หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 365-2 วั่งซูกลั่นแกล้งคนชั่ว
ตอนที่ 365-2 วั่งซูกลั่นแกล้งคนชั่ว
ในเวลานั้นเอง วั่งซูเอาตัวชนต้นไม้โดยไม่มีลังเล ชายร่างกำยำรู้สึกคล้ายภูเขาสั่นสะเทือน จากนั้นตัวเขาพร้อมกับขวดยาก็ตกลงมาพร้อมกัน ตัวกระแทกกับพื้นจนมึนไปหมด
หากชายร่างกำยำคิดว่าความโชคร้ายของตนจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เขาก็ใสซื่อเกินไปแล้ว
วั่งซูมองชายร่างกำยำที่ตกลงมาสภาพสะบักสบอม นางจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็คือคุณอาที่ม้าของตนไปเหยียบผ้าเช็ดหน้าเขาเข้า เดิมทีเมื่อช่วงเช้าเหยียบผ้าเช็ดหน้าของคุณอาไปก็น่าละอายใจพอแล้ว เวลานี้นางยังยิงธนูถูกคุณอาจนได้รับบาดเจ็บอีก ใจดวงน้อยๆ ของเด็กหญิงวั่งซูคล้ายรู้สึกผิดถึงขีดสุด!
นางไม่สนใจจะไปที่สวนผลไม้อีก รีบวิ่งไปหาอาจารย์เฉิน แต่อาจารย์เฉินไม่รู้ว่าเดินไปไกลถึงที่ใดแล้ว เลยไม่เห็นแม้แต่เงา หันไปมองนักเรียนเหล่านั้นอีกที พวกเขาก็ไปกันที่สวนผลไม้หมดแล้ว วั่งซูไม่รู้จะทำอย่างไร เลยจำต้องคว้าคอเสื้อของบุรุษร่างกำยำแล้วลากเขาไปตลอดทางจนถึงที่พักของอาจารย์จย่า
หลิวเกอร์ก็วิ่งเหยาะตามมาด้วย
“อาจารย์จย่า! อาจารย์จย่า! มีคุณอาท่านหนึ่งได้รับบาดเจ็บ รีบมารักษาให้เขาที!” วั่งซูตะโกนดังลั่น
แต่น่าเสียดายที่อาจารย์จย่าไม่อยู่
วั่งซูวางเขาลงที่สนาม ส่วนตนกับหลิวเกอร์ไปนั่งอยู่บนบันไดของระเบียงทางเดิน มือน้อยๆ ยกขึ้นเท้าคาง ถอนหายใจอย่างแก่แดดแก่ลม
ไม่รู้ว่าถอนหายใจไปอยู่นานเพียงใดจนกระทั่งนางรู้สึกหิว อาจารย์จย่าก็ยังไม่กลับมาเสียที
ลมหายใจของชายร่างกำยำแผ่วบางลงทุกที สำคัญเลยคือตอนที่ตกลกงมา กับระหว่างที่ถูกลากมาก็ถูกรัดคอเสีย…
วั่งซูตีหน้าจริงจัง “ท่านแม่บอกว่าช่วยคนก็เหมือนดับไฟ จะรอต่อไปไม่ได้ หากรอต่อไปท่านอาคงเอาชีวิตไม่รอดแน่! ท่านอา!”
นางกระโดดลงมาตรงหน้าชายร่างกำยำ “ข้าช่วยดึงธนูออกให้ท่านก็แล้วกัน!”
ชายร่างกำยำมองวั่งซูด้วยความหวาดผวา เดิมทีตอนโดนลากมาก็ถูกรัดคอจนหายใจไม่ออกแล้ว เวลานี้อุตส่าห์ได้หายใจคล่องๆ ก็ดันจะเกือบทำให้ตกใจตายเสียอีก!
ธนูประเภทนี้จะฝืนดึงออกมาเฉยๆ ไม่ได้นะ!
วั่งซูจับตัวธนูไว้มั่น
ชายร่างกำยำ “ไม่”
ไม่หรือ? แต่ดึงออกมาแล้วนะ
“เอา”
เอาหรือ? วั่งซูเลยดึงธนูอีกดอกที่เหลืออยู่ออกมาด้วย
ชายร่างกำยำแทบอยากจะเป็นบ้า ข้าพูดว่าไม่เอา ไม่เอา เจ้าฟังรวมกันเป็นคำเดียวไม่ได้หรือ!
