู้แล้วหรอกหรือ หลายปีนี้เปลือกนอกจีหว่านดูเฉยเมยไม่สนใจ แต่ภายในน่ากลัวว่าจะร้อนใจยิ่งกว่าผู้ใดทั้งหมด… ครานี้ดีเลย ในที่สุดนางก็ให้กำเนิดบุตรเสียที
“หว่านหว่านปลอดภัยดีหรือไม่” จีเหล่าฮูหยินเป็นกังวลเพราะจีหว่านอายุอานามเท่านี้แล้วเพิ่งให้กำเนิดบุตร นางอาจจะทนรับไม่ไหว
เฉียวเวยบอกตามจริงว่า “ปลอดภัยดีเจ้าค่ะ”
โชคดีด้วยที่ใต้เท้าเจ้าสำนักกลับมาแล้ว จีหว่านกลับมาบ้านตระกูลจีทุกสามวันสองวัน เดินทางจนร่างกายแข็งแรงดี พอถึงคราวจะคลอดบุตรจึงไม่มีปัญหาอะไรสักนิด
จีเหล่าฮูหยินเลยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พอคิดอะไรได้ก็ถามต่อว่า “หลินฮูหยินดีใจมากสิท่า?”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “ดีใจแทบแย่เชียว!”
จีเหล่าฮูหยินพยักหน้าหงึกหงัก “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี!”
หลี่ซื่อเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าบอกไว้ว่าอย่างไร หว่านหว่านจะต้องคลอดบุตรชายตัวอวบอ้วนออกมาได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่ ท่านนั่นแหละ คิดมากจนกลัวไป นี่ก็ดึกมากแล้ว หว่านหว่านก็ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกแล้ว ท่านคงจะสบายใจได้แล้ว ข้าพาท่านเข้าห้องไปพักผ่อนดีกว่านะเจ้าคะ”
“เอาสิ!” จีเหล่าฮูหยินลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือให้เฉียวเวย “เจ้าก็วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว รีบกลับห้องไปพักเถิด”
เฉียวเวยพยักหน้าแล้วกลับไปยังบ้านชิงเหลียน
ไม่รู้ฮ่องเต้กับจีหมิงซิวหารือกิจสำคัญของบ้านเมืองอะไรกันอยู่ เขายังไม่กลับมา กลับเป็นวั่งซูที่มักขี้เซาอยู่เป็นนิจ ไม่รู้เหตุใดจู่ๆ ถึงรู้สึกตัวขึ้นมา จากนั้นก็นอนไม่หลับอีก เลยไปตักน้ำถังหนึ่งมาจากบ่อน้ำข้างนอก เอามาเทใส่กะละมังใบเล็กที่ใช้สำหรับอาบน้ำโดยเฉพาะ ใช้มือน้อยๆ อวบอ้วนของนางตีน้ำ แล้วหิ้วตัวเสี่ยวไป๋มา
เสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าวั่งซูจะทำอะไร จึงไม่ได้ขัดขืน แต่กลายเป็นว่าพอเห็นน้ำเต็มกะละมังที่แทบจะล้นออกมา…
วันนี้วั่งซูไปเยี่ยมน้องชายมา ตอนน้องชายอาบน้ำน่ารักมาก แต่นางไม่มีน้องชายนี่ เลยทำได้แค่เอาตัวเสี่ยวไป๋มาอาบน้ำสักหน่อย
เสี่ยวไป๋เกลียดการอาบน้ำ!
อุ้งมือของเสี่ยวไป๋ตะกายไม่หยุด คิดอยากจะหนีออกจากฝ่ามือมารของวั่งซู แต่ฝ่ามือมารของวั่งซูจะหนีออกมาง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร
พอได้ยินเสียงตูม ตัวมันก็ถูกจับกดลงน้ำไปเสียแล้ว!
วั่งซูขัดสีฉวีวรรณด้วยท่าทางทะมัดทะแมง เริ่มจากสระผมแล้วล้างคอ ตามด้วยล้างตัว…
เสี่ยวไป๋ถูกขัดถูเสียจนตาลอยคว้าง!
วั่งซูมองตรงหว่างขาของเสี่ยวไป๋ นางหาอยู่เป็นนานก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอ๋? เสี่ยวไป๋เจ้าไม่ใช่น้องชายหรอกหรือ พี่ชายบอกว่าต้องเป็นน้องชายถึงจะมีของสิ่งนี้ แต่เจ้าก็ไม่มีเหมือนกัน!”
