หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 379-1 ความจริงของเจาหมิง (2)
ตอนที่ 379-1 ความจริงของเจาหมิง (2)
ฐานะของตระกูลกู่ในเผ่าเยี่ยหลัวก็เหมือนฐานะของตระกูลจีในต้าเหลียง พวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่อายุร้อยปีที่มีอิทธิพลต่อแคว้น สิ่งที่แตกต่างกันก็คือตระกูลกู่แบ่งออกเป็นสองสายตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ กลายเป็นตระกูลกู่ใต้กับตระกูลกู่เหนือ
เหตุผลที่ตระกูลกู่แยกจากกันไม่ใช่เพราะเกิดความไม่ลงรอยในตระกูล แต่เป็นเพราะเผ่าเยี่ยหลัวรีบร้อนจะขยายอาณาเขตในทะเลทราย บุตรชายคนรองของตระกูลสายหลักของตระกูลกู่จึงนำกำลังพลใต้บัญชาออกไปตามหาแหล่งน้ำที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยในทะเลทราย ต่อมาก็หาพบแห่งหนึ่งจริงๆ หลังจากหาพบแล้ว พวกเขาจึงลงหลักปักฐานที่นั่น บุกเบิกที่ดินรกร้างไปพลาง เฝ้าปกป้องชายแดนของเยี่ยหลัวไปด้วย
นับตั้งแต่นั้นเผ่าเยี่ยหลัวก็มีตระกูลกู่สองแห่ง
เพราะแหล่งน้ำแห่งนี้อยู่ทางใต้ของเผ่าเยี่ยหลัว ดังนั้นตระกูลกู่ที่นี่จึงถูกเรียกว่าตระกูลกู่ใต้ ส่วนตระกูลกู่ที่อยู่ในเมืองหลวงถูกเรียกว่าตระกูลกู่เหนือ
ถึงพวกเขาจะแบ่งออกเป็นตระกูลใต้กับตระกูลเหนือ แต่เนื่องจากอาณาเขตของเผ่าเยี่ยหลัวไม่กว้างมากนัก ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงเดินทางไปกลับระหว่างกันได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ทั้งสองตระกูลมักไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง คบหากันอย่างกลมเกลียวอย่างยิ่ง
หายนะเริ่มต้นเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน เวลานั้นเจาหมิงยังไม่ถือกำเนิด กู่เฉียนบิดาของนางเป็นบุตรชายคนโตสายตรงของตระกูลกู่ใต้
ในเผ่าเยี่ยหลัว เรื่องเล่าเกี่ยวกับตระกูลกู่เล่าสามวันสามคืนก็ยังไม่จบ หนึ่งในเรื่องที่เลื่องลือที่สุดก็คือเรื่องที่ตระกูลกู่เป็นทายาทของหงส์และสตรีตระกูลกู่เกิดมาเพื่อเป็นฮองเฮา
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คนจนปัญญาก็คือ ไม่รู้ว่าตระกูลกู่ประสบเคราะห์ร้ายอันใด จึงมีบุรุษมากกว่าสตรี ไม่ว่าจะตระกูลกู่ใต้หรือตระกูลกู่เหนือ เก้ารุ่นที่ผ่านมาล้วนมีแต่บุรุษ ตระกูลกู่ใต้พอมาถึงรุ่นของกู่เฉียนก็มีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว
กู่เฉียนในยามนั้นเกิดมาหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม เต็มไปด้วยสง่าราศี ทั้งยังเปี่ยมด้วยความสามารถ พรสวรรค์เชิงวรรณศิลป์โดดเด่นเหนือใคร ราชาไว้วางพระทัยเขาอย่างยิ่ง จึงหมั้นหมายบุตรสาวคนเล็กที่ตนรักที่สุดกับเขา
คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มมากความสามารถ คนหนึ่งเป็นหญิงโฉมสะคราญ เป็นคู่สร้างคู่สมอย่างแท้จริง
องค์หญิงเล็กผู้นั้นพอใจกับการสมรสหนนี้มาก นางให้นางกำนัลตัดชุดแต่งงานรอไว้ล่วงหน้าเนิ่นนาน รอแต่วันฤกษ์มงคลให้ราชบุตรเขยชื่นชม