ธนูหัวใหญ่เช่นนี้จะฝืนดึงออกมาเลยไม่ได้จริงๆ หากดึงออกเลือดจะกระฉูดออกมา ชายร่างกำยำเห็นต้นขาของตนมีน้ำพุสีแดงสดทะลักออกมา ความรู้สึกชอกช้ำอันยากจะบรรยายก็พรั่งพรูขึ้นมาในจิตใจทันที
เขาไม่ได้แค่จะจับเด็กคนหนึ่งหรือ เหตุใดถึงถูกจับจนอยู่ในสภาพนี้เสียเอง…
หลิวเกอร์ก็เห็น “น้ำพุตาเล็ก” เช่นกัน เขากลัวเลือดจึงสองตาลอยคว้างแล้วสลบไป ล้มลงกับพื้นหญ้าไปทั้งอย่างนั้น!
ในตอนนั้นวั่งซูไม่มีเวลาสนใจหลิวเกอร์แล้ว ด้วยความที่นางเป็นหมอเทวดาตัวน้อยที่เพียบพร้อมในคุณสมบัติ (ครบบ้างไม่ครบบ้าง) นางจึงเข้าใจดีถึงความเร่งร้อนในอาการเจ็บป่วย เวลานี้ภารกิจสำคัญของนางก็คือต้องห้ามเลือดให้คนไข้เสียก่อน!
นางจำได้ว่าทุกครั้งที่ท่านแม้ห้ามเลือดให้ผู้ใด จะต้องทาผงยาสีขาวลงบนแผลก่อนทุกครั้ง ในที่พักอาจารย์จย่าจะต้องมียาประเภทนั้นอยู่เป็นแน่
วั่งซูวิ่งเข้าไปในห้องของอาจารย์จย่าแล้วค้นหาอยู่พักหนึ่ง นางหาโถสีขาวใบหนึ่งเจอ ในโถอัดแน่นไปด้วยก้อนสีขาวเม็ดเล็กๆ เม็ดๆ เหล่านั้นถึงแม้จะต่างกับผงที่นางตามหาอยู่เล็กน้อย แต่ก็เป็นสีขาวเหมือนกัน พอจะถูไถว่าเป็นผงชนิดเดียวกันได้!
วั่งซูอุ้มเอาโถใบเล็กนั้นมาตรงหน้าชายร่างกำยำ ข้างในโถยังมีช้อนใส่อยู่ด้วย เรียกได้ว่าสะดวกมากทีเดียว
วั่งซูเปิดโถออก ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วสาดใส่แผลที่ขาข้างขวาของชายร่างกำยำ ชายร่างกำยำร้องอ๊ากเสียงดังลั่น “เจ้าแน่ใจหรือว่านี่ไม่ใช่เกลือน่ะ”
“เกลือหรือ?” วั่งซูชิมคำหนึ่ง รสออกเค็ม เป็นเกลือจริงๆ เสียด้วย “อ้อๆ ข้าหยิบผิด ขอโทษด้วยนะท่านอา ท่านรออยู่นี้เดี๋ยว ข้าจะไปหาดูอีกที!”
ขอร้องล่ะอย่าหาอีกเลย…
วั่งซูเข้าไปหาอยู่ในห้องอีกพักหนึ่ง อย่าพูดไป ครั้งนี้นางหาผงยาสีขาวๆ เจอแล้วจริงๆ โถใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มทีเดียว นางอุ้มโถที่สูงใหญ่กว่าตัวนางเดินหอบแฮ่กๆ ออกมา เอาโถนั้นวางลงตรงหน้าท่านอา มือน้อยๆ ยกขึ้นเช็ดเหงื่อ หอบหนักๆ อย่างเกินจริงขณะบอกว่า “เหนื่อยจังเลยๆ!”
ชายร่างกำยำได้แต่กรอกตาบนใส่ เจ้าเหนื่อยแล้วหรือนี่ เจ้าลากข้าได้อย่างกับลากลูกไก่เช่นนั้น แค่โถอันหนึ่งจะยกไม่ไหวเชียวหรือ
จากนั้นสายตาของชายร่างกำยำหยุดมองผงสีขาวในกระบวยอันใหญ่ที่วั่งซูถืออยู่ เห็นอย่างนั้นเขาก็ชาวาบไปทั้งตัวทันที!