เสี่ยวไป๋จับตัวเสี่ยวไป๋ไว้ รู้สึกได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง!
วั่งซูอาบน้ำเสี่ยวไป๋เสียตัวหอมฉุย ใช้ผ้าไหมเช็ดตัวให้เขาเสร็จก็จับเขาใส่เสื้อผ้า ต้าไป๋วิ่งฉิวมา พอเห็นเสี่ยวไป๋ที่วั่งซูอุ้มอยู่ก็แยกเขี้ยวออกมาอย่างข่มขู่
ก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดเจ้าเปี๊ยกนี่อยู่ๆ ถึงได้หายไป ที่แท้ก็หนีมาสอพลออยู่นี่นี่เอง!
การแอบมาสอพลอลับหลังเช่นนี้ ไม่น่ารักเอาเสียเลย!
ต้าไป๋วิ่งเข้ามาอย่างออดอ้อนราวกับแมวน้อย นัวเนียกับขาของวั่งซูแล้วร้องหง่าวๆ อย่างอ่อนหวาน
วั่งซูหันไปมองต้าไป๋ “เจ้าก็อยากอาบน้ำหรือ”
ต้าไป๋ยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิ ก่อนจะกระโดดลงกะละมังไปอย่างให้ความร่วมมือ
วั่งซูวางเสี่ยวไป๋ลงบนเตียงแล้วเริ่มอาบน้ำให้ต้าไป๋บ้าง ตัวของต้าไป๋ใหญ่กว่าเสี่ยวไป๋มาก เนื้ออวบแน่น ขนก็ดกหนา เพียงพอนทุกตัวถือเอาขนเพียงพอนเป็นความภาคภูมิใจ พูดอย่างไม่เกินไปนักก็คือ แค่นับจากปริมาณขน ต้าไป๋นั้นขนหนากว่าเสี่ยวไป๋หลายเท่า ดังนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าเสี่ยวไป๋ ต้าไป๋จึงมักจะหยิ่งผยองอยู่เสมอ!
ต้าไป๋นอนอยู่ในน้ำอย่างสบายอารมณ์ กางแขนกางขากว้างเป็นรูปปลาดาว ขนเพียงพอนที่อ่อนนุ่มแผ่กระจายอยู่ในน้ำ ตัวกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ตามแรงกระเพื่อมของน้ำ เหลือบมองไปคล้ายก้อนเมฆที่อ่อนนุ่ม
มือน้อยของวั่งซูคว้าเอาก้อนสบู่ (ที่ไม่มีอยู่จริง) แล้วถูศีรษะต้าไป๋เบาๆ ไม่นานต้าไป๋ก็หัวล้าน
วั่งซูถูแขนต้าไป๋ ขนแขนก็หายหมด
พอถูไปถึงหว่างขาของต้าไป๋ ขนขาก็หมดเกลี้ยง!
วั่งซูลูบไปถึงหางของต้าไป๋ หางนี้เป็นสิ่งที่มันใช้หาคู่ หากกระทั่งขนตรงนี้ก็หายเกลี้ยงหมด มันคงหาคู่ไม่ได้แล้ว!
ขนเพียงพอนที่เหลืออยู่ของต้าไป๋พลันตั้งชัน กระโดดเด้งออกจากกะละมังทันที!
วั่งซูคว้าตัวต้าไป๋ไว้ “ต้าไป๋เจ้าอย่าเพิ่งไปสิ ข้ายังไม่ได้อาบน้ำให้เจ้าเลย”
ต้าไป๋พลันตะกายอุ้งมือ ถูกจับกดลงไปอีกครั้งอย่างน่าสงสาร
ต้าไป๋ไม่อาบแล้ว!