ตอนที่พระราชทานสมรส กู่เฉียนกำลังเดินทางอยู่ข้างนอก เขายังไม่ทราบว่าตนเองถูกราชวงศ์ยัดเยียดคู่หมั้นมาให้คนหนึ่ง สามเดือนหลังจากนั้นเมื่อเขาพาหญิงสาวกำพร้าไร้บิดามารดาคนหนึ่งกลับมาที่เผ่าเยี่ยหลัวแล้วประกาศว่าจะตบแต่งกับนาง ตระกูลกู่ใต้ทั้งตระกูลก็แตกตื่น
ยังไม่ต้องพูดถึงการสมรสกับองค์หญิง ต่อให้ไม่มีงานสมรสนี้ ผู้สืบทอดตระกูลกู่ก็ไม่มีทางตบแต่งกับสตรีที่ประวัติความเป็นมาไม่ชัดได้อย่างแน่นอน หลายร้อยปีก่อนเผ่าเยี่ยหลัวถูกคนฮั่นทรยศ ราชวงศ์ของชาวฮั่นทุกราชวงศ์ต่างอยากจะสังหารคนเยี่ยหลัวให้สิ้นซาก ผู้ใดจะรับประกันได้ว่าสตรีกำพร้าไร้บิดามารดานางนี้ไม่ใช่สายลับที่คนฮั่นส่งมา
สตรีนางนั้นมีนามอันไพเราะว่าอวิ๋นจู
กู่เฉียนสาบานต่อหน้าบิดาว่าอวิ๋นจูไม่ใช่สายลับของชาวฮั่น นางไม่ใช่ศัตรูของเยี่ยหลัวและจะไม่มีวันเป็น น่าเสียดายตระกูลกู่ไม่เชื่อ พวกเขาบีบบังคับให้กู่เฉียนบอกประวัติความเป็นมาของอวิ๋นจูออกมา แต่มิว่าพวกเขาจะข่มขู่บังคับหรือหลอกล่ออย่างไร กู่เฉียนก็กัดฟันบอกว่าอวิ๋นจูเป็นสตรีกำพร้าไร้บิดามารดาที่เขาบังเอิญพบในชนเผ่าเล็กๆ แห่งหนึ่งในทะเลทราย
เจ้าตระกูลกู่ถูกลูกอกตัญญูคนนี้ทำให้โกรธจนแทบกระอัก แต่เขาก็ทำอันใดกู่เฉียนไม่ได้ หากเขามีบุตรชายคนที่สอง เขาก็คงถีบหัวส่งกู่เฉียน ให้บุตรชายคนอื่นตบแต่งกับองค์หญิงไปแล้ว
กระดาษย่อมห่อไฟไม่มิด ข่าวที่กู่เฉียนพาสตรีนางหนึ่งกลับมาแพร่ไปถึงในพระราชวังอย่างรวดเร็ว องค์หญิงกลับมิได้ทรงพิโรธมากมาย แต่นางเรียกตัวอวิ๋นจูเข้าไปในห้องบรรทมของตนเอง หลังจากจับเข่าคุยยาวนานตลอดทั้งบ่าย องค์หญิงก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอถอนหมั้นกับราชาด้วยตนเอง
ไม่มีผู้ใดทราบว่าอวิ๋นจูกล่าวสิ่งใดกับองค์หญิง ถึงทำให้องค์หญิงยินยอมพร้อมใจยอมถอดใจจากการสมรสของตนเอง ไม่ว่าอย่างไรองค์หญิงก็หลีกทางให้อวิ๋นจูกับกู่เฉียนแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น นางยังเกลี้ยกล่อมราชาไม่ให้ลงโทษสองคนนี้อีกด้วย
พระธิดาองค์นี้เป็นบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากรักแท้ชั่วชีวิตของราชา แต่สตรีผู้เป็นยอดดวงใจคนนั้นไม่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขานานนัก เขาจึงเอาความคิดถึงมาทุ่มเทกับตัวธิดาองค์เล็ก พระธิดาองค์เล็กบอกไม่ให้ลงโทษ เขาก็ไม่ลงโทษจริงๆ
เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ เฉียวเวยก็คิดว่าอวิ๋นจูกับกู่เฉียนจะมีความสุขด้วยกันตลอดรอดฝั่งเสียอีก แต่เรื่องราวหลังจากนั้นกลับทำให้เฉียวเวยเบิกตาค้างแทบถลน
หลังจากราชวงศ์เปิดทางให้สมประสงค์ กู่เฉียนก็ตบแต่งอวิ๋นจูเข้าตระกูลได้สมดั่งใจ
อวิ๋นจูเป็นสตรีผู้สงบเสงี่ยม นางไม่วิวาทไม่แย่งชิง ทั้งยังไม่ไปประจบเอาใจพ่อแม่สามีให้ตัวเองถูกเมิน เวลาส่วนใหญ่นางอยู่ในเรือนของตนเองอย่างสงบเงียบ เวลาผ่านไปนานเข้า คนในตระกูลกู่ก็เริ่มไม่เกลียดชังนางเท่ากับตอนแรกแล้ว