นี่ไม่ใช่ปูนขาวหรอกหรือ!
“เจ้าอย่าใช้เลย”
วั่งซูแบมือน้อยๆ ของตนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ใช้ไม่ได้ ท่านแม่เคยบอกไว้ คนป่วยอย่างพวกท่านนี่ดื้อที่สุดแล้ว! แต่หากดื้อเช่นนี้แล้วจะหายป่วยได้อย่างไร”
ชายร่างกำยำพลันน้ำตาไหลพราก “เช่นนั้นเจ้าใช้เกลือจะดีกว่า”
ขอร้องล่ะช่วยสาดเกลือใส่แผลข้าที…ข้าขอร้อง…
วั่งซูใช้ผงยา (เกลือ) จัดการทำแผลให้ชายร่างกำยำ ทั้งยังใช้ผ้าสะอาดพันแผลให้อย่างดี ห้ามเลือดไว้ได้แล้ว แต่ชายร่างกำยำก็ยังเจ็บจนเกือบเป็นลมไป
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วชายร่างกำยำไม่ได้รอจนอาจารย์จย่ากลับมา เพราะไม่เท่าไรเถ้าแก่ร้านไม้ก็เห็นว่าคนงานของตนหายไป เถ้าแก่ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าคนของตนไปหลงทางอยู่ในสำนักศึกษา จึงวุ่นตามหาอยู่ในสำนักศึกษาพักหนึ่ง สุดท้ายก็มาเจอช่างไม้ที่ตนจ้างมาที่เรือนของอาจารย์จย่า
วั่งซูบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ซ้ำยังขอโทษขอโพยกับเถ้าแก่อย่างมีมารยาทเสียด้วย “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะท่านลุง ข้ากับหลิวเกอร์ไม่ได้จะตั้งใจจะทำร้ายท่านอา พวกเราคิดจะยิงไปเข้าเป้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะยิงขึ้นไปบนต้นไม้…”
เรื่องเช่นนี้จะโทษเด็กได้อย่างไร คนเขาฝึกยิงธนูอยู่ในสนามดีๆ ผู้ใดใช้ให้เจ้าคนนี้หนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เล่า จะว่าไปเจ้าคนนี้ไม่อยู่ทำงานดีๆ หนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ทำไมกัน
หรือว่าเจ้าคนนี้ไม่ได้มาทำงาน แต่คิดจะมาขโมยของ?
อย่างนี้คงไม่ได้การ!
ตนพาหัวขโมยเข้ามา! โอ้สวรรค์! เด็กสองคนนี้ไม่เป็นอะไรกระมัง!
หลิวเกอร์พอจะกลับมามีแรงแล้วจึงลุกขึ้นมายืนตัวตรงอยู่ข้างวั่งซู
เถ้าแก่มองเด็กทั้งสองที่หน้าตาหมดจด แล้วหันไปมองชายร่างกำยำที่หน้าตาบวมช้ำ ตามตัวเต็มไปด้วยเลือด สองขาถูกห่อพันจนแทบจะเป็นลูกบ๊ะจ่างก่อนจะกระตุกมุมปากเงียบๆ ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงผิดคนแล้ว…
เถ้าแก่หัวเราะแหะๆ “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น ข้าจะให้เขาไปเด็ดผลไม้ที่สวน น่ากลัวว่าเขาคงจะไปผิดที่ ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเขาไว้ เช่นนั้นข้าพาตัวเขากลับไปก่อน…”
วั่งซูยืดอกน้อยๆ ของตนพร้อมเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจยิ่งว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก บ้านข้าเปิดโรงจับยาอยู่ ท่านแม่ข้าบอกว่าช่วยคนตายรักษาคนเจ็บเป็นหน้าที่ของคนเป็นหมอ! เรื่องเหล่านี้ข้าสมควรทำอยู่แล้ว! แล้วเจอกันใหม่นะท่านลุง! แล้วเจอกันใหม่นะท่านอา!”
ชายร่างกำยำ: ขอร้องอย่าให้ได้เจอกันอีกเลย