วั่งซู “สระผมก่อน”
ช่วยด้วย—
วั่งซู “แล้วค่อยถูคอ”
ช่วยด้วย…
ตอนเฉียวเวยเข้าไปในห้อง ต้าไป๋อาบน้ำเสร็จและไปนอนอยู่บนตัวเสี่ยวไป๋แล้ว เนื้อตัวโกร๋นไปหมด ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผ้าไหม ในมือถือผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก เอามือปิดหน้านอนสะอื้นอยู่เงียบๆ …
เฉียวเวยเอาตัวพวกเขากลับห้อง เจ้าไป๋ทั้งสองนอนในตะกร้าแขวนของตน หลังจากได้นอนในตะกร้าตั้งแต่สมัยอยู่ในปราสาทไซน่า เด็กตัวน้อยทั้งสามก็หลงใหลในอุปกรณ์การนอนนี้เสียแล้ว เฉียวเวยเลยให้นายช่างทำของสิ่งนี้ไว้ในห้องสามอัน สำหรับสัตว์น้อยตัวละอัน จูเอ๋อร์กำลังนอนหลับฝันหวาน ส่วนเจ้าไป๋สองตัว ตัวหนึ่งถูกทำร้ายร่างกาย ตัวหนึ่งถูกทำร้ายความภาคภูมิใจ จึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะไม่นอนแล้ว!
หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที เสียงกรนคร่อกฟี้ๆ ของเจ้าไป๋ทั้งสองก็ดังขึ้น…
เฉียวเวยจับวั่งซูเข้าไปในผ้าห่ม วั่งซูเบิกตากลมโตใสแจ๋ว มองเฉียวเวยตาแป๋ว เฉียวเวยบอกเสียงเข้มว่า “หลับตาเสีย ห้ามลืมตานะ!”
วั่งซูหลับตาอย่างว่าง่าย
เฉียวเวยลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
วั่งซูลอบเผยอเปลือกตา
เฉียวเวยเอ่ยโดยไม่ต้องหันไปมองว่า “หลับตา!”
เฮือก ท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่านางลืมตา? ท่านแม่มีตาหลังหรืออย่างไรนะ!
ใจดวงน้อยของวั่งซูสั่นไหว รีบหลับตาลงทันที
ครั้งนี้นับว่านอนหลับเสียที
…
วังหลวง ภายในอุทยานหลวงที่มีแสงไฟสาดส่อง ฮ่องเต้กับจีหมิงซิวเลือกนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ในศาลารับลมที่เงียบสงบ
ฮ่องเต้ราชกิจรัดตัว ตอนกลางวันต้องว่าราชการ ต้องสะสางฎีกา แล้วยังต้องรับมือกับพวกขุนนางที่ชอบหาเรื่องเหล่านั้นอีก เวลาของตัวเองจึงมีไม่มากนัก มีเพียงตอนดึงสงัดเท่านั้นถึงจะเรียกจีหมิงซิวมานั่งคุยเป็นเพื่อนได้
“ใกล้จะเดือนแปดแล้ว” ฮ่องเต้ทรงวางหมากสีขาวลง “อีกสองเดือนพิษในตัวเจ้าก็จะกำเริบแล้ว แต่เจ้ากลับดูไม่ร้อนใจเลยสักนิด?”
จีหมิงซิวย่อมไม่ร้อนใจ พิษหยกเถาวัลย์ม่วงในตัวเขา ฟู่เสวี่ยเยียนช่วยถอนพิษให้แล้ว อย่าว่าแต่สองเดือนเลย ต่อให้สองปีแล้วอย่างไร
ในใจเขาคิดเช่นนี้แต่ปากกลับบอกว่า “กระหม่อมใช่ว่าไม่ร้อนใจ เพียงแต่ร้อนใจไปก็หามีประโยชน์ไม่ ใจร้อนจะไม่มีได้กินเต้าหู้ร้อน เรื่องบางอย่างยังต้องค่อยๆ คิดวางแผน”
ฮ่องเต้จึงตรัสว่า “น่ากลัวว่าเจ้าคงไม่มีเวลาเช่นนั้นกระมัง”
จีหมิงซิววางหมากสีดำลง “กระหม่อมนับวันอยู่ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
ฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ “ข้าได้ยินว่าที่บ้านเจ้ามีศิษย์จากซู่ซินจงมาหา เกิดอะไรขึ้น”
จีหมิงซิวตอบหน้าตาเรียบเฉย “ไม่ใช่ศิษย์จากซู่ซินจง แต่เป็นสายลับที่เยี่ยหลัวแฝงไว้ในซู่ซินจง ฐานะไม่ต่ำต้อยเสียด้วย”
“ฐานะไม่ต่ำต้อย?” ฮ่องเต้คล้ายเหลือบมองจีหมิงซิวทีหนึ่ง
จีหมิงซิวมองตอบสายตาฮ่องเต้ด้วยท่าทีสบายๆ “ฝ่าบาทเคยได้ยินชื่อจวนมู่อ๋องหรือไม่”
ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์ “ไม่เคย”