อวิ๋นจูกับกู่เฉียนรักกันดียิ่ง ไม่ถึงครึ่งปีก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของทั้งสองคน
หลังจากตั้งครรภ์ ท่าทีที่พ่อแม่สามีปฏิบัติต่อนางก็เปลี่ยนกลับตาลปัตร ไม่เพียงอนุญาตให้นางมาคารวะทุกวัน แต่ยังส่งของบำรุงชั้นเลิศในบ้านไปให้เรือนของนางอีกด้วย
ในที่สุดบิดามารดาก็ยอมรับอวิ๋นจูแล้ว เรื่องนี้ทำให้กู่เฉียนดีใจอย่างยิ่ง วันเทศกาลจงชิว เขาจัดงานไหว้พระจันทร์ที่ทำให้เผ่าเยี่ยหลัวฮือฮา ในงานเลี้ยงเขาเชื้อเชิญคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อแคว้นเยี่ยหลัวมาทั้งหมด ในหมู่คนเหล่านั้นมีอาจารย์ไสยเวทจากตำหนักราชครูด้วย
ในหมู่อาจารย์ไสยเวทตอนนั้น มีเด็กหนุ่มที่พรสวรรค์โดดเด่นเป็นพิเศษอยู่คนหนึ่ง เขาอายุเพียงสิหกปีก็เอาชนะศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหมดได้ ได้รับความไว้วางใจจากราชครูอย่างยิ่ง ราชครูรุ่นนั้นฝึกฝนวิชาสำเร็จเพียงขั้นอาจารย์ไสยเวทระดับสูง ราชครูทำนายว่า ไม่เกินสิบปีเด็กคนนี้จะต้องกลายเป็นปรมาจารย์ไสยเวทที่เทียบเคียงกับบรรพบุรุษราชครูเมื่อหลายร้อยปีก่อนของเผ่าเยี่ยหลัว
ความจริงพิสูจน์ว่าคำทำนายของราชครูไม่ผิด ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็กลายเป็นปรมาจารย์ไสยเวทที่ร้อยปีจะมีสักคนจริงๆ เขาก็คือท่านราชครูคนปัจจุบัน
ยามนั้นท่านราชครูยังทันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาอาศัยว่าอาจารย์เอ็นดูจึงได้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลกู่ด้วยกันกับอาจารย์ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าแวบแรกที่เขาเห็นอวิ๋นจูในงานเลี้ยง เขาก็กล่าวทันทีว่าอวิ๋นจูเป็นสตรีอัปมงคล จะนำพาหายนะมาให้ผู้คนรอบข้าง ทารกในครรภ์ของนางยิ่งแย่กว่า เป็นร่างกลับชาติมาเกิดของดาวหายนะแห่งแว่นแคว้น เผ่าเยี่ยหลัวทั้งเผ่าจะย่อยยับในมือเด็กคนนั้น
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง หากคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของผู้อื่น บางทีพวกเขาอาจไม่เชื่อ แต่อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ไสยเวทอัจฉริยะที่ร้อยปีจะหาพบสักคนของเผ่าเยี่ยหลัว เรื่องที่เขาเอ่ยออกมายังไม่เคยไม่เป็นจริงมาก่อน
เขาบอกว่าอวิ๋นจูเป็นตัวอัปมงคล ถ้าเช่นนั้นอวิ๋นจูย่อมเป็นตัวอัปมงคลจริงๆ
เขาบอกว่าอวิ๋นจูอุ้มท้องดาวหายนะของแว่นแคว้นอยู่ ถ้าเช่นนั้นอวิ๋นจูย่อมอุ้มท้องดาวหายนะของแว่นแคว้นอยู่จริงๆ
เวลานี้แม้แต่กู่เฉียนก็เงียบงัน
บิดาของกู่เฉียนถามเด็กหนุ่มว่ามีวิธีแก้ไขหรือไม่
เด็กหนุ่มตอบว่าฆ่าลูกรักษาแม่
คำตอบดูเหมือนไว้หน้าตระกูลกู่กับอวิ๋นจูแล้ว แต่สำหรับมารดาคนหนึ่งกับตระกูลที่มีทายาทน้อยนิดแห่งหนึ่ง การสังหารเด็กคนนั้นเทียบเท่ากับจะเอาชีวิตของพวกเขา
ทว่าระหว่างเผ่าเยี่ยหลัวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ตระกูลกู่เลือกสิ่งแรก
ยาขับเลือดถูกใส่ลงไปในน้ำแกงของอวิ๋นจู คืนนั้นอวิ๋นจูก็ตกเลือด